อย่าให้ฝ่ายค้านแหกตา

โทษที วันนี้เปื่อยเฉพาะกิจ!
วันก่อนไปกินของแพงมา ดูท่าท้องไส้ไม่ค่อยชิน บวกกับกินไม่เป็นเวลา โรคกระเพาะเจ้าประจำเลยก่อตัวพร้อมฮากิบีส ป่วนปั่นพานบ้านหมุน ต้องกินน้ำแทนเนื้อ
ที่บอกจะนำบางเรื่องมาคุยวันนี้ ตั้งท่าหน้าคอมพ์ แต่เข็นไม่ไหว เรี่ยวแรงมันพลอยหายไปทางไหนก็ไม่รู้
แต่ก็ไม่เป็นไร เรื่องที่ตั้งใจ ก็เห็นหลายท่านนำมาเขียนแล้วโพสต์เวียนกันอ่านมากหน้าหลายเวอร์ชั่นอยู่แล้ว
ฉะนั้น ผมจะเขียน-ไม่เขียน ครือกัน
เป็นอันว่าระยะนี้ ต้องพึ่งบริการคุณ “ผักกาดหอม” ไปเรื่อยๆ ก่อน
เหตุมันประจวบหลายเรื่องน่ะครับ คือนอกจากผมป่วยเฉพาะกาลแล้ว ก็อย่างที่เรียนไปวันก่อน ว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียว คอมพิวเตอร์ในระบบการผลิต พังไปครึ่งแถบ
ช่วงนี้ ทุกอย่างในกระบวนการผลิตไทยโพสต์ให้ออกมาเป็นฉบับวางแผง จึงต้องเร็ว และเร็วขึ้น

แต่ผม นับวันแต่ช้า และช้าลง
ฉะนั้น ให้คนหนุ่มคนแน่น อย่างคุณผักกาดหอม ที่จะคิด-จะเขียนก็ปรู๊ดปร๊าด สตาร์ทติด เขาว่าการไป
ส่วนผมก็ท้องมันปวด จึงปวดท้อง ได้อู้งานบ่อยๆ มันก็สบายดี ชักติดแฮะ!
-เปลว สีเงิน
———————————-

