ผักกาดหอม
ไม่ทราบไปไงมาไง…
“วราวุธ ศิลปอาชา” ถึงไปมีชื่อในโผแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
ถ้าจริงก็ถือว่าดูดีครับ
อย่าเทียบกับ “แพทองธาร” เพราะเทียบกันไม่ได้
“วราวุธ” มีความเหมาะสมอยู่ไม่น้อย ขาดแค่เสียง สส.สนับสนุน
ถ้าได้ สส.พรรคเพื่อไทยเป็นฐานในการเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมีสูง
แต่…การไปมีชื่อในแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยนั้นไม่ง่าย
เพราะไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร
เว้นเสียว่า ขุดมาหมดโคตรแล้ว ไม่มีคนของตระกูลชินวัตรที่จะเล่นการเมืองอีกแล้ว “วราวุธ” ก็ต้องไปเข้าแถวกับบรรดาตัวเก็งของพรรคเพื่อไทย
นี่มองตามหลักการของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยครับ
แต่ของจริง ถ้า “นายใหญ่” ไม่จิ้ม ก็ไม่มีสิทธิเสนอหน้า
ก็อยู่ที่ว่าแผนของ “ทักษิณ” เป็นแบบไหน
หากเลิกใช้คนของตระกูลชินวัตร ก็ดาบสองคม เพราะบรรดาสมาชิกพรรคที่ต้องการความมั่นใจว่า “ทักษิณ” จะไปต่อนั้นเบนเข็มทันที
อย่าลืมนะครับ สส.จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะ สส.พรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน ยังเชื่อว่า “ทักษิณ” ขายได้อยู่ แต่ถ้า “ทักษิณ” ยกธงขาว พรรคเพื่อไทยร้างครับ
หนีกันหมด!
เป้าหมายก็ไม่พ้นพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นปลาน้ำเดียวกัน
ฉะนั้นอย่างไรเสีย ใน ๓ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้นจะต้องมีคนในตระกูลชินวัตร ๑ คน
ส่วนจะเป็นใคร อย่าไปคิดแทนให้เสียเวลา
ไม่ใช่โอ๊ค พานทองแท้ แน่ๆ
เพราะยิ่งกว่าเป้านิ่ง!
หันซ้ายหันขวาแล้ว ในยุคการเมืองที่ลมหายใจเข้า-ออกเป็นคนรุ่นใหม่ ก็หนีไม่พ้นเขยชินวัตร
พ่อตาสั่ง อย่างไรก็ทำตาม!
“ทักษิณ” ติกคุกแค่ปีเดียว รัฐบาลใหม่บริหารประเทศไป ๕-๖ เดือน ก็ออกมาดูโลกภายนอกแล้ว ฉะนั้นจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยต้องมีสถานะเป็นรัฐบาล
ไม่แน่อาจออกมาก่อนในฐานะนักโทษชั้นดีเลิศประเสริฐศรี
“ทักษิณ” เองก็ต้องการหลักประกันว่าออกจากคุกแล้ว จะไม่ถูกขยี้ซ้ำ
จึงต้องมีอำนาจรัฐคอยคุ้มกันอยู่บ้าง ซึ่งก็มีแนวโน้มสูงที่พรรคเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย อยู่ที่ใครจะได้เสียง สส.มากกว่า
ฉะนั้น “วราวุธ” ต้องคิดให้ดี ใครๆ ก็ชอบทางลัด เพราะไม่เหนื่อยมาก
แต่ให้ดู “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นตัวอย่าง
เวลา “ทักษิณ” ใช้งานคน มิได้คำนึงถึงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี เพราะคนในเพื่อไทยมีสถานะไม่ต่างจากลูกจ้างบริษัทในเครือชินวัตร
นึกจะใช้ใครทำอะไรก็ออกคำสั่ง ไม่มีการปรึกษาหารือขอความเห็นแต่อย่างใด
ประเด็นสำคัญ การเมืองที่รับใช้ทักษิณ ล้วนมีความเสี่ยงติดคุกติดตะรางทั้งสิ้น
วานนี้อ่านข่าวแล้วขำก๊ากกกกก…
“ก่อแก้ว พิกุลทอง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บอกว่า
“…การคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ เป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคจะตัดสินใจ ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติอย่างรอบด้าน และพูดคุยกับสมาชิกและ สส.ของพรรค อย่างตกผลึกก่อนเท่านั้น
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า (วราวุธ) ไม่ง่าย เพราะพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เหมาะสมกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็หลายท่านครับ….”
