จบทั้งในและนอกสภา – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

วานนี้ซดกาแฟไปหลายแก้ว

            ง่วงนอน!

ก็ซ้ำรอยเดิม…การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านชุดนี้ น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งไม่มีสักต้น

            ไม่พัฒนาขึ้นเลย

            แต่ลีลา “ลุงตู่” ในสภากลับพัฒนาไปเยอะ

            ลูกเล่น ลูกล่อ ลูกชน ให้สามผ่าน

            นั่งฟังตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่นับรวมช่วงดึกไม่รู้เกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะต้องปิดต้นฉบับเสียก่อน ประเด็นที่ฝ่ายค้านนำมา “ซักฟอก” เกือบทั้งหมดเป็นข้อมูลทั่วไป ที่เคยปรากฏในหน้าสื่อมาหมดแล้ว

            ฝ่ายค้านยุคนี้มักง่าย ใช้ข้อมูลจากสื่อมาอภิปราย

            ฉะนั้นยังไม่มีอะไรใหม่

            ไม่มีอะไรเฉียดคำว่า “หมัดน็อก”

            บางช่วงเวลาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลับกลายเป็นการอภิปรายเสนอแนะการทำงานให้รัฐบาล

            แก่เฒ่ากันหมดแล้ว ยังแยกแยะไม่ได้ว่าหน้าที่ที่ต้องทำคืออะไร

            ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือต้องชำแหละการทำหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมของรัฐบาล ต้องลากไส้ให้ประชาชนได้รับรู้

            ต้องโค่นรัฐบาลที่เห็นว่าหมดความชอบธรรมลงให้ได้

            ไม่ใช่เวทีให้ฝ่ายค้านโชว์ผลงานตัวเองเพื่อให้รัฐบาลทำตาม

            ก็อดแปลกใจไม่ได้ กลายเป็นว่าตัวญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เขียนไว้เหมือนหลอกด่า

            …พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ  ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึก และความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-๑๙ ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว…

            ผู้นำฝ่ายค้านก็อ่านเป็นนกแก้วนกขุนทองตามนี้แหละครับ

            เป็นข้อหาที่รุนแรง

            เอาไว้ไม่ได้เลยแม้วินาทีเดียว

            แต่พอถึงเวลาต้องอภิปรายชำแหละตามข้อกล่าวหา  กลับลอกการบ้านสื่อ ลักไก่ใช้ข้อมูลเฟกนิวส์จากโซเชียล

            คุณภาพนักการเมืองมีแค่นี้หรือ?

            สรุปแล้วความเคลื่อนไหวการเมืองวานนี้ ฝ่ายค้านทั้งสภา สู้ “รุ้ง ปนัสยา” คนเดียวยังไม่ได้

            “รุ้ง” เดินสายไปยื่นจดหมายเปิดผนึก ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทำเนียบรัฐบาล

            เนื้อหาในจดหมาย ลอกมาจากแถลงการณ์ ๒๕๕  อาจารย์ เรียกร้องให้ปล่อย เพนกวิน อานนท์ สมยศ และหมอลำแบงค์

            มันก็แปลกไปเรียกร้องศาล แต่ข้อเรียกร้องเต็มไปด้วยถ้อยความที่ไม่ให้เกียรติการทำหน้าที่ของศาลเลย

            เช่นใช้คำว่า “พิพากษาล่วงหน้า” ขัดต่อหลักการสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของจำเลยทั้ง ๔ คนอย่างชัดเจน 

                “ในนามของ ราษฎร ขอเรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง ๔ คน และผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองทั้งหมด และขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ตลอดจนหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม และคำนึงถึงเกียรติ ศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะมีได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตต่อประชาชนเท่านั้น”

            ครับ…ถ้าศาลต้องทำตามข้อเรียกร้อง แทนที่จะวินิจฉัยตามตัวบทกฎหมายและพฤติการณ์ของผู้ต้องหา  ขบวนการยุติธรรมพังแน่

            ผู้ต้องหาคดีสำคัญจะออกไปทำลายหลักฐาน ออกไปขู่คู่กรณี หรือหนีคดีไปต่างประเทศกันหมด

