ต้องให้รู้ซะมั่งว่านี่ไทย #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน นี่

พูดเก่งเนอะ

นอกจากเก่งแล้ว ยังพูดมากมาย แต่ “ความหมายเพ้อเจ้อ”!

สมแล้วชื่อเล่นว่า“เท้ง”

เพราะเรื่อยเจื้อยแต่ละเรื่อง สาระมันเท้งเต้งจริงๆ

ตำหนินายกฯ อนุทินว่า ที่ฉีกปฎิญญาสันติภาพกับเขมร ทำให้ไทยเสียเปรียบ

ไม่แค่นั้น ยังบอกที่นายกฯ ทำ เป็นการโหนกระแสชาตินิยม เพื่อ “คะแนนนิยม” ตัวเอง กลบเกลื่อนการแก้ปัญหาสแกมเมอร์

ยึดผลประโยชน์ตัวเอง มากกว่ายึดผลประโยชน์ชาติ

พี่เท้งท้องอืด-ท้องเฟ้อ-เรอเปรี้ยวไปถึงขนาดนั้น (คงไม่ใช่อิจฉากลัวเขาจะแย่งคะแนน เลยเตะตัดขาไว้ก่อนกระมัง?)

แล้วสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ ว่านายกฯ ต้องทำอย่างนั้น-อย่างนี้ ถึงจะถูก ผมฟังแล้วเสียดาย

“เก่ง-ฉลาด-น้ำท่วมทุ่ง” อย่างนายณัฐพงษ์นี่

แต่ไม่น่าทึ่มเลย!

มีโอกาสที่พรรคตัวเองจะได้เป็นรัฐบาลมาถึง แม้คนในพรรคไม่มีใครเป็นนายกฯ ได้ก็ตาม

แต่ด้วยปริมาณคนในพรรคมาก สามารถเลือกกระทรวงสำคัญๆ ส่งคนเข้าไปเป็นรัฐมนตรีคุมทิศทางนำประเทศได้

ทั้งการประชุมครม.ด้วยเสียงรัฐมนตรีของพรรคประชาชนมากกว่า ก็สามารถ “ชี้เป็น-ชี้ตาย” ในเรื่องที่พรรคตัวเองต้องการหรือไม่ต้องการได้

แต่ด้วยความเป็นไอ้ Chicken ของพรรคนั่นแหละ ฉลาดแต่โง่ ดัดจริต ทำเป็นโก้ ว่ามีเสียงไม่ถึง ๒๕๑ พรรคเดียว “ตั้งรัฐบาลไม่ได้” ก็จะไม่เป็น

แล้วตั้งเงื่อนไข พรรคประชาชนพร้อมสนับสนุนพรรคไหนก็ได้ ที่ยอมทำตามเงื่อนไข ๔ ข้อ จะโหวตให้เป็นรัฐบาล “เสียงข้างน้อย”

ส่วนพรรคประชาชน จะไม่ร่วมเป็นรัฐบาล

จะเป็น “ผู้คุม” รัฐบาลอยู่ในสภา ถ้าเบี้ยว ก็จะคว่ำทิ้งซะเลย

พรรคภูมิใจไทย รับเงื่อนไข ๔ นี้ คือ

-จะยุบสภาภายใน ๔ เดือน

-จะทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ

-จะผลักดันร่างแก้ไขฯ ให้เสร็จก่อนสมัยประชุมนี้

-จะไม่ทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

๔ ข้อนี้ ทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน โปรดพิจารณาด้วย ว่ามีข้อไหนบ้าง ที่พรรคประชาชนตั้งเป็นเงื่อนไขเพื่อประโยชน์สังคมชาติ

การฉีกรัฐธรรมนูญ “ฉบับปราบโกง” แล้วตั้งสสร.เขียนใหม่

พวกส้มอมแดง “ดีดลูกคิดรางแก้ว” แล้ว

๒ พรรครวมหัว “เลือกคนของตัว” เข้าไปเป็นสสร.หรือเป็นกรรมาธิการยกร่างฯ ก็เสร็จตามแผนที่มันต้องการ

แล้วอ้าง…นี่เป็น “รัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนมีส่วนร่วม”

นี่คือวิธีการ “ฮุบชาติ-ล้มสถาบัน” ผ่านตรา “รัฐสภา” ประทับรับรอง

มันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มการเมือง หรือเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ……

ใครก็ได้  ช่วยตอบแทนพรรคประชาชน-พรรคเพื่อไทยทีซิ ว่ามันไม่ใช่..ไม่จริง?

