เขาว่าวัคซีนหาย-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ใจเย็นๆ ครับ….

            วันสองวันมานี้มีคนตามหาวัคซีน AstraZeneca  กันให้ควั่ก!

ตามหัวเรื่อง

            ไหนบอกว่า “ของเหลือ” ประเทศอื่นไม่เอาแล้ว

            แต่วันนี้หัวเด็ดตีนขาดต้องหามาให้ได้

            ถ้าไม่ได้ รัฐบาลต้องออกไป 

            เรื่องนี้ปูพื้นกันสักนิดครับ เพื่อให้เห็นสันดานคน

            AstraZeneca ถูกกำหนดเป็นวัคซีนหลักของประเทศ แต่ถูกฝ่ายแค้นโดย “ธนาธร” โจมตีว่าเป็นการแทงม้าตัวเดียว

            แถมยังเอา บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งกําลังผลิตวัคซีนปีละ ๑๐๐ ล้านโดส ไปโจมตี ลากไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง

            กลางเดือนเมษายน “อรุณี กาสยานนท์” โฆษกพรรคเพื่อไทย โจมตีวัคซีน AstraZeneca ว่า….

                “ความผิดพลาดของรัฐบาลในตอนนี้คือ เชื่อว่าตัวเองทำเต็มที่และทำดีที่สุดแล้ว ทั้งที่ได้วัคซีนน้อยและช้า แถมยังได้ของไม่ดีอีกด้วย ประเทศอื่นเตรียมทิ้งแอสตร้าเซนเนก้า แต่เรายังมั่นใจในประสิทธิภาพเต็มร้อย

                อยากถามว่าวัคซีนที่กำลังจะเข้ามาคือของเหลือจากประเทศอื่นหรือไม่ หรือท่านยึดถือนโยบายขยะของเขาคือสมบัติของเรา”

            มาถึงวันนี้หลายคนในพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ทุรนทุราย อยากฉีดวัคซีน พากันถามว่าวัคซีนอยู่ไหน โดยเฉพาะ  AstraZeneca ๑.๗ ล้านโดสที่บอกว่าจะมากลางเดือน-ปลายเดือนพฤษภาคม

            ข่าวขยายออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง วัคซีน  AstraZeneca ๑.๗ ล้านโดส ขาใหญ่ที่ไหนตัดหน้าเอาไป ทำให้วัคซีนไม่ถึงประชาชน

            ครับ…ของพวกนี้ตั้งคำถามได้ และภาครัฐมีหน้าที่ต้องตอบ

            ก็ต้องตำหนิภาครัฐอยู่เหมือนกันที่เชื่องช้าต่อการชี้แจง  ทั้งที่มีข้อมูลพร้อมที่จะมาทำความเข้าใจกับประชาชน

             แต่ปล่อยให้มีการนำประเด็นไปบิดเบือนสร้างความสับสน เข้าใจผิด ในวงกว้าง

            ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านแทนที่จะพูดความจริงกับประชาชน กลับใช้ชุดข้อมูลเท็จไปขยายความต่อ และตั้งคำถามที่ไม่เข้าท่า

            กลายเป็นนักการเมืองคุณภาพต่ำ

            ถามหน่อย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีนแค่ไหน ที่ต้องถามเพราะ “พิธา” ตั้งคำถามแบบไม่ทำการบ้าน

            เช่น….

                “…การระบาดในประเทศเริ่มมีสายพันธุ์โควิด-๑๙ สายพันธุ์อื่นเพิ่มขึ้น อย่าง สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ดังนั้นรัฐมีแนวทางในการรับมืออย่างไร ถ้าเกิดการระบาดด้วยไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ในประเทศไทย ในขณะที่วัคซีนหลักอย่าง  AstraZeneca มีรายงานว่ามีประสิทธิภาพต่ำเมื่อเจอกับไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้

                สรุปแล้วแผนหลักของการกระจายวัคซีนของรัฐบาลมีเนื้อหาหน้าตาอย่างไร และควรจะต้องประกาศให้ประชาชนรับทราบให้ตรงกัน การให้ข้อมูลที่แท้จริงกับประชาชนเป็นสิ่งปกติที่พึงกระทำ ยิ่งในห้วงวิกฤติแบบนี้ ยิ่งควรต้องสื่อสารให้ข้อมูลอย่างตรงประเด็น รอบด้านที่สุด…”

            ถ้า “พิธา” ติดตามข้อมูลข่าวสารจะเห็นคำตอบคือ ผลจากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ดื้อต่อวัคซีนแทบทุกชนิด แต่ WHO แนะนำว่าไม่ว่าวัคซีนยี่ห้อไหนให้ฉีดกันต่อไป

            ต่อมาคำถาม แผนกระจายวัคซีนของรัฐบาลมีเนื้อหาหน้าตาอย่างไร?

            ที่ถามเช่นนี้แสดงว่า “พิธา” ไม่ได้ดูการชี้แจงแผนจัดการจัดสรรวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม

            ซึ่งจะนำไปสู่การอธิบายว่า AstraZeneca ๑.๗  ล้านโดสหายไปไหน

            ใบแถลงข่าวในวันนั้นซึ่งหาดูได้เป็นการทั่วไปในเพจเกี่ยวกับโควิด-๑๙ ของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และศบค.

