18 ก.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงความคืบหน้าประเด็นสำคัญ ข้อสรุปจากการประชุมของ ศบค.ชุดเล็ก สถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
โฆษก ศบค. กล่าวถึงข้อสรุปจากคณะกรรมการวิชาการของ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ กรณีผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 คือผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด พูดคุย คลุกคลีกับผู้ป่วย โดยกรณีของจังหวัดระยองมี 12 ราย และซูดานมี 7 ราย
สำหรับผู้ที่ไปสถานที่เดียวกับผู้ป่วยถือว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้น ผู้ที่ไปสถานที่เดียวกับผู้ป่วย แต่ไม่ได้พบปะกับผู้ป่วย กับกลุ่มทหารดังกล่าว ขอให้สบายใจได้ว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะติดเชื้อ หากไม่สบายใจขอให้ระวังสังเกตอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หรือมีไข้เป็นเวลา 14 วัน ถ้าไม่มีอาการถือว่าปลอดภัย หากมีอาการดังกล่าวให้พบแพทย์ที่โรงพยาบาล และยังคงต้องมีวินัยส่วนบุคคล สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชนอย่างสม่ำเสมอ
กรณีเด็กหญิงชาวซูดานและบิดาซึ่งเป็นผู้ที่สัมผัส จากสรุปไทม์ไลน์สถานที่ เวลา การตรวจเชื้อ พบว่าผลการตรวจบิดาไม่พบเชื้อ สำหรับผู้ที่รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากรถพระราชทานชีวนิรภัยของจังหวัดระยอง มีการตรวจเพิ่มจากวานนี้อีก 1,347 ราย ไม่พบเชื้อ 104 ราย รอผลอีก 1,270 ราย ขณะที่กรุงเทพฯ กรณีของซูดาน ไม่มีการสัมผัสอะไรทั้งสิ้น มีการตรวจที่ 364 ราย รวมตรวจหาเชื้อทั้งระยองและกรุงเทพฯ ประมาณ 6,000 กว่าราย
ซึ่งการตรวจดังกล่าวก็เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของระบบสาธารณสุขที่จะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการวิชาการของ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อด้วย
โฆษก ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์ของจังหวัดระยองวันนี้ พบว่าทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ ในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม โรงเรียนเปิดเกือบ 100% ย้ำว่าผู้ที่มีความเสี่ยงสูงของจังหวัดระยองจะอยู่ที่ 2 แห่งคือโรงแรมดีวารีและห้างแหลมทอง รวม 12 คน ซึ่งได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว นอกนั้นเป็นปกติ
ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดระยองในเรื่องการเข้าพักของนักท่องเที่ยว จากการตรวจสอบกับผู้อำนวยการ ททท. จังหวัดระยองในวันนี้ มีข้อมูลอัตราการเข้าพักที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ที่ 50% โดยที่แหลมแม่พิมพ์มีอัตราการเข้าพัก 40% ที่หาดแม่รำพึงอยู่ที่ 20%
โฆษก ศบค. กล่าวถึงผลการประชุม ศบค. ชุดเล็กในกรณีจังหวัดระยอง ที่ประชุมมีความมั่นใจต่อการควบคุมโรคของจังหวัดระยอง รวมทั้งต้องการให้มีกิจการ/กิจกรรมกลับมาปกติทุกอย่าง โดยกิจการ/กิจกรรมของจังหวัดระยอง เช่น การแข่งขันฟุตบอล จะมีการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกออลสตาร์ขึ้นวันที่ 8 สิงหาคม 63 และการวิ่งมาราธอนที่จะมีนักวิ่ง 2,000 คน จะจัดขึ้นวันที่ 9 สิงหาคม 63
นอกจากนี้ จังหวัดระยองได้เสนอการแข่งขันปั่นจักรยานเส้นทางเลียบทะเล โดย ศบค. ชุดเล็กได้รับและมอบให้จังหวัดระยองจัดทำรายละเอียด รวมทั้งจะมีการจัดคอนเสิร์ตที่ชายหาด โดยมีผู้ชมและมีการถ่ายทอดสด