มันคงนึกว่าคนไทยโง่ “รู้ไม่ทัน” ทั้งๆ ที่ปัญหาบ้านเมืองที่ควรช่วยกันแก้ไขเฉพาะหน้า กระทั่งว่าประหนึ่งมีข้าศึกมาประชิดติดหน้าบ้านขณะนี้

แทนที่จะสมัครสมานและเดินไปในแนวทางเดียวกัน….แต่ฮึ..กูไม่สน

กูสนเรื่อง “แก้เพื่อล้ม” รัฐธรรมนูญ ลูกเดียว!

ก็อยากจะถามว่า….

“ถ้าบ้านเมืองสูญเสียอธิปไตย พวกมึงยังคิดหรือว่าจะยังมีรัฐสภา มีอิสระ-เสรีภาพ เป็นช่องทางให้พวกมึง ได้ใช้เล่ห์กระเท่ เปิดทางไปสู่การ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ผ่านช่องทางนิติบัญญัติ!?”

มาคุยถึงเรื่อง เขมรเจ้าเล่ห์บ้าง….
มันสร้างสถานการณ์ที่ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” หวังเบี่ยงความสนใจ ประเด็นที่มันลอบวางกับระเบิดจนทหารไทยขาขาด รายที่ ๗ ที่ห้วยตามาเรีย ศรีสะเกษ

มันจัดฉาก “คนเจ็บ-คนตาย” ที่อ้างว่าถูกไทยยิงไม่เนียน ถูกชาวโลกเขาจับได้ ทีนี้ก็พล่านซี วิ่งไปหาตัวกลาง มาเลเซียบ้าง สหรัฐฯบ้าง

ให้มาช่วย “ชี้นิ้ว-บัญชา” ให้เขมรและไทยกลับไปนั่งโต๊ะเจรจาสันติภาพกันใหม่

นายกฯ อันวาร์ แห่งมาเลย์ฯ ก็ขมีขมัน อ้างว่านายกฯ ฮุนมาเนต กับ นายกฯ อนุทิน โอเค.แล้ว!?

ผมก็ขอบใจมาเลย์ฯ ที่เขาหวังดี อยากเห็นสันติภาพ

แต่ขอถามคำ สมมติ “อินโดฯ” เข้ามาวางกับระเบิดในเขตมาเลย์ จนทหารมาเลย์ขาขาด

แล้วอินโดฯ ไปบอกให้บรูไน ช่วยเป็นคนกลาง เชิญมาเลย์มาเจราสันติภาพกับเขา เลิกแล้วต่อกันไป “ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า”

แบบนี้ มาเลย์ “ยอมศิโรราบ” โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มั้ย?

ผมก็ว่า ทั้งรัฐบาล ทั้งประชาชนมาเลย์ ต้องไม่ยอมแน่

รัฐบาลไทย-คนไทย ก็เป็นเช่นนั้น

เพราะนี่ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขมรตีหัวไทย แล้วขอเจรจา

“นายกฯ อนุทิน” ประกาศแล้ว ไม่คุย-ไม่เจรจา ปฎิญญาสันติภาพ ฉีกทิ้งไปแล้ว เพราะเขมรไม่รักษาสัญญา ตกลงแล้วก็ละเมิด

ดังนั้น ที่นายกฯ อันวาร์บอกว่า นายกฯ ไทยรับปาก จะกลับไปนั่งโต๊ะเจรจากับนายฮุนมาเนต ที่มาเลย์อีกนั้น

ท่านอาจเข้าใจผิด แล้วทึกทักไปเองกระมัง?

เหมือนกับ “สำนักข่าวเบอร์นามา” อันเป็น “สำนักข่าวแห่งชาติของมาเลเซีย” ที่ลงข่าวผิด เสียหายกับไทยฉกาจฉกรรจ์ วานซืนนั่นแหละ

ประเด็นทุ่นระเบิดที่เขมรลอบวางที่ห้วยตามาเรีย จนทหารไทยขาขาด แต่เขมรอ้างว่า “เป็นระเบิดมีอยู่เก่า”

ตรวจสอบแล้ว คณะผู้สังเกตการณ์ลงความเห็นแล้ว ว่าเป็นทุ่นระเบิดวางใหม่”

แต่ “สำนักข่าวเบอร์นามา” กลับรายงานข่าว ระบุว่า….

