๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๓๐ น. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นางสาวจันทร์เพ็ญ จิตร์วิวัฒน์ ผอ.ป.ป.ส.กทม. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร. กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต. พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. จัดโครงการพัฒนาศักยภาพการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ โรงแรมอเวย์กาญจนบุรี เทวมันตร์ทรา รีสอร์ตแอนด์สปา จังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กทม. ที่ปฏิบัติงานด้านการสืบสวนปราบปราม ขยายผล และตรวจสอบทรัพย์สินในคดียาเสพติดให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในงานมีการบรรยายโดยผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการวางรูปคดีและแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานคดียาเสพติดฯ และการฟอกเงิน ผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย รองผู้บังคับการ บก.น. ๑ – ๙ , บก.สส. ,บก.สปพ. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนขยายผล ของ บช.น. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กทม. รวมจำนวน ๑๔๐ นาย
โอกาสนี้ นายสามารถฯ กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำเรื่องการปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะการยึดทรัพย์ของผู้กระทำความผิด หลายครั้งที่ผ่านมาท่านนายกฯ พูดเสมอไม่ว่าจะเป็นการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล และในการประชุมทางไกลไปยังหน่วยงานต่างๆ ได้เน้นย้ำเรื่องการดำเนินคดีการฟอกเงินกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเพื่อเป็นการตัดวงจรของ Supply ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าเรามีกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้ง พ.ร.บ.ป้องกันการและปราบปรามการฟอกเงิน หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ปัจจุบันกฎหมายที่อยู่ในแต่ละหน่วยงานไม่ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเท่าที่ควร ซึ่งท่านนายกฯ ได้พยายามเน้นย้ำให้ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการกันมากขึ้น
สำหรับเรื่องนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ตั้งเป้าหมายในการจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยการยึดทรัพย์ ตามนโยบายของท่านนายกฯ โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาหลายชุด ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็น ปปง. ป.ป.ส. สตช. ได้ทำงานบูรณาการร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้อมูลในปี พ.ศ.๒๕๖๒ ได้ทำการดำเนินการยึดทรัพย์ได้ประมาณ ๖๐๐ ล้านบาท แต่ในขณะนี้ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในปี พ.ศ ๒๕๖๓ สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดได้แล้วกว่า ๑,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขขยับมากขึ้นกว่า ๒ เท่า
ส่วนในปี พ.ศ ๒๕๖๔ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ระบุกับ นายกฯ ว่าจะดำเนินการตามกฎหมายให้ได้มากที่สุดซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ในการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดให้ได้ประมาณ ๖,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้เห็นว่าสามารถยึดทรัพย์ได้เทียบเท่ากับงบบูรณาการที่ของบประมาณมากจากสำนักงบประมาณ ซึ่งเรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นว่าการปราบปรามยาเสพติดนั้นรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญและจริงจังเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ความสำคัญในการเร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด สำหรับการตั้งเป้าหมายในการยึดทรัพย์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั้น จะเห็นได้ว่าในพื้นที่ตำรวจนครบาลนั้นมีอยู่หลายกองบังคับการ หากเทียบแล้วก็คือหลายจังหวัด ซึ่งการจะทำงานให้ขับเคลื่อนได้ต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเข้ามาดำเนินการ
ในวันนี้หากมีการอบรมและถ่ายทอดความรู้เรื่องการดำเนินการเพิ่มเติมก็สามารถที่จะทำให้ถึงเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งก็จะเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม