ผักกาดหอม
ยอดไม่เคยตก
โซเชียลแวดวงสามนิ้ว ปั่นเรื่องให้เสพกันไม่เว้นวัน
หลายเรื่องไม่ควรเป็นเรื่อง แต่ก็สร้างเรื่อง มะรุมมะตุ้มด่ารัฐบาล พาลไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่เว้นกระทั่ง พวกที่เพิ่งจะได้ประกันตัวออกมาอย่าง “รุ้ง” ก็ดูเหมือนยังไม่เข็ด
เห็นยังแชร์ข้อความเข้าข่ายผิด ม.๑๑๒ อยู่
ก็…อยู่ที่จะมีการฟ้องร้องหรือไม่?
ถ้าว่ากันตามที่ “สุริยัณห์ หงษ์วิไล” โฆษกศาลยุติธรรม แจกแจงไปเมื่อวันเสาร์ ถึงรายละเอียดการให้ประกันตัว “รุ้ง” คิดว่าไม่น่ารอด
ขณะนี้ “รุ้ง” ได้รับการปล่อยตัวโดยศาลใช้มาตรการ “การกำกับดูแลในระหว่างที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว”
ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการหลบหนี หรือภัยอันตรายได้ดีกว่าการเรียกให้วางหลักประกัน เพราะเป็นระบบให้อำนาจศาลตั้งผู้กำกับดูแลคอยสอดส่องพฤติกรรมของผู้ต้องหาหรือจำเลย ที่ถูกปล่อยออกไปได้ด้วย
ลองตามไปดู เฟซบุ๊ก Panusaya Sithijirawattanakul โพสต์วันที่ ๗ พฤษภาคม เวลา ๒๓.๔๖ น. ครับจะพบการแชร์บางข้อความที่ไม่พึงประสงค์
แม้จะมีคนเข้าไปเตือนว่า แฮชแท็กหมิ่นสถาบันแบบนี้ ผิดเงื่อนไขการได้รับประกันตัวชัดๆ
“รุ้ง” ก็ไม่ลบ!
“รุ้ง” จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้
หรือจะอ้างว่าคนอื่นโพสต์ เพราะตอนอยู่เรือนจำมีแอดมินดูแลเฟซบุ๊กให้ ฉะนั้นจึงไม่รู้ไม่เห็น จะอ้างแบบนี้ไม่ได้
กรณีคล้ายกันนี้และกำลังถูกขุดขึ้นมาสร้างความเข้าใจผิดเพื่อโจมตีศาลกันอีกครั้ง นั่นคือคำพิพากษาคดี “อากง”
ก็เฟซบุ๊กของ “รุ้ง” นี่แหละครับ แชร์มาจาก “นิธิวัต วรรณศิริ” ผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ ที่หลบหนีไปประเทศฝรั่งเศส และใช้ชื่อเฟซบุ๊ก “จอมไฟเย็น ปฏิกษัตริย์นิยม”
ข้อความพูดถึงคดีอากงเน้นดรามา โดยไม่มีรายละเอียดของคดีแม้แต่น้อย
“….นอกจากอากงแล้ว ในคดีนี้ไม่มีพยานอื่นใดอีก นอกจาก หลานสาวคนโตของอากง วัย ๙ ขวบ
คำให้การจากหลานสาววัย ๙ ขวบ ของอากง อำพล ตั้งนพกุล เหยื่อคดีหมิ่นฯ ในข้อหาส่ง SMS หมิ่นฯ ให้เลขานายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ในการสืบพยานจำเลยวันนี้
หลานสาวอากงมาขึ้นศาลด้วยความตื่นกลัวกับบรรยากาศภายในศาล และด้วยแทบไม่รู้ตัวมาก่อนว่าต้องขึ้นเป็นพยานให้อากงด้วย จึงหวาดกลัวตื่นเต้นและทำอะไรไม่ค่อยถูก
ศาลถามว่า : หนูเคยเห็นอากงใช้มือถือส่ง SMS ไปหาใครบ้างมั้ย?
