ชายชาติทหารสอนมวย #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ช่วงนี้กระแสปกป้องอธิปไตยแรงมากครับ

แรงกว่าที่คิด

สาเหตุหลักไม่ใช่เพราะการเมืองสไตล์กัมพูชาของ “ฮุน เซน”

แต่เพราะการเมืองสไตล์ “ทักษิณ” ของรัฐบาลเพื่อไทย

คือ…ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน แต่เรื่องตัวเองอมสาก

เป็นเพราะความผิดพลาดในการสื่อสารกับประชาชนของรัฐบาลแพทองธาร จนทำให้ดูเหมือนรัฐบาลไทยเดินตามหลังรัฐกัมพูชา ๑ ก้าวในทุกๆ วัน

เพราะเอาคนไม่ประสีประสามานั่งหัวโต๊ะ จึงมองไม่ออกว่าเมื่อเจอปัญหาลักษณะนี้รัฐบาลจะต้องทำอะไรบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่

นี่แหละครับผลของการเอาใครก็ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นคนตระกูลชินวัตร ขอให้เป็นคนของทักษิณ

การเมืองระหว่างประเทศรัฐบาลต้องว่องไว และแม่นยำ มัวแต่นั่งรอคนนอกรัฐบาลสั่งการ ไม่ได้หรอกครับ

เมื่อนายกฯ มึน! รัฐมนตรีกลาโหมมั่ว! เพลง “แผ่นดินของเรา” ถึงได้ถูกเปิดปลุกใจกันกระหึ่มในสื่อโซเชียล

ฟังคำแถลงของนายกฯ วานนี้ (๖ มิถุนายน) อาการหนักครับ!

“… ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ซึ่งได้คุยกับท่านรัฐมนตรีดิจิทัลฯ แล้ว ไม่อยากให้เกิดกระแสหรือการปลุกปั่นใดๆ ว่ารัฐบาลหรือกองทัพมีปัญหากัน

จริงๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย มีการทำงานสนับสนุนกันอย่างดีเสมอ และมีอำนาจหน้าที่อะไรต่างๆ ก็เคลียร์กันให้หมด ว่าถึงหน้างานกองทัพสามารถตัดสินใจได้เลย

เคลียร์กันในเนื้องานทั้งหมดแล้ว

และในเรื่องของการเจรจาหรือรายละเอียดข้างในที่พูดคุยกันอาจไม่ได้ลงในรายละเอียดทั้งหมด แต่ในกรอบความเข้าใจก็เกิดความเข้าใจกัน

ยังไม่มีความรุนแรงที่ขยายมากยิ่งขึ้น ทางกองทัพเองก็ยืนยันในการจำกัดความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลสนับสนุน…”

ถึงกับต้องเคลียร์กันเลยหรือครับ

ของแบบนี้ไม่ต้องเคลียร์ นายกรัฐมนตรีคือผู้สั่งการ กองทัพนำไปปฏิบัติ นั่นคือสายการบังคับบัญชา

ชัดเจน ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย!

ไม่ใช่มานั่งเคลียร์ว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร

ไม่มีใครเขาปลุกปั่นให้รัฐบาลแตกกับกองทัพครับ แต่เมื่อประชาชนต้องการข้อมูลที่ชัดเจน รัฐบาลกลับให้ไม่ได้ เขาก็ไปฟังกองทัพที่ออกมาอธิบายตอบโต้กัมพูชาเป็นฉากๆ

ในสภาวะที่ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลพึ่งพาไม่ได้นี้ ทุกคนจึงหันไปหากองทัพ

ขนาดฝ่ายค้านที่เคยสร้างวาทกรรม กองทัพมีไว้ทำไม ยังต้องหันไปชื่นชมทหาร

ก็เพราะรัฐบาลเกรงใจเพื่อนพ่อนายกฯ ไงครับ ถึงไม่กล้าพูดหักหาญน้ำใจ ราวกับกลัวว่าถึงเวลาพ่อนายกฯ จะไม่มีที่ไป

ประชาชนไม่ต้องการสงครามหรอกครับ แต่ก็ส่งใจไปให้แนวหน้า มากกว่าจะให้กำลังใจรัฐบาล เพราะเขามองแล้วว่ากรณีนี้ กองทัพ คือที่พึ่ง

การที่นายกฯ ไม่มีศักยภาพเพียงพอ จะสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่ประเทศครับ โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการความรู้ ความกล้าในการตัดสินใจ อย่างเช่นข้อพิพาทแนวชายแดนนี้

