ผักกาดหอม
จบแล้วครับ ไม่ต้องรอ…
คนละครึ่งพลัสเฟส ๒ ไม่ได้ไปต่อ
ถ้าจะมีคงต้องรอรัฐบาลหน้า
ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อไทย
ไม่ใช่รัฐบาลส้ม
แต่เป็นรัฐบาลอนุทิน
สาเหตุไม่ได้ไปต่อก็คงทราบกันแล้ว คือยุบสภาเสียก่อน และ กกต.ไม่อนุมัติให้รัฐบาลรักษาการดำเนินนโยบายนี้ เพราะขัดกฎหมายเลือกตั้ง
สาเหตุที่ต้องยุบสภาก็เพราะฝ่ายแค้นกับฝ่ายค้ำขู่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หวังทำลายสถิติกินเนสบุ๊ก
เปิดซักฟอกรัฐบาลเร็วที่สุดในโลก
รัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ต้องดูถูกผิด โหวตอย่างไรก็แพ้อยู่แล้ว
ฉะนั้นคืนอำนาจให้ประชาชน เลือกตั้งใหม่ดีกว่า
คนละครึ่งพลัสเฟส ๒ ถ้าจะมีก็คงต้องรออย่างเร็ว เมษายน-พฤษภาคม ปีหน้าโน้น…
เป็นที่ชัดเจนแล้วครับ การเลือกตั้งครั้งนี้ “พี่แต๋ม ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ยังอยู่ในทีมของภูมิใจไทย
สถานะชัดๆ คือ ไม่ใช่ผู้สมัคร สส. ไม่ว่าจะเป็นระบบเขต หรือบัญชีรายชื่อ
ถ้าพูดแบบเท่ๆ ตามที่พรรคส้มว่า ก็คือรอเป็นรัฐมนตรี
ครับ…ชัดเจนที่สุดวานนี้ (๒๓ ธันวาคม) “พี่แต๋ม” ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เรื่องมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย
“เดี๋ยวก็ได้ยิน เดี๋ยวก็รู้”
นักข่าวถามว่าคุยอะไรเพิ่มเติมกับนายกฯ อนุทินหรือไม่
คำตอบสั้นๆ
“คุยกันเสร็จแล้ว”
ตามสไตล์ “พี่แต๋ม” ครับ เรื่องการเมืองไม่พูดให้มากความ เรื่องงานว่าไงว่ากัน
ก็ถือว่าพรรคภูมิใจไทยได้ของดีไป
พูดว่าเป็นของดีที่สุดเท่าที่มีในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คงไม่ผิดนัก
ถ้า “ศุภจี” ขึ้นชั้นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แน่นอนครับ “ศิริกัญญา ตันสกุล” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคส้มจะถูกนำมาเปรียบมวยอย่างกว้างขวางทันที
๒ คนนี้ใครเก่งกว่ากัน
แม้ที่ผ่านมาก็เปรียบไปเยอะพอควร และ “ศุภจี” เหนือกว่าอยู่หลายขุม แต่ “ไหม ศิริกัญญา” ก็ได้แรงหนุนจากด้อมส้มอย่างล้นหลาม
ถึงจะไม่เคยผ่านงานใหญ่ๆ เช่นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี เป็นซีอีโอ แต่พรรคส้ม ไม่มีตัว!
