นายกรวีร์ กล่าวว่า ในการจัดสรรงบประมาณในปี 2565 นี้ โจทย์ใหญ่และใจความสำคัญคือการแก้ปัญหาโควิด -19 เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่ในการจัดงบประมาณให้กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นกระทรวงหลักในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ Covid 19 นั้น
กลับถูกตัดงบประมาณลดลง 4,338 ล้านบาท การจัดงบประมาณสะท้อนถึงการจัดลำดับความสำคัญ
หากสำนักงบประมาณเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้กับประชาชน กระทรวงสาธารณสุขจะไม่ถูกจัดเป็นอันดับ 6 ซึ่งการสร้างความมั่นคงขนะนี้คือการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข ไม่ใช่การสร้างความมั่นคงอื่นๆ
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคที่เป็นหน่วยงานควบคุมการแพร่ระบาดของโลก ถูกตัดงบประมาณ 479 ล้านบาท และงบจัดซื้อวัคซีน 12,000 ล้านบาท ส่วนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หน่วยงานที่ออกไปคัดกรอง Covid-19 ได้ถูกตัดงบประมาณ 144 ล้านบาท
“ตนขอท้วงติง สำนักงบประมาณ ว่าทราบหรือไม่ว่าการฉีดวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส ไม่ใช่เพียงมีวัคซีนและเข็มฉีดยาเท่านั้น แต่ต้องมี อุปกรณ์สื่อสารอื่นๆร่วมด้วยเช่นเครื่องวัดความดัน ออกซิเจน จุดบริการน้ำดื่ม และอื่นๆ ซึ่งต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น แต่ไม่สนับสนุนงบประมาณ ตามโรงพยาบาลประจำหน่วย ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับทำให้เป็นภาระของสาธารณสุข”
นายกรวีร์ ยังกล่าวอีกว่า “การแพร่เชื้อระบาด Covid – 19 ระลอก 3 ซึ่งมีการแพร่เชื้อระบาดเป็นจำนวนมากในกรุงเทพฯ แต่หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ กลับไม่ใช่เป็นกระทรวงสาธารณสุข แต่เป็นกระทรวงมหาดไทย โดย ศบค. ที่ระบุว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ฉับไว แต่ตัวเลขขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่าหลายพันคนต่อวัน
นอกจากนี้มีการระบุว่าจะมีการระดมวัคซีน ของคนต่างจังหวัดมาฉีดในพื้นที่กทม. แต่ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้จริงและจบการระบาดได้ ซึ่งงบประมาณในปีนี้ (2565) จัดสรรอยู่ที่ 3.1 ล้านล้านบาท เป็นงบรายได้ที่มาจากการท่องเที่ยว 2.4 ล้านล้านบาท และกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 7 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2565 มีการคาดการณ์ เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว 20.8 ล้านคน และจะสร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท แต่ สำนักงบประมาณ กลับไปตัดงบการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 1,965 ล้านบาท”