อย่าให้ฝ่ายแค้นแหกตา
ผักกาดหอม

ดูไว้…..ไม่เสียหลาย
การชุมนุมอันยืดเยื้อของ อาตี๋ อาหมวย ฮ่องกง จากค้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาเป็นให้คนฮ่องกงเลือกผู้นำของตนเอง
เพราะคนฮ่องกงไม่ใช่คนจีน
วันนี้ได้เห็นถึงผลกระทบที่ชัดเจนแล้ว
อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ติดลบ ๑%
ค้าปลีกโดยมูลค่าลดลง ๒๓%
นักท่องเที่ยวหายไป ๔๐%
ส่งออกหดในระดับเลวร้ายที่สุดในรอบ ๑๐ ปี
ฮ่องกงพลาดโอกาส  “โกลเดนวีก” วันหยุดช่วงวันชาติจีน ๑-๗ ตุลาคมที่ผ่านมา
คนจีนไม่เข้าไปชิมช้อปใช้ในฮ่องกง
สูญเสียมหาศาล ค้าปลีกนั่งตบยุง
เหตุการณ์ชุมนุมยังไม่มีวี่แววจะจบลงเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า ตัวเลขทุกตัวจะพร้อมใจกันดิ่งเหวลงไปเรื่อยๆ
สี จิ้นผิง นั่งบนภู บีบสิวเล่นไปเรื่อยๆ รอ อาตี๋ อาหมวย ฮ่องกง แทะแขนแทะขาตัวเอง
ได้ที่เมื่อไหร่….ก็จบ
ใครเชียร์ฮ่องกงไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่หากคิดจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นฮ่องกง ก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง
แต่ไทยกับฮ่องกงต่างกันมาก
ฉิบหาย เมื่อไหร่ ไม่มีใครเข้ามาอุ้ม เหมือน สี จิ้นผิง อุ้มฮ่องกง
เลือดจะไหลซิบๆ กันทุกคน…..ทั่วหน้า
ลำพังผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกก็หนักหนาอยู่แล้ว หากมีโรคแทรกซ้อน เพราะฮ่องกงโมเดล ก็ลองหลับตานึกดู
๑๗-๑๘ ตุลาคมนี้ เปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๓
กระทรวงไหนได้งบประมาณเท่าไหร่ มีตัวเลขที่ควรรู้
งบประมาณ ๒๕๖๓ วงเงิน ๓.๒ ล้านล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน ๒ แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ๖.๗%
อันดับ ๑ กระทรวงศึกษาธิการ ได้งบประมาณ จำนวน ๓๖๘,๖๖๐.๓๔ ล้านบาท (งบประมาณบางส่วนไปอยู่ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม)
อันดับ ๒ กระทรวงมหาดไทย ได้งบประมาณ จำนวน ๓๕๓,๐๐๗.๔๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบปี ๒๕๖๒ จำนวน ๒๕,๒๖๔.๗๖ ล้านบาท
อันดับ ๓ กระทรวงการคลัง ได้งบประมาณ จำนวน ๒๔๙,๖๗๕.๙๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบปี ๒๕๖๒ จำนวน ๖,๗๒๗.๙๘ ล้านบาท
อันดับ ๔ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ จำนวน ๒๓๓,๓๕๓.๔๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบปี ๒๕๖๒ จำนวน ๖,๒๒๖.๘๖ ล้านบาท
ไฮไลต์อยู่ที่ลำดับ ๔ ฝ่ายแค้นจองกฐินมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งด้วยซ้ำ
จะตัดงบกลาโหมไปช่วยคนจน เพราะไทยยังเป็นประเทศยากจนอยู่
กองทัพต้องเลิกซื้ออาวุธ เพราะโลกแข่งขันกันด้านเศรษฐกิจ ไม่มีประเทศไหนคิดทำสงครามแล้ว
แล้วจะซื้ออาวุธไปรบกับใคร
เรือดำน้ำ รถถัง เครื่องบิน ซื้อมาก็ไร้ประโยชน์
ทหารคอร์รัปชันการซื้อขายอาวุธ งบเยอะก็กินกันเยอะ
หลักๆ ที่ฝ่ายแค้นให้เหตุผลในการตัดงบประมาณกองทัพ ก็ประมาณนี้
ฟังเอามัน….พอได้
เอาไว้หลอกมวลชนตัวเอง ก็คงจะเชื่อกันไปตามนั้น
ครับ…เรายังอยู่ในยุคนักการเมืองกะล่อน มีตัวเลขแต่ไม่เอามาให้ประชาชนดู เพราะมันไม่ตรงกับใจอยาก
ด่ากองทัพ ด่าทหาร ไอ้พวกโกงอย่าให้เงินมันไปซื้ออาวุธ แบบนี้ง่ายดี
ทั้งคนพูดและคนฟัง
แต่…ตัวเลขมันมี และเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้
งบกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี….ก็ถูกแล้ว
เพราะเม็ดเงินงบประมาณโดยรวมเพิ่มขึ้นทุกปี
ทุกกระทรวงต่างได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น
ปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณน้อยลง ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอัตราการเกิดน้อยลง เด็กน้อยลง ค่าใช้จ่ายก็น้อยลง แต่กระทรวงศึกษาธิการยังคงเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณเป็นอันดับที่ ๑ อยู่ดี
ตัดมาที่งบกระทรวงกลาโหม
ยุคทายาท คสช. กองทัพได้งบเพิ่มขึ้นจนมีนัยสำคัญจริงหรือไม่
ทหารเพิ่มงบให้ตัวเองมากกว่าคนอื่นจริงหรือเปล่า
งั้นก็ขี่ไทม์แมชชีนกลับไปปี ๒๕๔๗
เป็นช่วงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศ
ปีนั้นงบประมาณกระทรวงกลาโหม คิดเป็น ๗.๖๓% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
ขณะที่งบประมาณปี ๒๕๖๒ ที่จัดทำโดยรัฐบาล คสช. คิดเป็น ๗.๖% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
และงบประมาณปี ๒๕๖๓ ซึ่งจัดทำโดยรัฐบาลประยุทธ์ คิดเป็น ๗.๓% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
เห็นตัวเลขแล้วคิดอ่านประการใด
มา…มาดูกันให้ละเอียดยิบ ระหว่างกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบคือ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข
ปี ๒๕๔๗ กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณ ๗.๘๕ หมื่นล้านบาท คิดเป็น ๗.๖๓% ของงบรวม ๑.๐๒๘ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการได้ ๑.๙ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๔.๕๑ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๔๘ กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณ ๘.๑๒ หมื่นล้านบาท คิดเป็น ๖.๗๖% ของงบรวม ๑.๒ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๒.๐๓ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๔.๕๐ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๔๙ กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณ ๘.๕๙ หมื่นล้านบาท คิดเป็น ๖.๓๑๖% ของงบรวม ๑.๓๖ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๒.๒๕ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๕.๒๖๕ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๐ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๑๕ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๓๗% ของงบรวม ๑.๕๖ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๒.๘๒ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๖.๒๒๘ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๑ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๔๓ แสนล้านบาท
คิดเป็น ๘.๖๑% ของงบรวม ๑.๖๖ ล้านล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ๓.๐๑๐ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๖.๕๔๓ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๒ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๗๐๑ แสนล้านบาท คิดเป็น ๙.๒๗% ของงบรวม ๑.๘๓๕ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๓.๓๒๒ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๗.๐๙๐ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๓ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๕๔๐ แสนล้านบาท คิดเป็น ๙.๐๖% ของงบรวม ๑.๗ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๓.๔๖๗ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๗.๑๖๒ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๔ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๖๘๕ แสนล้านบาท คิดเป็น ๘.๑๔% ของงบรวม ๒.๐๗ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๓.๙๑๑ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๘.๖๙๐ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๕ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๖๘๖ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๐๘% ของงบรวม ๒.๓๘ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๔.๒๐๔ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๙.๑๙๙ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๖ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๘๐๔ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๕๒% ของงบรวม ๒.๔ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๔.๖๐๔ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๙.๙๗๘ หมื่นล้านบาท
ปี ๒๕๕๗ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๘๓๘ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๒๘% ของงบรวม ๒.๕๒๕ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๔.๘๒๗ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๑.๐๖ แสนล้านบาท
ปี ๒๕๕๘ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๑.๙๒ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๔๕% ของงบรวม ๒.๕๗๕ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๕.๐๑ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๑.๐๐๙ แสนล้านบาท
ปี ๒๕๕๙ กระทรวงกลาโหม ได้งบ ๒.๐๖ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๕๗% ของงบรวม ๒.๗๒๐ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๕.๑๗ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๑.๒๓ แสนล้านบาท
ปี ๒๕๖๐ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๒.๑๓๕ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๓๐% ของงบรวม ๒.๙๒๓ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๕.๑๓๙ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๑.๓๑๑ แสนล้านบาท
ปี ๒๕๖๑ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๒.๒๒ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๖๕% ของงบรวม ๒.๙ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๕.๑๐๙ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๑.๓๖๑ แสนล้านบาท
ปี ๒๕๖๒ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๒.๒๗ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๖% ของงบรวม ๓ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๔.๘๙ แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ๑.๓๕ แสนล้านบาท
ปี ๒๕๖๓ กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณ ๒.๓๓ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๓% ของงบรวม ๓.๒ ล้านล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการ ๓.๖๘ แสนล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๑.๔๐ แสนล้านบาท และกระทรวงสาธารณสุข ๑.๓๘๗ แสนล้านบาท
สมัย “ทักษิณ” กลาโหมได้งบประมาณ ๗.๖๓%
สมัยยิ่งลักษณ์ ๘.๑๔%
ปีนี้รัฐบาลประยุทธ์ ๗.๓%
เป็นไง…ตัวเลขไม่เคยโกหก

Written By
More from plew
ก้าวไกล “ไม่รู้จักเสือ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ขึ้นชื่อว่า “โจร” ก่อนปล้น จะร่วมมือกัน ได้สมบัติมาแล้ว จะฆ่ากัน!
Read More
One reply on “อย่าให้ฝ่ายค้านแหกตา”
  1. says: Jantavikulbutr Kaeo

    รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ป๋าเปลว ขอให้หายป่วยเร็ว ๆ ค่ะ แฟนคลับเป็นห่วงมาก

Comments are closed.