ถามจริง…การเลือกแพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯ คือการพิจารณาอย่างรอบด้านแล้วอย่างนั้นหรือ
ถ้าใช่ พรรคเพื่อไทยมีปัญหาใหญ่แล้วละครับ
จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่า “แพทองธาร” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง
ด้วยความสามารถตัวเองล้วนๆ
ร้อยขี้หมากองครับ!
สัปดาห์ที่ผ่านมา อ่านโพสต์ของ Thanakorn Tony Chokpitiboon รู้สึกชอบเป็นการส่วนตัว
“…๔ เรื่องจริงของ “ลี กวนยู” ผู้นำที่ซื่อสัตย์จนคนทั้งโลกยกย่อง
๑.ผ้าห่มผืนเก่า ที่เขาไม่ยอมทิ้ง
หลังจากภรรยาเสียชีวิต มีคนเห็นลี กวนยูใช้ผ้าห่มผืนเดิมที่ซีดและเก่า จนขอซื้อไว้เพื่อเป็นที่ระลึก
แต่เขาปฏิเสธ พร้อมตอบว่า…
‘มันยังใช้ได้ดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยน’
ผู้นำที่ไม่หลงใหลวัตถุ แม้จะเคยเป็นนายกฯ กว่า ๓๐ ปี
๒.ไม่เอื้อประโยชน์ให้ลูก แม้จะเป็น ‘ลูกนายกฯ’
ในช่วงที่ลูกชายเขา (ลี เซียนลุง-ปัจจุบันเป็นอดีตนายกฯ) เป็นแค่ข้าราชการ
ลี กวนยู ไม่เคยใช้เส้น หรือพิเศษใดๆ ให้ลูก
เขาบอกว่า…
‘อย่าคิดว่าลูกของนายกฯ จะมีอภิสิทธิ์ ถ้าทำผิดก็คือผิดเท่ากัน’
แม้ภายหลังลูกชายจะได้เป็นนายกฯ ก็เป็นเพราะความสามารถ ไม่ใช่เพราะพ่อดัน
๓.ความรักแท้หลังภรรยาเสียชีวิต
ภรรยาของเขา ‘มาดามกัว’ เป็นรักแรกและรักเดียว
เมื่อเธอป่วยอัมพาต พูดไม่ได้ ลี กวนยูอ่านหนังสือให้เธอฟังทุกคืน
แม้เธอจะไม่ได้ตอบกลับเลย
หลังเธอเสียชีวิต เขายังนั่งกินข้าวคนเดียวที่โต๊ะเดิม รักษาเวลาเดิมทุกวัน
เขากล่าวว่า…
‘..เธออาจจากไปแล้ว… แต่ความรักของผมยังอยู่ที่เดิม’
๔.บ้านที่ไม่ใช้โชว์ แต่เป็นบ้านของประชาชน
ลี กวนยู เลือกอยู่อาศัยในบ้านหลังเดิมที่เรียบง่ายในย่านราชการ ไม่เคยสร้างวังหรือที่พักหรูหราหลังจากเสียชีวิต ครอบครัวไม่ได้ขายบ้านหรือเปลี่ยนแปลงมากมาย
แต่เลือกเก็บรักษาบ้านไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ และเปิดให้บางส่วนแก่ประชาชนและนักเรียนเข้าชม เพื่อให้เห็นถึงชีวิตและความเรียบง่ายของผู้นำที่แท้จริง
เรื่องเล่าเหล่านี้สอนให้เรารู้ว่า…
ผู้นำที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตหรูหรา
ความซื่อสัตย์และความเรียบง่ายเป็นหัวใจของการทำงานเพื่อชาติ
ความรักและความรับผิดชอบ ไม่ได้อยู่แค่ในคำพูด แต่สะท้อนผ่านการกระทำในทุกวัน…”
อีก ๕-๖ เดือน ประเทศไทยจะเลือกตั้งแล้ว
จะมีแคนดิเดตนายกฯ ได้สักเสี้ยวหนึ่งของ “ลี กวนยู” หรือเปล่า
ฝันไว้ก็ไม่เสียหลายครับ.
