16 ก.ค.63 ณ สวนทุเรียนทับทิม อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในสังกัดว่า
รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายสมคิดฯ เป็นระยะ ในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งนายสมคิดฯ บอกมานานแล้วว่าพร้อมที่จะทำตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ยืนยันว่าตนเองไม่มีอะไรกับนายสมคิดฯ และยังเคารพนายสมคิดฯ เหมือนเดิม ในฐานะที่เป็นทหารเวลาทำงานกับใครก็จะมีความผูกพัน และนายสมคิดฯ ก็ถือว่าทำงานมาด้วยกัน 5 ปีสำเร็จงานในขั้นต้นแล้ว ในการวางพื้นฐาน ทั้งเรื่องดิจิทัล การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และยังได้ร่วมงานกับอีก 3 รัฐมนตรี ในการวางพื้นฐานการพัฒนาต่าง ๆ ไว้
และยอมรับว่าเสียดายทั้งหมด แต่จำเป็นด้วยความสำคัญทางการเมือง แม้ตนเองจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่ต้องตัดสินใจ และจากกันด้วยดี เพราะไม่มีการให้ร้ายต่อกัน และจากเหตุดังกล่าวส่งผลให้ปรับ ครม.เร็วขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เสร็จสิ้น เพราะมีคนทำงานอยู่แล้ว
แต่เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างนาน โดยต้องปรับให้เร็วเท่าที่จะทำได้ ซึ่งต้องไปถามบุคคลที่อยากให้เป็นว่าจะรับตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งตอนนี้บุคคลที่ทาบทามไปยังไม่ตอบชัดเจน ยืนยันว่ามีคนนอกเข้ามาแน่นอน และยอมรับว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนเองมีความกดดัน เพราะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่มีความจำเป็นต้องทำเพราะเป็นนายกฯ เป็นนักการเมืองแล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยการว่า การปรับ ครม. จะให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ประเด็นสำคัญคือ คนที่อยากให้มารับตำแหน่ง จะรับหรือไม่ เพราะบางคนมีภารกิจอยู่แล้ว แม้กระทั่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่ลาออกไปก็มีงานนอกอยู่
ส่วนรายชื่อบุคคลที่อยู่บนหน้าสื่อ ที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เช่น นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม นั้น นายกฯ กล่าวว่า แล้วนายไพรินทร์มีปัญหาอะไรหรือไม่ ส่วนที่มีข่าวว่าแกนนำพรรคพลังประชารัฐคัดค้าน โดยเห็นว่าควรจะเลือกคนในพรรคนั้น นายกฯ ให้ไปถามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
อย่างไรก็ตาม เรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีจะพิจารณาด้วยตนเอง พร้อมกับย้ำว่า การปรับ ครม. จะทำให้ดีที่สุด และมั่นใจในตนเอง ไม่มีปัญหา และการปรับ ครม. ไม่เกินเดือนหน้านี้เห็นโฉม ครม. ใหม่