ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
พระราชดำรัส ในหลวงรัชกาลที่ 9..
“แต่ละคนมีหน้าที่จะปฏิบัติงานของตน ที่เรียกว่าอาชีพของตน ถ้าทำดีก็เป็นสิ่งที่น่าชมและน่าปลื้มใจ เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง
และถ้ากิจการที่ทำมีความเจริญในทางที่ดีที่ชอบก็ทำให้ส่วนรวมของชาติบ้านเมือง มีความก้าวหน้าด้วยดี”
พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ “เจ้าคุณประสาร” ยศ-ตำแหน่งเป็น “เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย” ซึ่งวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งมีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ.. ประกอบด้วย
1.เพื่อปกป้องรักษาและส่งเสริมพระพุทธศาสนา ให้คงอยู่เป็นศาสนาประจำชาติไทยและเป็นมรดกอันล้ำค่าของปวงชนชาติไทย
2. เพื่อเป็นเครือข่ายในการแสวงหาความร่วมมือในการเรียนรู้และศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเถรวาท และเป็นเครือข่ายในการพิทักษ์ต่อสู้เพื่อความถูกต้องแห่งพระสัทธรรมตามหลักพระไตรปิฏกเถรวาท
3. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวอันจะเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา
4.เพื่อให้เป็นเครือข่ายในการพิทักษ์ในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องให้แก่พระพุทธศาสนา บุคลากรของพระพุทธศาสนา และพระพุทธศาสนิกชน
5.เพื่อเป็นศูนย์รวมพลังและประสานสามัคคีระหว่างพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกประเทศ เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
6. เพื่อบริการความรู้ทางวิชาการพระพุทธศาสนาและความเข้าใจที่ถูกต้องแก่องค์การและสถาบันต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
นี่..ถือเป็น “หน้าที่” ที่สำคัญสูงสุดของเจ้าคุณประสารที่จักต้องปฏิบัติให้เป็นโยชน์ทั้งแก่ตัวเองและพระพุทธศาสนา!
แต่วานซืนท่านเจ้าคุณได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ประเทศไทยเรายังมีรัฐบาลอยู่ไหม” และได้เทศนา (วิจารณ์) การบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19..
“สำหรับประเทศไทย ไม่ว่าจะประสบภาวะวิกฤตจาก โควิด-19 รอบที่หนึ่ง รอบที่ 2 และครั้งนี้ก็เป็นรอบที่ 3 แล้วก็ตาม รัฐบาลก็ยังคงเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
คือพูดเรื่องเดิม มาตรการเดิม วิธีการเดิมๆ ไม่มีอะไรที่จะคืบหน้า เป็น 2-3-4 เลย ไม่มีเลยจริงๆ วัคซีนชั้นดียังคงมืดมนสำหรับประชาชนในประเทศนี้
ชะตาชีวิตก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะโชคดีหรือโชคร้ายกว่ากัน วัดกันเอาเองประชาชนคนไทย”
เมื่อพระคุณเจ้าใช้โซเชียลแทนการเทศนาสด เสียงตอบกลับจึงดูอื้ออึ้งทั้งฝ่ายเห็นด้วยและเห็นต่าง จนทำให้พระเมธีธรรมาจารย์ ต้องโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า..
“อนุโมทนาขอบคุณ อาตมาท้วงติงรัฐบาลเรื่องโควิด-19 ด้วยความสุจริตใจ ถ้าอ่านให้ดีจะเห็นว่าอาตมาพูดด้วยความสุภาพ แต่ก็แน่นอนก็ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นธรรมดา
คนไม่เห็นด้วยก็มีหลายระดับ ทั้งเอาข้อมูลมายันกัน ทั้งอธิบายความ รวมทั้งเข้ามาด่าหยาบคายเสียๆ หายๆ ส่วนคนเห็นด้วย ให้กำลังใจก็ขออนุโมทนาขอบคุณในน้ำใจทุกท่าน
ส่วนตัวอาตมาไม่ถือโทษโกรธเคือง ให้อภัย ไม่ต่อล้อต่อเถียง ไม่ผูกอาฆาตพยาบาทจองเวรกับใคร”
สาธุ..ผมเองก็ไม่ได้จะมาต่อล้อต่อเถียงกับท่านเจ้าคุณ ยิ่งท่านพูดด้วยความสุภาพยิ่งจะไม่กล้า เพียงแต่ผมมองว่าปัญหาโควิดในเวลานี้ แค่ “ฝ่ายฆราวาส” พูด สังคมก็สับสบ-วุ่นวายพอแล้ว
และที่พระคุณเจ้าท้วงติง ทั้งนักการเมืองฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น นักวิชาการ สื่อ หรือกระทั่งชาวบ้านก็ได้บ่น-ด่า แหกปากพูดอยู่เช้า-เย็น ไม่ได้มีประเด็นใหม่ ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเสียที่ไหน
ท่านเจ้าคุณเป็นพระเก่ง-มีความรู้สูงก็ขออนุโมทนา แต่ปัญหาโควิดน่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่รัฐบาล-คุณหมอเขาเถอะ นั่นมันหน้าที่และงานในอาชีพที่เขาต้องปฏิบัติ
ผมเข้าใจว่าพระก็เป็นห่วง-กังวลและพูดตามสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ด้วยชื่อ “เจ้าคุณประสาร” ที่แม้จะบอกหลายครั้งหลายคราวว่า..
“ล้างมือ” การเคลื่อนไหวในทางการเมืองไปแล้ว แต่จะให้คนเขาวางใจ-ไว้ใจน่ะ..
เห็นจะยากอยู่นะขอรับ!