“ถ้ายังไม่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเเรง จะมีการใช้อำนาจแบบนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมดอำนาจ หมดความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนี้เเล้ว ท่านจะต้องพิจารณาตัวเองเพื่อให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง”
19 ต.ค.63 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเเรงทันที การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นการ ‘รัฐประหารเงียบ’
ซึ่งในวันนี้ได้มีการใช้อำนาจอย่างเห็นได้ชัดว่าทำให้สถานการณ์ปัจจุบันไม่ต่างหลังจากการมีรัฐประหาร มีการออกข้อกำหนดให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว เรียกบุคคลใดก็ได้มารายงานตัว รวมถึงตรวจค้นสถานที่ต่างๆ มีการใช้อำนาจกำหนดสถานควบคุมตัวเพื่อรองรับการจับกุมประชาชนจำนวนมาก
โดยมีการกำหนดค่ายทหารที่ชลบุรีไว้เป็นสถานที่ควบคุมตัวอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่ต่างจากสถานการณ์หลังรัฐประหาร เเละล่าสุดกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ใช้อำนาจให้ตรวจสอบเเละระงับการออกอากาศเเละเนื้อหาของสื่อมวลชลจำนวนหนึ่ง โดยให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) เเละกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม (ดีอี) ดำเนินการ
“นี่เป็นรูปธรรมที่เราจะต้องต่อต้านการใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญเเละกฎหมาย รวมทั้งละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างชัดเจน ผมในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องเเสดงท่าทีชัดเจนว่า เห็นด้วยกับการลุแก่อำนาจของนายกฯในขณะนี้ เพื่อการละเมิดเสรีภาพของสื่อและประชาชนหรือไม่
หากไม่เห็นด้วย พรรคร่วมรัฐบาลต้องแสดงจุดยืนชัดเจนเรื่องการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน หากยังไม่มีการยกเลิก ผมขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลทบทวนถอนตัวจากการสนับสนุนเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะเราไม่อยากเห็นการประชุมวิสามัญของรัฐสภากระทำภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน”
ต่อกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเเสดงจุดยืนให้รัฐสภาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ นายชัยธวัช ระบุว่า นอกจากรัฐสภาจะต้องเปิดประชุมสภาสมัยประชุมวิสามัญเพื่ออภิปรายตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารแล้ว ยังควรต้องนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาพิจารณาด้วย นั่นคือหลักการในวาระเเรกยังค้างการพิจารณาอยู่
ทั้งนี้ ในที่ประชุมร่วมกันระหว่างฝ่ายค้านเเละฝ่ายรัฐบาล วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ชี้เเจงว่า คณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ ได้มีการขอขยายเวลาเพิ่ม 15 วัน ทำให้อาจจะไม่สามารถบรรจุวาระนี้ได้ทัน
“เรายังยืนว่า หากรัฐบาลมีความตั้งใจจริงจะเเก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะคลี่คลายสถานการณ์ในการเมืองตอนนี้ รัฐบาลสามารถทำได้ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องหลักของนักศึกษาเเละประชาชน การที่นายวิรัช ประธานวิปได้กล่าวว่า หากจะเร่งรัดสามารถที่จะจบการทำงานของกรรมาธิการได้ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ หมายความว่า จะสามารถนำเสนอรายงานของ กมธ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการเข้าทันระหว่างเปิดสมัยประชุมวิสามัญปลายเดือนนี้ และต่อด้วยการลงมติรับหลักการ โดยในทางปฏิบัติทำให้การประชุมสมัยวิสามัญของรัฐสภา เป็นประโยชน์ที่สุดต่อการคลี่คลายสถานการณ์ตอนนี้อย่าวเป็นรูปธรรม” ชัยธวัชกล่าว