2 ธันวาคม 2568 นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐบาลได้ยุติข้อพิพาท “ไทย–คิงส์เกต” ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 8 ปี โดยไม่ต้องมีคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของประเทศ และเสริมความเชื่อมั่นต่อระบบการลงทุนของไทยในระยะยาว
รองโฆษกฯ ระบุว่า คณะอนุญาโตตุลาการได้แจ้งผลอย่างเป็นทางการว่า “ไม่ต้องออกคำสั่งตัดสินคดี” หลังทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อยุติร่วมกัน ภายใต้กรอบกฎหมายไทย และหลักสากลด้านสิ่งแวดล้อม การกำกับดูแล และความปลอดภัย ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐมนตรีธนกรผลักดันมาโดยตลอด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
เดินหน้าแก้ปัญหาเหมืองแร่ทองคำอย่างเป็นระบบ–ปกป้องสิ่งแวดล้อมควบคู่เศรษฐกิจชุมชน
รัฐมนตรีธนกรได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส รอบคอบ และรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนรอบพื้นที่เหมือง พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการกำกับดูแลเหมืองแร่ทั่วประเทศ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนซ้ำอีก
ขณะเดียวกัน บริษัทอัคราฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการขออนุญาตภายใต้ พ.ร.บ.แร่ 2560 และข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด จนสามารถเริ่มประกอบกิจการได้อีกครั้งในปี 2566 ภายใต้ระบบตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม
รัฐมนตรีธนกรย้ำ—คดีนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลก ว่าไทยเคารพกฎหมายและมาตรฐานสากล
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า การดำเนินการยุติคดีครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ลดความเสี่ยงจากข้อพิพาทระหว่างประเทศ และช่วยยืนยันว่าไทยมีระบบกำกับดูแลเหมืองแร่อย่างโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตามหลักสากล
“รัฐบาลเดินหน้าปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ควบคู่การสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ เพื่อให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องในอนาคต” รัฐมนตรีธนกรกล่าว
รองโฆษกฯ ย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะยังคงกำกับดูแลการประกอบกิจการเหมืองแร่ทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเกิดขึ้นภายใต้ความปลอดภัย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด.