หลานสาวอากง : หนูไม่เคยเห็นค่ะ เห็นแต่ใช้โทรเข้าโทรออก เพราะอากงส่ง SMS ไม่เป็น อากงใช้โทรศัพท์ยังไม่ค่อยจะเป็นเลย
เวลาจะโทรไปหาใครทีนึง อากงต้องนั่งเอาสมุดโน้ตของอากง ที่จดเบอร์คนนู้นคนนี้ไว้ มากางแหมะบนโต๊ะ แล้วค่อยนั่งจิ้มเบอร์จากในสมุดนั้นเวลาจะโทรไปหาใครๆ เลย
…ศาลหมดคำถาม…”
โพสต์นี้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ อุตส่าห์ไปขุดมา ฉะนั้นอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงเจตนาของ “รุ้ง”
และมันก็ได้ผล สามนิ้วพากันด่าศาล
แต่จะหาคนที่เข้าไปดูคำพิพากษาคดีนี้ยากเต็มทน
มาดูกันว่าคดีนี้พิพากษาเอาไว้เช่นไร
“….โจทก์ฟ้องว่า อำพล ตั้งนพกุล อายุ ๖๐ ปี ได้ส่งข้อความสั้นจำนวน ๔ ข้อความ ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของ สมเกียรติ ครองวัฒนาสุข เลขานุการส่วนตัวของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยข้อความสั้นจะถูกนำเข้าไปที่ Short Message Service Centre จากนั้นก็นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุกข้อความเป็นการหมิ่นประมาทและแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์พระราชินี และรัชทายาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำสืบพบว่า โทรศัพท์ที่ส่งข้อความมามีหมายเลขประจำเครื่องหรือหมายเลขอีมี หมายเลข ๓๕๘๙๐๖๐๐๐๐๒๓๐๑๑๐ เมื่อตรวจสอบ พบว่าเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว ได้ติดต่อไปยังหมายเลขของ ปรวรรณ ตั้งนพกุล ปิยะมาศ ตั้งนพกุล บุตรสาว อำพล และได้สอบปากคำพบว่าเครื่องดังกล่าวที่โทรออก เป็นโทรศัพท์ของ อำพลจริง
พยานโจทก์สืบสวนโดยตรวจสอบการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และหมายเลขประจำเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้กับซิมการ์ดดังกล่าวไปยังบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ทำให้ทราบว่าโทรศัพท์หมายเลข ๐๘-๑๓๔๙-๓๖๑๕ เป็นระบบเติมเงินไม่จดทะเบียน ใช้งานกับเครื่องโทรศัพท์หมายเลขประจำเครื่องซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกับโทรศัพท์ อำพล และใช้อยู่กับซิมการ์ดหมายเลข ๐๘-๕๘๓๘-๔๖๒๗ ของ อำพล เช่นกัน ซึ่งเป็นระบบเติมเงินไม่จดทะเบียนในเครือข่ายของบริษัท ทรูมูฟ ทั้งนี้พยานโจทก์ให้ข้อมูลว่าหมายเลขประจำเครื่องไม่สามารถซ้ำกันได้
พบว่าหมายเลข ๐๘-๕๘๓๘-๔๖๒๗ กับหมายเลข ๐๘-๑๓๔๙-๓๖๑๕ ถูกส่งสัญญาณโดยสถานีย่อยบริเวณซอยวัดด่านสำโรง ๑๒ ซึ่งเป็นย่านเดียวกับที่จำเลยพัก โดยมีการสับเปลี่ยนระหว่าง ๒ หมายเลข รวม ๑๒ ครั้ง เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้ใช้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวผู้เดียว จึงเป็นการยากที่บุคคลอื่นจะนำโทรศัพท์ไปส่งข้อความได้ และเวลาการใช้งานใกล้เคียงกันกับเวลาที่มีการส่งข้อความทั้ง ๔ ครั้ง โดยแต่ละหมายเลขมีระยะเวลาห่างกัน ๑๐ นาที ซึ่งนานพอที่จะเปลี่ยนซิมการ์ดใส่โทรศัพท์เพื่อกระทำผิดในคดีนี้
ส่วนที่จำเลยนำสืบอ้างว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าวชำรุดและนำไปซ่อม ทำให้สงสัยได้ว่ามีผู้นำโทรศัพท์ของจำเลยไปใช้ในช่วงเวลาที่ซ่อมหรือร้านซ่อมโทรศัพท์อาจแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือขโมยหมายเลขประจำเครื่อง แต่จากคำเบิกความของตำรวจว่าจำเลยไม่สามารถจดจำร้านซ่อมโทรศัพท์ได้ ทั้งนี้หากจำเลยนำโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าวไปซ่อมจริงตามที่เบิกความ น่าจะจำร้านซ่อมโทรศัพท์ได้ มิฉะนั้นคงจะไปรับโทรศัพท์คืนไม่ได้
แม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบแสดงให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้ที่ส่งข้อความตามฟ้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข ๐๘-๑๓๔๙-๓๖๑๕ ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ สมเกียรติ โดยตรง แต่ก็เพราะเป็นการยากที่โจทก์จะนำสืบด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรงย่อมจะต้องปกปิดการกระทำ จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลจากพยานแวดล้อม ซึ่งจากพยานแวดล้อมที่โจทก์นำสืบมาทั้งหมดนั้น ก็สามารถนำสืบแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ทั้งหมดโดยไม่มีข้อพิรุธ จึงมีน้ำหนักว่าจำเลยเป็นผู้ส่งข้อความทั้งสี่ข้อความ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการนำเข้าสู่ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรด้วย…”
นี่คือสิ่งที่ไม่มีในโซเชียลสามนิ้ว
คดีนี้ใกล้เคียงกับคดีตายายเก็บเห็ด
คดีที่ว่านี้ไม่มีตายาย เพราะผู้ถูกดำเนินคดีสองผัวเมียอายุ ๔๘ ปี
ไม่ใช่คดีเก็บเห็ด แต่เป็นคดีร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองและทำประโยชน์โดยการทำไม้ในป่าดงระแนง ตำบลคลองขาม อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ใช้อุปกรณ์เครื่องมือ ตัดและโค่นไม้สักไม้กระยาเลยที่เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ออกจากต้นจำนวน ๗๐๐ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และมิได้รับสัมปทานหรือได้รับยกเว้นใดๆ ตามกฎหมาย
และศาลสั่งจำคุก ๕ ปี
สองสามวันที่แล้ว “รุ้ง” ปล่อยข่าว “เพนกวิน” หายตัว เสร็จแล้วเที่ยวชี้นิ้วสั่งให้รัฐชี้แจง
พฤษภาคม มีอีเวนต์ให้เล่นกันตลอดทั้งเดือนครับ
๑๑ พฤษภาคม วันปรีดี พนมยงค์
๗-๑๙ พฤษภาคม สลายการชุมนุมเสื้อแดง ปี ๒๕๕๓
๑๗ พฤษภาคม พฤษภาทมิฬ ๒๕๓๕
๒๒ พฤษภาคม เตรียมไว้ สามนิ้วจะเล่นเรื่องรัฐประหาร
และทั้งหมดจะวกกลับไปโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
ขอให้โชคดี ประตูเรือนจำเปิดรออยู่เสมอ.