            อย่าไปเชื่อครับ ไอ้พวกที่คุยโม้โอ้อวดในโซเชียลว่าไม่กลัวคุก ขอสู้ตาย

            เท่าที่เห็นพอติดคุกก็จิตตกกันทุกคน

            พล่านหาทางจะออกมาให้ได้

            ก็จับตาดูครับวันนี้ ช่วงสายๆ อัยการจะสั่งฟ้องอีก ๑๘  ราย มี “รุ้ง-ไมค์-ไผ่” รวมอยู่ด้วย ในคดีเดียวกันคือ ม.๑๑๒

            ถ้าไม่ได้ประกันตัว แกนนำ ๓ นิ้ว จะไปกองกันอยู่ในคุกหมด

            ที่เหลือข้างนอกมีแต่ทหารเลวหน้าค่าย

            ก็จดจำให้ขึ้นใจ พวกอาจารย์ที่ยุยงอยู่ข้างหลังยังสบายดีกันทุกคน ไม่มีใครติดคุก!

            นี่แหละที่เขาเรียกว่า จุดจบของหุ่นเชิด!

            จากโพสต์ของ “สมศักดิ์เจียม” เมื่อวานซืนที่บอกว่า  ประเมินแล้วยังไม่พร้อมเพราะยังมีคนจำนวนมหาศาลไม่เอาด้วย

            มีโพสต์ต่อเนื่องที่น่าสนใจ และตอกย้ำถึงพลังของม็อบ ๓ นิ้วว่า ขาลงจริงๆ

                “เหตุใดการเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่เข้าไปสะกิดบรรดาผู้อยู่ในแวดวงการเมืองขณะนี้ (ยกเว้นก้าวไกลสามสิบสี่สิบคน)

                เหตุใด ‘อู๊ดด้า’ (จุรินทร์) และคนอื่นๆ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และที่ออกจากพรรคแล้ว คุณหญิงหน่อย วัฒนา  เมืองสุข จาตุรนต์ ฉายแสง ฯลฯ จึงนิ่งเฉย”

            ที่จริงไม่น่าถาม เพราะที่เอ่ยชื่อมานั้น ไม่ใช่สายล้มเจ้า โดยเฉพาะ “อู๊ดด้า”

            ประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคต่อต้านสถาบัน

            ส่วนที่เหลือนิ่งเฉยโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เพราะประเมินออกตั้งแต่แรกแล้วว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่เอาด้วย กับม็อบ ๓ นิ้ว

            มิได้เพิ่งประเมินออกเมื่อสายเหมือน “สมศักดิ์เจียม”

            แต่ก็มีบางคนที่ “สมศักดิ์เจียม” ไม่พูดถึง อาจจะลืม หรือจงใจ มิทราบได้                    หลังวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ “ปิยบุตร-ธนาธร” เงียบกริบ     เงียบจนผิดปกติ

            ทั้งนี้ก่อนนี้ออกมากระตุ้นม็อบ ๓ นิ้ว กระเหี้ยนกระหือรือเคลื่อนไหวยกเลิก ม.๑๑๒

            ขาอีกข้างอยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล เสนอแก้ ม.๑๑๒

            ทั้งคู่กลับหายเข้ากลีบเมฆหลังม็อบ ๓ นิ้วปูพรมระเบิดปิงปองใส่ตำรวจ

            วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ “ปิยบุตร” โพสต์ เรื่อง เลนิน, รัฐกับการปฏิวัติ โดยไม่พูดถึงความรุนแรงในม็อบแม้นิดเดียว

            แล้วก็เงียบหายไป

            ส่วน “ธนาธร” เมาวัคซีน มึนคดีรุกป่า ไม่โพสต์อะไรตั้งแต่ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์

            อวสาน.

Written By
More from pp
รมต.อนุชา นำหน่วยงานในกำกับดูแล ถวายพระพร “พระองค์ภา” ให้ทรงหายประชวร
22 ธันวาคม 2565 เวลา 08.00 น. ณ ชั้น1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายอนุชา...
Read More
0 replies on “จบทั้งในและนอกสภา – ผักกาดหอม”