นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า “ตามข้อสั่งการของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้บูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปราบปรามยาเสพติด และสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งผลิตผ่านประเทศไทยไปยังประเทศที่สามอย่างเข้มงวด”
ต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 16.00 น. หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดผ่านทางท่าอากาศยาน (AITF) จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ นางสาวมาริษา น้อยพิทักษ์ และ Mr.OBIMMA KELECHI ANTHONY สัญชาติไนจีเรีย หนังสือเดินทางเลขที่ A04959309 พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 490 กรัม ซุกซ่อนในแกนภาพแขวน ซึ่งจับกุมได้ขณะผู้ต้องหา นำพัสดุไปฝากส่งที่ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ปลายทางระบุประเทศออสเตรเลีย
จากนั้น นำตัวผู้ต้องหา น.ส. มาริษาฯ นำตรวจค้นที่พัก ห้องเลขที่ 83.506 ย่านซอยรามคำแหง 50 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 985 กรัม ซุกซ่อนในแกนภาพแขวน จากนั้นนำตัว MR.OBIMMA นำตรวจค้นบัานเลขที่ 124/49 และ เลขที่ 74/2 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักประมาณ 35 กรัม, (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 89 กรัม และ ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) น้ำหนักประมาณ 82 กรัม
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดผ่านทางท่าอากาศยาน (AITF) ทำการตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ขาออก ปลายทางออสเตรเลีย ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุชื่อที่อยู่ผู้ส่ง Rattane wongsawang chaleam phrakait Rama9 nonbon bangkok ระบุชื่อที่อยู่ผู้รับ Emily Roberts 303/60 Garden street south yarra vic melborune 3141 Australia Tel. 041207416
พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อประมาณ 490 กรัม ซุกซ่อนในหมอนสีส้ม ปะปนกับเครื่องสังฆภัณฑ์ ต่อมา จึงร่วมกันสืบสวนขยายผลจนทราบว่า น.ส.มาริษา น้อยพิทักษ์ (ผู้ต้องหา) เป็นผู้ส่งพัสดุซุกซ่อนยาเสพติดไปออสเตรเลียมาแล้วหลายครั้ง จึงได้ขยายผลจับกุมในครั้งนี้
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการ จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย มาจัดทำบันทึกและสอบปากคำเพิ่มเติมที่ บก.ปส.3 และจะนำตัวผู้ต้องหา และของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานข้อมูลให้กับทางตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียขยายผลเพื่อสืบสวนผู้รับปลายทางต่อไป”