เปลว สีเงิน
ขอบอกกล่าวกันนิดครับ
ช่วงนี้ผมคงคุยแบบ “ตะกุยๆ คุย” แล้วรีบเผ่น เพราะโควิดมันรุกประชิดมาติดโรงพิมพ์เหลือเกิน
“ไทยโพสต์” จะปิด “หนีโควิด” ก็เสียเชิง
ครั้นจะเปิดหน้าสู้ ก็กลัวหน้าแหกถึงปอด!
ก็เลยเอาแบบ “ครึ่งปิด-ครึ่งเปิด” ครั้นจะพึ่งหลวงพ่อวัดไหนก็คงไม่ไหวนะโยมเรื่องนี้
เผอิญจำได้ คุณอ้น “ทิพานัน ศิริชนะ” โพสต์ไว้ในเขตจอมทองว่า “มีปัญหาอะไรบอกอ้น…อ้นช่วยได้”
ก็เลยบอกเลขาฯ โทรไปหาคุณอ้นซิ ว่าเราอยู่เขตคลองเตยช่วยได้มั้ย ถ้าได้ ส่งหน่วยพิฆาตโควิดชนิดเคลื่อนที่เร็ว มาช่วยพ่นยาพิฆาตเชื้อโควิดให้หน่อย
จากเขตจอมทอง ฝั่งธนฯ มาคลองเตย โทรปุ๊บ-ถึงปั๊บ พ่นทั่วไทยโพสต์เว้นหลังคา เชื้อโควิดถ้ามี มันคงหนีไม่ทัน ชักแหง่ก ๆ แสบตา แหงแก๋หมด
จากวันเสาร์ ผมถึงได้ค่อยๆ ย่องมาโรงพิมพ์ ก็มาจิ้มคอมฯ คุยกะท่านนี่แหละ
ผมมันคนแก่ดัดยาก เขาให้เวิร์ค ฟรอม โฮม แต่มันไม่ได้กลิ่นกระดาษ และบรรยากาศรกๆ ด้วยกองหนังสือบนโต๊ะ ไร้อารมณ์คุย
จึงต้องรีบตะกุยคุยอย่างที่บอกนั่นแหละ เพราะกลับมืดค่ำ กลัวโควิดมันแอบบ้อมตรงปากซอย ยิ่งตอนนี้ รถราก็ไม่มีซะด้วย!
คุณทิพานัน เป็นลูกสาว “อาจารย์วันชัย ศิริชนะ” อดีตปลัดทบวงมหาวิทยาลัย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาแม่ฟ้าหลวง
เธอจบกฎหมาย ๒ ใบ จากสหรัฐฯ
เคยทำงานตลาดหลักทรัพย์ ดูแลด้านร่างกฎเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผู้จัดการบริษัท ที่โน่น-ที่นี่
ชอบ แต่ไม่รัก
ชอบและรักงานการเมืองมากกว่า ตรงที่ได้คลุกคลีชาวบ้าน สมัครสส.เขตจอมทอง คราวที่แล้ว “เกือบได้”
นึกว่าจะถอดใจ แต่การได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน อยู่กับชาวบ้าน ทำให้เธอรักและผูกพันกับชาวบ้าน
จนเดี๋ยวนี้ กลายเป็นลูก-เป็นหลาน ของคนทั้งจอมไปแล้ว
ไม่ยอมไปไหน พี่ๆ น้องๆ ไปเป็นหมอ เป็นอาจารย์ ส่วนเธอ ได้เป็นสส.หรือไม่ได้เป็น ไม่เป็นไร
ขอได้เป็น “หนูอ้นของคนจอมทอง” แค่นั้น เป็นความสุขจากความพอใจของเธอแล้ว
ก็แปลกดี…..
ชีวิตคุณอ้น “ชีวิตคนรุ่นใหม่” มันเป็น “ชีวิตที่เลือกได้” ก็ไม่รู้จะดีใจหรือกลุ้มใจกับคุณพ่อและพี่ๆ ของเธอ?
คุยเฉี่ยวการเมือง ก็ต้องคุยต่ออีกซักเรื่อง-สองเรื่อง เป็นเรื่อง “ควรรู้”ไม่เกี่ยวด้านวิพากษ์-วิจารณ์หรอก
เมื่อวาน (๙ พค.) ท่านประธานรัฐสภา อดีตนายกฯ “ชวน หลีกภัย” บอกว่า
“สภาต้องทำงานร่วมกับโควิด จะปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่ายอดผู้ติดเชื้อจ ะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
งานที่ต้องทำก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป เพราะมีกฎหมายสำคัญที่รอการพิจารณาอยู่ เช่นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ หากช้า จะเป็นปัญหา ส่งผลกระทบคนทั้งประเทศ….”
ครับ…..
กองทัพเดินด้วยท้อง ประเทศก็ต้องขับเคลื่อนด้วยงบประมาณ
ถ้าการบ้าน-การเมืองปกติ เรื่องงบประมาณ ถือเป็นเรื่องปกติในระบบสภา แต่ปีนี้ เห็นจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
บางคนให้ความเห็นว่า……..
ด้วยการเมืองในพรรครัฐบาลและการเมืองล่มประเทศ-ล้มสถาบันจากซีกค้านและในถนนบีบคั้น
งบประมาณผ่านสภาและประกาศใช้เมื่อไหร่?
เมื่อนั้น การ “ยุบสภา” อาจเกิดขึ้นได้
ก็…เอาใจ “โทนี่ สปัสซั่ม” เขาหน่อย ไอ้มนุษย์ไม่มียางอาย หนีคุกแล้ว หมู่นี้คึกกับพวกขี้ข้าในขลับเห่าถี่
ตอนนี้ จัดระบบ “แตกพรรค” ลงตัวแล้ว
เลือกตั้งใหม่ ทั้งพรรคแม่ พรรคขี้ข้า ย่ามใจไม่พลาด ทั้งสส.เขต-สส.ปาร์ตี้ลิสต์ อย่างคราวที่แล้วแน่
ตู่ ๓ ป.เสร็จแน่!
