กรมศิลปากรเตรียมเปิดแหล่งเรียนรู้ 22 พค.นี้ พร้อมจัดมาตรการป้องโควิดเข้ม

นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือ ศบค. ได้มีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ ๒ กรมศิลปากรจึงจะเปิดให้บริการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เก็บค่าเข้าชม หอสมุดแห่งชาติ และหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รวมถึงหอจดหมายเหตุนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และหอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคมนี้ หลังจากปิดชั่วคราวกว่า ๒ เดือน

พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบแหล่งเรียนรู้ในสังกัดกรมศิลปากรจะต้องดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จาก www.ไทยชนะ.com และติดตั้ง QR CODE ให้ผู้รับบริการลงทะเบียน เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าออกในพื้นที่ สำหรับมาตรการหลักที่แจ้งให้ถือปฏิบัติ ได้แก่ จัดระบบการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิทั้งเจ้าหน้าที่และผู้รับบริการ หากมีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ ๓๗.๕ องศเซลเซียสขึ้นไป จะให้เจ้าหน้าที่งดการปฏิบัติหน้าที่และงดจำหน่ายบัตรให้กับผู้ขอรับบริการดังกล่าว สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา บริการเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ ที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น บริเวณจุดจำหน่ายบัตร ส่วนให้บริการ ห้องสุขา พร้อมทั้งทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทุก ๒ ชั่วโมง จัดระบบการเข้าชมให้มีระยะห่างระหว่างบุคคลไม่น้อยกว่า ๑.๕ เมตร และไม่ให้มีความหนาแน่นภายในพื้นที่จัดแสดง สำหรับกรณีการเข้าชมแบบหมู่คณะ จำกัดเข้าชมได้ไม่เกิน ๑๐ คนและให้ประสานงานล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการจัดระบบดูแล งดบริการนำชม การจัดบรรยาย และสัมมนาภายในแหล่งเรียนรู้ของกรมศิลปากร ทั้งนี้ ขอให้ผู้เข้ารับบริการปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบแหล่งเรียนรู้แต่ละแห่งจะต้องประสานงานกับจังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการย่อยของแต่ละจังหวัดที่จะต้องประเมินความเสี่ยงของสถานที่ต่างๆ อีกครั้ง และรายงานสถานการณ์ของจังหวัดอันเป็นที่ตั้งให้กรมศิลปากรทราบทุกสัปดาห์ เพื่อประเมินสถานการณ์ในการเปิดให้บริการ

Written By
More from pp
0 replies on “กรมศิลปากรเตรียมเปิดแหล่งเรียนรู้ 22 พค.นี้ พร้อมจัดมาตรการป้องโควิดเข้ม”