รัฐบาลหน้ามีงานต้องทำเยอะครับ
เรื่องชายแดนไทย-เขมร ยังไม่จบ
เศรษฐกิจยังไม่กระเตื้อง
๒ เรื่องนี้ คงไม่มีใครบอกว่าแก้ได้ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญนะครับ
นี่เราพูดถึงรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ มาสะสางปัญหาใหญ่ๆ มากมาย ฉะนั้น คนที่จะมาแก้จึงต้องมีศักยภาพที่ชัดเจน
ประเทศไทยไม่อาจมีรัฐบาลที่บริหารแบบเอ็นจีโอได้
เพราะนั่นจะเป็นรัฐบาลที่เอาแต่พูดถึงปัญหา ไม่ใช่แก้ปัญหา
พรรคส้มมีความเป็นพรรคเอ็นจีโอสูงมาก สังเกตจากการสะท้อนปัญหาต่างๆ ล้วนเป็นวิธีคิดแบบเอ็นจีโอ
นี่ไม่ได้ด้อยค่าเอ็นจีโอนะครับ
เอ็นจีโอ ทำงานแบบเอ็นจีโอ เหมาะที่จะเป็นเอ็นจีโอ และได้รับความนับถือแบบเอ็นจีโอ
แต่รัฐบาลไม่ใช่แบบนั้น
แนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์ของ “ศิริกัญญา” ไปถาม AI มาก็ได้ความตามนี้ครับ
ไทยไม่เทา: เน้นรัฐโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีคอร์รัปชันและทุนสีเทา เพื่อสร้างความเป็นธรรม
ไทยเท่ากัน: สร้างสังคมที่ทุกคนเข้าถึงโอกาสและบริการรัฐเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะผ่านสวัสดิการถ้วนหน้าที่ดูแลทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย (เช่น เงินเด็กแรกเกิด, เบี้ยผู้สูงอายุ, การดูแลผู้ป่วยติดเตียง) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ไทยทันโลก: รัฐต้องทันสมัย บริหารงบประมาณคุ้มค่า และสนับสนุนการแข่งขันของไทยในเวทีโลก
การทลายทุนผูกขาด: เชื่อว่าระบบผูกขาดเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา และต้องปฏิรูปเพื่อส่งเสริมการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม (Fair Competition) เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้ประโยชน์
นโยบายการคลัง: มองว่าการเพิ่มรายได้ (เช่น การเก็บ Capital Gain Tax) และการลดรายจ่ายภาครัฐ ทำควบคู่ไปกับการปฏิรูปกฎระเบียบ
จุดยืนเรื่องทุน: คัดค้านการเอื้อประโยชน์ให้ทุนใหญ่ และมองว่ารัฐต้องกำกับดูแลเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม (เช่น เรื่อง 4G, สัมปทานต่างๆ)
ท่าทีต่อประเด็นทุนและตลาดทุน
ค่าแรง: เคยคัดค้านการขึ้นค่าแรง ๓๐๐ บาทเร็วเกินไป แต่มีนโยบายผลักดันค่าแรง ๓๔๐ บาท เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพและความสามารถในการแข่งขัน
ทุนสำรองฯ: ยืนยันว่าไม่มีนโยบายล้วงทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (National Wealth Fund) แต่ควรกันไว้รักษาเสถียรภาพค่าเงิน
ภาษี Capital Gain Tax: เป็นแนวคิดหนึ่งที่นำเสนอ แต่ก็มีการตั้งคำถามจากนักลงทุนว่าควรทำควบคู่ไปกับการยกเลิก Transaction Tax เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ประมาณนี้ครับ
จะเห็นว่าแทบทั้งหมด อยู่ในกรอบคิดแบบเอ็นจีโอ
มุมมองเรื่องทุน มองไปทางด้านลบคล้ายๆ เอ็นจีโอ
ถ้า “ศิริกัญญา” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคลัง อาจจะทำด้านบนนี้ไม่ได้สักข้อ เพราะแก้ปัญหาผิดจุด
แทนที่จะไปสร้างโอกาสให้ทุนขนาดเล็ก กลับไปรบกับทุนขนาดใหญ่
มุมมองต่างจาก “ศุภจี” อย่างสิ้นเชิง
แนวคิดของ “ศุภจี” เห็นเด่นชัดทั้งๆ ที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แค่ ๒ เดือนกว่า
มีผลงานออกมาเป็นรูปธรรม
ไม่ใช่ประเภทมีแฟ้มมากองท่วมหัวแล้วจับต้นชนปลาย คิดไม่ออกว่าต้องแก้ตรงไหนก่อน เพราะไม่เคยจับงานใหญ่
“ศุภจี” มีเป้าหมาย รู้จังหวะ รู้จักแยกส่วนปัญหา แก้ทีละเล็กทีละน้อย
ให้ความสำคัญกับ “คน”
มองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต
นี่แค่เล็กๆ น้อยๆ ในความเป็น “ศุภจี” แต่ครอบคลุมในส่วนสำคัญที่ “ศิริกัญญา” ไม่มี
ติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกครับ เม็ดต่อๆ ไปจะได้ไม่ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่.
ผักกาดหอม