เราะเจอ “จุดตาย” แล้ว อยู่ที่ ป.แป้ง นี่เอง
ฉะนั้น สั่งชาวขี้ข้า ลุยขยี้ตรงจุด ป.แป้ง ให้หนัก เพราะเรื่องนี้ ทำให้ทุกฝ่าย กลายเป็นแนวร่วม “ล้มรัฐบาล” กับพวกเขาแล้ว
ก็เช่นนี้แหละ ถึงแม้นายกฯ ประยุทธ์ ไม่ใช่นายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐโดยตรง
แต่เมื่อ รอ.ธรรมนัส เป็น “จุดแข็ง” ของพลังประชารัฐ แต่ด้วยปูมหลังเรื่องยาเสพติด การขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล จึงกลายเป็น “จุดอ่อน”
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ “ถูกตามกฎหมาย” แต่ “ไม่ถูกใจ” คนทั่วไป จากจุดอ่อน จึงกลายเป็น “จุดตาย” ของนายกฯไปทันที!
ในปัญหาที่นายกฯ ต้องบริหารเฉพาะหน้า
เรื่องรอ.ธรรมนัสจะถอนตัวเองหรือนายกฯ จะปรับออก หรือทั้งไม่ถอน-ไม่ปรับ
ในความสำคัญก่อน-หลังทางบริหาร เมื่อเปรียบเทียบกับปัญหาโควิด ที่สำคัญ “เร่งด่วน” ต้องทำก่อน คือโควิด
แต่ฝ่ายค้านและขบวนการล้มเจ้า เห็นเป็นนาทีทอง ต้องไล่บดขยี้ ต้องรุมตีนายกฯให้ตายตอนนี้เลย
เพราะถ้าล้มประยุทธ์ได้ ฝ่ายค้าน-เพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ เรื่องย่อย
เรื่องใหญ่ คือ ล้มนายกฯ ได้ เท่ากับ “ถอนเสาค้ำสถาบัน” ได้
แล้วประเทศไทยจะไปทางไหนเสีย?
เส้นทางเอาประเทศไปบรรณาการอเมริกันชัดมาก จากราชอาณาจักร เป็นสาธารณรัฐ แยกๆ แบ่งๆ ภาคกันไปครอง
รวมศูนย์ “ประธานาธิบดี” ตามพิมพ์เขียว “อเมริกัน ไซออนิสต์”
ทีนี้ มาดูปฏิทิน งบประมาณแผ่นดิน ปี ๒๕๖๕ ของรัฐบาลบ้างว่า จะไปจบวันไหน?
โฆษก “น.ส.ไตรศุลี” แถลงกลางเดือนเมษา.แก่ๆ ว่า “สำนักงบประมาณ” จัดพิมพ์ร่างพ.ร.บ.ฯ และเอกสารประกอบ เสนอ ครม.เห็นชอบ อังคาร ๑๑ พค.นี้ ก่อนส่งสภาฯ
งบรายจ่ายปี ๖๕ วงเงิน ๓.๑ ล้านล้านบาท ขาดดุล ๗ แสนล้าน
ตามปฏิทินงบประมาณ เป็นดังนี้
สภาจะพิจาจารณาร่างพ.ร.บ.ฯวาระที่ ๑ วันที่ ๒๖-๒๗ พ.ค.และวาระที่ ๒-๓ วันที่ ๑๑-๑๓ ส.ค.
เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา ในวันที่ ๒๓-๒๔สค.
ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้สภาฯ มีเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๐๕ วัน นับแต่วันที่ร่างกฎหมายถึงสภาฯ ต้องดูว่า ๑๑ พค.นี้ รัฐบาลเสนอร่างต่อสภาเลย หรือจะไปเสนอวันไหน
สมมติเสนอวันที่ ๑๑ พค.ก็จะครบกำหนด ๑๐๕ วัน ราวๆ ๒๓ สิงหา.
ดูตามปฏิทิน จะจบขั้นวุฒิฯ ก็ราวๆ นั้น
จากนั้นเลขาฯ ครม.ก็จะนำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ ๗ กย.๖๔
พอดี “สิ้นปีงบประมาณ” หรือสิ้นปีระบบราชการ ก็จับตาดูกันตอนนั้น ว่าจากบรรยากาศและสถานการณ์ตอนนี้ จะเอื้อไปทางไหนมากกว่ากัน
ระหว่าง “อยู่” กับ “ยุบ”?
แต่เห็น “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ, รมว.พาณิชย์, หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกเมื่อวาน
เรื่องลูกพรรค เสนอให้ “ถอนตัว” จากร่วมรัฐบาล ว่า
“การตัดสินใจอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งต้องไม่ซ้ำเติมวิกฤติประเทศ ที่ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญปัญหาทั้งโควิดและเศรษฐกิจ
ซึ่งหลายฝ่ายต้องช่วยกันฝ่าวิกฤตให้สถานการณ์ดีขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่ และร่วมมือกับประชาชน เพื่อนำประเทศฝันฝ่าอุปสรรค ให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปให้ได้”
ครับ………
เป็นคำพูด “สมภาวะ” แล้ว บอกทุกคนในพรรค อย่าเติมปัญหาซ้อนเข้าไปในวิกฤติสถานการณ์ขณะนี้เลย
รัฐบาลพังตอนนี้….
ใช่ว่าประชาธิปัตย์จะเฟื่องฟูลอย!