            รายละเอียดตามนี้ครับ….

            แผนการส่งมอบวัคซีนโควิด-๑๙ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๔

            เดือน/ชนิดวัคซีน/จำนวนวัคซีนที่จัดหา (โดส)

            กุมภาพันธ์ Sinovac ๒ แสนโดส AstraZeneca  ๑.๑๗ แสนโดส

            มีนาคม Sinovac ๘ แสนโดส

            เมษายน Sinovac ๑.๕ ล้านโดส

            พฤษภาคม Sinovac ๓.๕ ล้านโดส

            มิถุนายน AstraZeneca ๖.๓ ล้านโดส

            กรกฎาคม AstraZeneca ๑๐ ล้านโดส

            สิงหาคม AstraZeneca ๑๐ ล้านโดส

            กันยายน AstraZeneca ๑๐ ล้านโดส

            ตุลาคม AstraZeneca ๑๐ ล้านโดส

            พฤศจิกายน AstraZeneca ๑๐ ล้านโดส

            ธันวาคม AstraZeneca ๕ ล้านโดส

            จัดหาเพิ่มเติม ๓๗ ล้านโดส

            ประมาณการ Johnson ๑๐ ล้านโดส

            Pfizer ๒๐ ล้านโดส

            Sinovac ๗ ล้านโดส

            ช่วงเวลาที่ข้องใจกันอยู่คือ เดือนพฤษภาคม ที่เคยมีการให้ข่าวว่าจะได้ AstraZeneca มา ๑.๗ ล้านโดส แล้วตอนนี้หายไปไหน

            ที่จริงเป็นการตั้งคำถามแบบไม่ค่อยใช้สมองคิดกันเท่าไหร่

            ถ้าตั้งคำถามว่าวัคซีนหายไปไหนพันโดสยังพอฟังขึ้น  แต่ ๑.๗ ล้านโดส ถ้าหายคงเป็นการหายล็อตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

            และโลกคงจะให้ความสนใจอย่างมาก

            คล้ายๆ ข่าว ฮ่องกงอาจต้องทิ้งวัคซีนโควิดของไฟเซอร์-ไบออนเทคหลายล้านโดสที่ไม่ได้ใช้ เพราะใกล้จะหมดอายุภายใน ๓ เดือน

            เพียงเพราะไม่มีคนแสดงความประสงค์จะฉีดวัคซีน

            ทีนี้มาดูคำอธิบายจาก “สาธิต ปิตุเตชะ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน

                “…จำนวน ๑.๗ ล้านโดสยังไม่ได้มีการส่งมอบในเดือนพฤษภาคมนี้ เพราะกำหนดการเดิมจะส่งมอบในเดือนมิถุนายน ๖ ล้านโดส แต่เราไปขอเขาให้ส่งล่วงหน้า ๑.๗ ล้านโดส เพิ่มเติมจากล็อตก่อนหน้านี้ที่ส่งมาจากเกาหลีใต้ ๑.๑๗  แสนโดส

                เดิมทีเขาจะส่งให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องค่าเบี่ยงเบนตามเอกสารนิดหน่อย ทำให้อาจต้องไปส่งมอบเดือนมิถุนายนทีเดียว

                มองในมุมบวกคือบริษัทเขาทำตามมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ตอนนี้ยังมั่นใจว่าการส่งมอบจะเป็นไปตามข้อกำหนดเดิมที่ทำไว้ แต่ส่วนที่มีปัญหาไม่สามารถส่งมอบได้  ๑.๗ ล้านโดสเป็นส่วนของ Earlier Delivery ซึ่งเขาอาจจะยังไม่ให้ความสำคัญมากนัก…”

            เข้าใจนะครับ ไม่ต้องตามหาวัคซีนอีก

            ส่วนคำถาม AstraZeneca สามารถส่งวัคซีนได้ตามกำหนดหรือไม่?

            คำชี้แจงจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย)  เป็นไปตามนี้ครับ

            “….การผลิตวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทยมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ยืนยัน พร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนล็อตแรกที่ผลิตโดย สยามไบโอไซเอนซ์ ให้แก่รัฐบาลไทยตามกำหนดภายในเดือนมิถุนายน เพื่อนำไปดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป

                นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า  (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท แอสตร้าเซนเนก้าและสยามไบโอไซเอนซ์ ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของวัคซีนอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน เพื่อส่งมอบวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับรัฐบาลไทยใช้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิดให้ได้โดยเร็วที่สุด

                ทั้งนี้ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้าเชื่อมั่นว่า สยามไบโอไซเอนซ์ มีมาตรฐานการผลิตสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล บริษัทฯ จึงเลือกสยามไบโอไซเอนซ์ให้เป็นผู้ผลิตวัคซีนให้กับประเทศไทยและอีก ๘ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศต่าง ๆ ได้เข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม…”

            เรื่องมันมีอยู่แค่นี้จริงๆ

0 replies on “เขาว่าวัคซีนหาย-ผักกาดหอม”