นอกจากนี้ มีการติดต่อกองถ่ายทำภาพยนตร์ของสัญชาติเกาหลีให้มาถ่ายทำ และจะมีกลุ่ม Medical and Wellness เข้ามาที่จังหวัดระยองในปลายเดือนสิงหาคม
โอกาสนี้ ในฐานะโฆษก ศบค. จึงขอให้ชาวระยองได้ให้ข้อคิดเห็นรวมทั้งให้ความร่วมมือในกิจกรรม และขอบคุณชาวจังหวัดระยองที่มีความตื่นตัวในเรื่องของสุขภาพเป็นอย่างดี โดยอยากเห็นภาพความตื่นตัวนี้ได้เปลี่ยนเป็นโอกาสเชิงบวกที่นำไปสู่การเปิดกิจการ/กิจกรรมที่ทำให้เกิดความมั่นใจที่จังหวัดระยอง และจะเกิดขึ้นในจังหวัดอื่น ๆ โดยเร็วที่สุด ซึ่งจังหวัดระยองจะเป็นโมเดลตัวอย่างของการเรียนรู้ร่วมกัน
กรณีที่ชาวระยองเดินทางไปจังหวัดระยองต้องถูกกักตัวหรือไม่นั้น ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก มีความเห็นชัดเจนว่าไม่ต้องมีการกักตัว เพียงให้สังเกตอาการตัวเองเท่านั้น เพราะไม่ได้เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่จำเป็นต้องถูกกักตัวใด ๆ ส่วนผู้ที่มาเที่ยวจังหวัดระยองในช่วงเวลานั้นแล้วกลับบ้าน ก็ไม่ต้องถูกกักตัวเช่นเดียวกัน
ฉะนั้น คำสั่งของจังหวัดที่มีการเผยแพร่ในภาพข่าวและโซเชียลมีเดีย ทั้งจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ เชียงราย ลำปาง นั้น ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้รับทราบและมีความเห็นว่าคำสั่งจังหวัดจะต้องสอดคล้องกับ ศบค. ซึ่งฝ่ายปกครองและสาธารณสุขจังหวัดจะทำให้เป็นมาตรการเดียวกัน
นอกจากนี้ โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงการประชุมของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 63 เวลา 14.00 น. ที่ได้จัดการประชุมนักการทูตต่างประเทศในประเทศไทย แจ้งขอความร่วมมือให้นักการทูตที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยให้อยู่ใน State Quarantine ที่ไม่ใช่ที่พำนักที่ได้กำหนดไว้แต่แรก โดยขอความร่วมมือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
จากนั้น โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,246 ราย มีผู้หายป่วยแล้ว 3,096 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยังคงเดิมที่ 58 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 92 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 2 ราย จากบาห์เรน 1 ราย และอีก 4 รายมาจากอียิปต์
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก พบว่า สหรัฐอเมริกายังคงมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือบราซิลที่ 2 และอินเดียที่ 3 ซึ่งทั้ง 3 ประเทศมีจำนวนผู้ป่วยสะสมในหลักล้านคน ทำให้ยอดรวมของตัวเลขผู้ป่วยทั้งโลกเป็น 14 ล้านคน โดยตั้งแต่วันที่ 13-17 กรกฎาคม 63 มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มจาก 13 ล้านคนเป็น 14 ล้านคนใน 5 วัน เป็นความถี่ที่เร็วขึ้นมาก ดังนั้น สถานการณ์ของโลกขณะนี้ยังถือว่าวิกฤตอยู่ ทำให้ไทยจะต้องมีมาตรการคุมเข้มคนต่างชาติที่จะเข้ามาไทย ทั้งนี้ ไทยอยู่อันดับที่ 101 ของโลก
โฆษก ศบค. กล่าวด้วยว่า ยังคงมีการเดินทางของคนไทย และคนต่างชาติ กรณีที่เกี่ยวข้องกับทางการทูตเข้ามาประเทศไทย ซึ่งยืนยันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำงานกันอย่างเต็มที่ ตรวจเข้มการเดินทาง อย่างไรก็ตาม ในความเสี่ยงนั้นไม่สามารถการันตีได้ว่าต้องเป็นศูนย์ แต่การเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้นต้องเป็นหลักที่ไม่มาก และสามารถควบคุมโรคให้ได้