“But the ASEAN observer teams in Thailand and Cambodia have reported that they were not new landmines.”

(แต่ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียนในไทยและกัมพูชารายงานว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า)

จนสื่อเขมรรีบนำข่าวนี้ไปพาดหัวตีปั๊บว่า “Malaysia Confirms Landmines Were Old, Ready to Facilitate Cambodia-Thailand Border Talks”

(มาเลเซียคอนเฟิร์ม ทุ่นระเบิดเป็นของเก่า พร้อมอำนวยความสะดวกการเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา)

ต่อมาเมื่อวาน “สำนักข่าวเบอร์นามา” ได้ลบข่าวนั้นทิ้ง แล้วเขียนใหม่ ระบุเนื้อข่าวว่า

“But the ASEAN observer teams in Thailand and Cambodia have reported that they were new landmines.”

(แต่ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียนในไทยและกัมพูชารายงานว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่)

“สำนักข่าวเบอร์นามา” ได้ชี้แจงข้อผิดพลาด ว่า…..

ประกาศด่วน: แก้ไขเนื้อหาข่าวภาษาอังกฤษ

ถึงสำนักข่าวทุกแห่ง:

ขอแจ้งให้ทราบถึงการแก้ไขเร่งด่วนในข่าวภาษาอังกฤษที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการอ้างอิงคำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ “ดาโต๊ะ เซรี อุตามา ฮาจี โมฮำหมัด บิน ฮาจี ฮาซัน”

“ข่าวเดิมมีความคลาดเคลื่อนในการแปลคำกล่าวจากภาษามลายู ซึ่งทำให้ความหมายของข้อความเปลี่ยนไป โดยความผิดพลาดอยู่ในย่อหน้าที่แปด”……(ตามข้างบน)

“แต่ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียนในไทยและกัมพูชาได้รายงานว่า มันไม่ใช่ทุ่นระเบิดใหม่”

ซึ่งขัดกับข้อมูลตามต้นฉบับภาษามลายู

โดยประโยคที่ถูกต้อง ซึ่งต้องแทนที่ทั้งประโยค คือ….(ตามข้างบน)

“แต่ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียนในไทยและกัมพูชาได้รายงานว่า มันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ …….ผมเพิ่งคุยโทรศัพท์กับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย

หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะใจเย็นลงและเดินหน้าพูดคุยสันติภาพต่อไป”

“เราขออภัยอย่างยิ่งต่อข้อผิดพลาดดังกล่าว”

ฉะนั้น ผมคิดว่า ข่าวการกลับไปนั่งสันติภาพกันอีกกับเขมรคงคลาดเคลื่อน เว้นแต่ เขมรยอมรับผิด และยอมชดใช้ค่า “ปฎิกรรมสงคราม”

จากบ้านเรือน ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล และชาวบ้านที่เจ็บ-ตาย จากจรวด BM-2 ร่วม ๕๐ คน

และทหารที่ต้องขาขาด ๗ นาย จากกับระเบิดที่ทหารเขมรลอบเข้ามาวางในเขตไทยและบาดเจ็บอีกหลายสิบนาย

ถ้าเขมรยอมรับผิด…..

ว่าเป็นฝ่ายรุกรานและยอมชดใช้ค่าเสียหาย อาจมีการเปิดเจรจาไปสู่ “สันติภาพไทย-เขมร” ครั้งใหม่ มีความเป็นไปได้

ถ้าไม่มีเงื่อนไขตรงนี้ ….

เจรจารับปากกันไปแล้ว อีกวัน-สองวัน ก็ลอบเข้ามาวางกับระเบิดอีก ยิงถล่มเข้ามาแล้วดอกทองว่าไทยยิงก่อน จัดฉากเจ็บทิพย์-ตายทิพย์ ลวงโลกอีก

แล้วมาเลย์จะว่าไง ฮุนมาเนตวิ่งโร่มาขอให้เป็นเจ้าภาพเจรจากับไทยอีก ก็จะมา คะยั้น-คะยอ ให้ไทยไปประดับบารมีนายกฯ อันวาร์อีกงั้นหรือ?

นายกฯ อันวาร์ ไม่ประเมินศักดิ์ศรีไทยต่ำไปหน่อยหรือ?

