นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีปัญหาหลายด้านรุมเร้าและถูกวิจารณ์อย่างมาก
ทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีแนวทางที่จะแก้ไข ทั้งที่มีคำแนะนำจากนักวิชาการหลายด้าน และตนได้เคยเสนอให้ส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทดแทนรถยนต์ใช้น้ำมัน เพื่อลดฝุ่น อีกทั้งยังช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในประเทศให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีปัญหาโครงการ “คนละครึ่ง” ที่ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนได้ โดยเฉพาะคนที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ส่วนโครงการ “เที่ยวด้วยกัน” มีการทุจริตจำนวนมากจนต้องหยุดโครงการชั่วคราว ซึ่งทั้งโครงการ “คนละครึ่ง” และ “เที่ยวด้วยกัน” เป็นนโยบายเพื่อช่วยประชาชนเพียงชั่วคราวเท่านั้น เหมือนโครงการ “ชิมช้อปใช้” ในอดีต ที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ได้สร้างรายได้ที่ถาวรและไม่ได้เสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
อีกทั้งยังจะทำให้รัฐบาลก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น และยังมีปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ามาก แต่รัฐบาลกับแบงก์ชาติกลับไม่ดำเนินการแก้ไข ยิ่งจะทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักลงอีก
นายพิชัย กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจและการมองล่วงหน้า แม้กระทั่งเรื่องหนี้สาธารณะยังพยายามบอกว่าในปัจจุบันมีหนี้แค่ 7.848 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 49.34 โดยไม่ได้มองว่าในอนาคต รัฐบาลยังจะต้องกู้เงินอีกมาก วงเงินช่วยเหลือประชาชน 1 ล้านล้านบาท ยังกู้มาใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งและคงต้องกู้อีก
อีกทั้งงบประมาณปี 2564 จะขาดดุลอีก 6.3 แสนล้านบาท การจัดเก็บภาษีปีนี้น่าจะหายไปประมาณ 2-3 แสนล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะจัดเก็บได้ไม่ถึงเป้าหมายอีก ส่วนจีดีพีปีนี้คาดว่าจะติดลบ ทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีในปีหน้าจะพุ่งสูงมาก ดังนั้น รัฐบาลต้องมองล่วงหน้าในทุกเรื่อง ไม่ใช่คิดแต่จะอ้างตัวเลขช่วงนี้ โดยไม่มองเห็นอนาคต ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอด 6 ปี ประเทศจึงไม่พัฒนา
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีกรอบคิดเหมือนเดิม ที่ปรับตามโลกไม่ทัน เศรษฐกิจไทยจะย่ำแย่ ล้าหลังอย่างรวดเร็วมาก ประเทศไทยจะตกยุคอย่างไม่ทันรู้ตัว และประชาชนจะยิ่งลำบากกันอีกมาก” นายพิชัย กล่าว