นายกฯ แพทองโพย แทบไม่มีพื้นฐานอะไรเลย นอกจากฟังว่าคนโน้นว่าไง คนนี้เอาไง แล้วรอคำสั่งจาก “เพื่อนฮุน เซน”

ต่างจาก “ลุงป้อม” ครับ

วันนี้ต้องชม พี่ใหญ่แห่ง “บูรพาพยัคฆ์” ใจบันดาลแรง แนะแนวทางให้รัฐบาลรับไปดำเนินการ

“…ความมั่นคงของประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในเชิงยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง

ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและเด็ดขาด ไม่ยอมให้การรุกล้ำอธิปไตยถูกมองข้าม และให้ความสำคัญกับมาตรการตอบโต้ที่สมเหตุสมผล

ทั้งด้านการทูต เศรษฐกิจ กฎหมาย และศักยภาพทางทหาร เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย

…ไทยยึดหลักสันติวิธี ไม่ต้องการเผชิญหน้า

แต่หากอีกฝ่ายไม่มีความจริงใจ ไม่ยอมใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ กลับปลุกปั่น ป้ายสี และยกระดับปัญหาไปสู่เวทีโลก ไทยก็จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือในทุกมิติ

เพราะการประนีประนอมแบบไม่ลึกซึ้งจะยิ่งทำให้คู่เจรจาไม่เกรงใจและไม่เกรงกลัว…’

‘…กติกาสากลมีไว้ใช้กับสุภาพบุรุษ และเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเจรจาด้วยความจริงใจ ก็ต้องเตรียมมาตรการเชิงรุกที่สร้างแต้มต่อให้ฝ่ายไทยได้เปรียบ

ไม่หลงกล ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พร้อมเรียกร้องให้มีการสื่อสารกับประชาชนและมิตรประเทศอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา

เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในเวทีระหว่างประเทศ…’

‘…ประเทศไทยยึดมั่นในสันติภาพ แต่หากมีการรุกล้ำอธิปไตยแม้แต่น้อย ต้องพร้อมปกป้องด้วยชีวิต เพราะแผ่นดินไทยต้องเป็นของคนไทยเท่านั้น…’ ”

นายกฯ แพทองโพยต้องเข้าใจนะครับ เรื่องเขตแดนประเทศ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องหยวนๆ

แต่ท่าทีรัฐบาลเหมือนถูกประชาชนกดดันให้ทำ ไม่ได้ออกมาจากสำนึกในฐานะผู้บริหารประเทศอย่างแท้จริง

มีวิธีตอบโต้กัมพูชามากมาย โดยไม่ต้องทำสงคราม

ก็อย่างที่ “ลุงป้อม” แนะนำ ใช้การทูต เศรษฐกิจ กดดันได้

ทหารกัมพูชายังไม่ถอยออกจากศาลาตรีมุข แถมวางกับระเบิดเพิ่ม รัฐมนตรีกลาโหมไทย เดินคอตกกลับบ้าน เหมือนไม่รู้ทำไงต่อ

แบบนี้ไม่ได้ครับ

มันต้องชัดแล้ว

จำเป็นต้องปิดด่านก็ต้องปิด

เรียกทูตกัมพูชามาคุยก็ต้องทำ

จะรอคุย JBC วันที่ ๑๔ มิถุนายน ไม่ได้หรอกครับ เพราะเขมรเล่นเกมแล้วถึงประชุมกันก็ไม่คุยเรื่อง ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต

แถมประชุมหลังวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน การบังคับโทษนักโทษชั้น ๑๔ เพียง ๑ วันเสียด้วย

ช่วงเวลาอันสำคัญนี้ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ

นอกจากคุยกับเขมรไม่รู้เรื่องแล้ว ในประเทศยังปั่นป่วน หาก “ทักษิณ” ต้องกลับไปรับโทษใหม่

เพราะมันจะล้มทั้งกระดาน

หาก “ทักษิณ” เลือกที่จะหนี ทุกด่านต้องเฝ้าระวัง ๒๔ ชั่วโมง

สรุปคือปิดด่านเท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นก ๒ ตัว.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
รองนายกรัฐมนตรีฯ มอบนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากการบ้าน 6 ข้อ ยกระดับความปลอดภัยในชีวิต – ทรัพย์สินของประชาชน ย้ำ “เมื่อตำรวจมีหัวใจคือประชาชน ตำรวจก็จะอยู่ในใจของประชาชน”
27 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการบริหารราชการแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี...
Read More
0 replies on “ชายชาติทหารสอนมวย #ผักกาดหอม”