สังคมโลกแห่งการแก่งแย่งผลประโยชน์และความเป็นใหญ่ทุกวันนี้ เชื่อหน้ากันได้ แต่เชื่อใจกันยาก

เมื่อวาน(๑๔ พ.ย.๖๘)

 “Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย“ โพสต์ว่า

“นายหลิน เจี้ยน”โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นไทย–กัมพูชาว่า

ในฐานะที่เป็นมิตรและประเทศเพื่อนบ้านของไทยและกัมพูชา จีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า

ไทยและกัมพูชาจะยับยั้งชั่งใจ เดินหน้าเข้าหากัน ยึดมั่นในการปรึกษาหารืออย่างเป็นมิตร

ใช้ “กลไกทวิภาคี” ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้โดยเร็วที่สุด

และหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น จีนจะยังคงมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการช่วยลดความตึงเครียดตามแนวทางของตนเองต่อไป”

เนี่ย…ไทยเรา “หลงประเด็น” จนกลายเป็น “ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน” เกือบสายเกินแก้

เพราะประโยคเดียวที่จีนพูดแท้ๆ…..

”ใช้ “กลไกทวิภาคี” ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้โดยเร็วที่สุด”

ตรงนี้ กระตุกสติกลับมา ว่าเราลืมหลักการอันเป็น “จุดยืน” ที่สำคัญในเรื่องนี้ไปแล้ว

ปัญหา ”ไทย-เขมร” ต้องจัดการกันเองตาม “กลไกทวิภาคี” คือไทยกับเขมรเท่านั้น จะตกลง-ไม่ตกลง ต้องคุยกันเอง

“ประเทศอื่น-คนอื่น” ไม่ต้องเสือก!

แต่ที่ผ่านมา เขมรไปลากมาเลย์ ไปลากสหรัฐฯ ไปลากฝรั่งเศส ไปลากเวียดนาม เข้ามาเป็นสมการร่วม

แล้วไทยก็หลงกล พลอยคล้อยตาม

จากทวิภาคี จนขณะนี้ เรื่องไทย-เขมร กลายเป็นเรื่อง “พหุภาคี” ไปแล้ว มีทั้งมาเลย์ ทั้งสหรัฐฯ เข้ามาจุ้นจ้าน

เคราะห์ดีที่ “จีน” เข้าใจ วางตัวเป็นกลาง

เคารพคำว่า “ทวิภาคี” ไม่เข้ามาแทรกแซง นอกจากเตือนสติทั้งสองฝ่ายด้วยความหวังดีเท่านั้น

ส่วน “ไทย-เขมร” จะสันติภาพหรือจะยิงกัน จีนไม่ยุ่งด้วย!

อืมมมม….
เราเป็นเด็กดี ปล่อยให้ “โลกลาก” จนเสียปราสาทพระวิหารไปทีแล้ว เมื่อปี ๒๕๐๕

ถึงทีไทยเราต้องเป็นสุภาพบุรุษนักเลง “ลากโลก” ที่บิดเบี้ยวให้มาอยู่บนเส้น “ศูนย์สูตร” แห่งความถูกต้อง-ชอบธรรมบ้างแล้ว

“แพ้เป็นพระ-ชนะเป็นมาร”

กับปัญหาเขมร “เถื่อนถ่อย” ที่ไม่รู้จัก “แยกชั่ว-แยกดี” เราต้องเล่นบท “องคุลีมาล” กับมัน เหมือนตีหมาอันธพาล ต้องตีที่ปากให้ฟันและเขี้ยวมันร่วง

แล้วค่อยไปบวชเป็น “พระองคุลีมาล” ทีหลัง ก็ยังสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้

ฉะนั้น นับไปอีก ๔ วัน…บึ๊มแม่งมันเลย!

เปลว สีเงิน

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Written By
More from plew
“ต้มยำกุ้ง” ถึง “ฮอตดอก” – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ…? เปลว สีเงิน คุยซะหน่อย….เดี๋ยวจะไม่อินเทรนด์! เรื่อง “แบงก์ล้ม” นั่นแหละ ไม่ใช่ในไทย แต่เป็นที่สหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมา เพียงสัปดาห์เดียว ทำสถิติ...
Read More
0 replies on “ต้องให้รู้ซะมั่งว่านี่ไทย #เปลวสีเงิน”