เปลว สีเงิน
๒-๓ เดือนมานี้ ผมมันเข้าตำรา “พระศุกร์เข้า-พระเสาร์แทรก”
คือ “สามวันดี-สี่วันไข้” สภาพเหมือนรถตัดผุ!
วันนี้ ก็ตกรถ-ตกเรืออีก
เขียนไม่ทันในหน้าหนังสือพิมพ์ ต้องมาอาศัยโหนต่องแต่งในเว็บไซต์-ออนไลน์ แทน
ก็ต้องขออภัยท่านผู้ควักเงินวันละ ๑๕ บาท อุปถัมภ์ค้ำชูให้หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์อยู่ได้
แต่หยิบขึ้นมาพลิกจะอ่าน….
อ้าว…เหลวไหล หายหน้าไปซะอีกแล้ว!
คนแก่ก็ “มากโรค” อย่างนี้แหละครับ อย่าขึ้งโกรธแล้วทิ้งขว้างกันเลย
ขออภัยแล้ว ก็ต้องขอบคุณหลายๆท่าน ที่คอมเมนต์ขอให้ผมหายป่วย แข็งแรงไวๆ บ้าง ส่งยาขนานต่างๆ มาให้บ้าง หลายท่าน บอกให้ผมตายไวๆ บ้าง
ไม่ว่าจะแบบไหน ยินดีน้อมรับเหมือนกันหมด
เพราะคนเรา ถ้า “ไม่มีใจต่อกัน” อย่าว่าแต่จะคอมเมนต์เลย สองตาก็ไม่อยากแลที่ผมเขียนด้วยซ้ำ
หากแต่เพราะท่าน “มีใจอ่าน” ที่ผมเขียนหรอก จึงเกิดความรู้สึกด้วยทัศนคติ “บวก-ลบ” แล้วสื่อสารถึงกัน
ดีออก!
ถ้าหันหลังให้กันไปเลย นั่นตะหากที่ไม่ดี เป็นคน มันต้องมีความรู้สึก จะได้รู้ว่า เรื่องนั้นๆ คนทั้งหลายมีความคิดเห็นเช่นใด?
“ความเห็นต่าง” ไม่ใช่เรื่องแปลก คำพูดชม-คำพูดแช่ง ก็แค่คำพูด ส่วนดีหรือไม่ดีนั้น ไม่ได้อยู่ที่คำพูดท่าน
หากแต่อยู่ที่ “จิตผู้รับ” จะปรุงรสสิ่งที่ตาอ่านเป็น “คำชมหรือคำแช่ง” ไปเอง!
“คำคม-คำแช่ง” ก็มาจากใจแต่ละท่าน บังเอิญ “ไต” ผมดี ทำหน้าที่กลั่นกรอง, แยกแยะได้ว่า ไหนเป็นสิ่งดี-เก็บไว้, ไหนเป็นสิ่งไม่ดี-ก็ขับถ่ายทิ้งไป
ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอย่างนี้แหละครับ
กายป่วย แต่ใจสบายๆ “ตาย-อยู่” แค่ลมหายใจคั่น
ที่ชีวิตคนเราวุ่นวายทุกวันนี้ ส่วนหนึ่ง เพราะทำเรื่องง่ายๆ ให้มันยุ่งยาก ซับซ้อนไปเอง ชีวิตจึงสับสนในสามัญสังคมโลกที่คน “ต่างความคิด” กัน
วันก่อน ศิษย์ “พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก” วัดป่านาคำน้อย อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ไลน์มาบอกว่า
อาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน นี้
มีการแสดงมุทิตาสักการะ “พระอาจารย์อินทร์ถวาย” ครบรอบปีที่ ๘๐ ที่วัดป่านาคำน้อย
ผมก็ศิษย์ผู้หนึ่ง จึงขอแทรกซักนิดว่า ขณะนี้ วัดป่านาคำน้อย “พระอาจารย์อินทร์ถวาย” กำลังก่อสร้าง…
“พิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” การก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า ๕๐% แล้ว
และเมื่อ ๑๒ กุมภา.๖๘ “พระอาจารย์” ได้ประกอบพิธีอัญเชิญรูปหล่อ “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”
ขึ้นประดิษฐานบนซุ้มพระเจดีย์ “พิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐาน สาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” เรียบร้อยไปส่วนหนึ่ง
และอาทิตย์ ๒๗ เมษา.ที่จะถึงนี้
ในวาระแสดงมุทิตาสักการะ “พระอาจารย์อินทร์ถวาย” ครบรอบปีที่ ๘๐
พระอาจารย์ได้ประกอบพิธีเททองหล่อยอดฉัตรพระเจดีย์ “พิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ด้วย
ทางวัด, ญาติโยม จึงได้จัดทอดผ้าป่า ๘๔,๐๐๐ กอง ๆ ละ ๕๐๐ บาท เพื่อสมทบสร้าง “พิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”
ผมไม่มีโอกาสได้ไปร่วมแสดงมุทิตาสักการะ ได้แต่โอนเงินเข้าบัญชี ร่วมทอดผ้าป่า
ส่วนท่านใด ประสงค์ร่วมทอดผ้าป่า ๘๔,๐๐๐ กองๆ ละ ๕๐๐ บาท สามารถโอนเข้าบัญชี วัดป่านาคำน้อย เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ ได้ที่
หลวงพ่อวิริยังค์ “พระพรหมมงคลญาณ” วัดธรรมมงคล เคยบอกกับญาติโยมว่า
“พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย” นี่เป็นภาษาบาลี เขาใช้เป็นเรียกว่าภาษาแขกอินเดีย
สุโข ก็แปลว่า “ความสุข” อุจจะโย ก็แปลว่า”สะสม”
สะสมอื่นๆ “นำความทุกข์มาให้” แต่สะสมบุญเนี่ย “นำความสุขมาให้” เป็นคำดำรัสของพระพุทธเจ้า
และเมื่อเรา “สะสมบุญ” มากเข้า เขาเรียกว่า “บารมีเต็มเปี่ยม” เมื่อบารมีเต็มเปี่ยม ก็พ้นทุกข์
เพราะว่า “การสะสมบุญ” นี้ มันเป็นแนวทางแรก พอเราเดินทาง เพราะว่า “เป็นทางถูก” เขาเรียกว่า “ไม่ใช่ทางผิด”
ถ้า “สะสมบาป” นำมาซึ่งความทุกข์
ความทุกข์นั้น นอกจากว่า จะพาเรา “เวียนว่ายตายเกิด” ด้วยความทุกข์ยากลำบากไปตลอดเวลา เขาเรียกว่า “ผิดหนทาง” เดินทางผิดแล้ว…..”
ครับ…นี่ก็เป็นทางบุญ-ทางกุศล สังคมโลก-สังคมบ้านเมืองทุกวันนี้ ต้องใช้คำว่า “วุ่นวายหนอ” ส่อเค้าว่า จะวุ่นวายไปอีกนาน
เตรียมตัวรับอย่างเดียวไม่พอ ต้องเตรียมใจด้วย มีคำอยู่ ๓ คำ ที่ผกผันและส่งผลถึงกันคือ
“เศรษฐกิจ-สังคม-สงคราม”!
มันเป็นโรคระบาดอย่างหนึ่ง ตอนนี้ มันระบาดไปทั้งโลก บ้านเราก็เถอะ บางคนอาจจะยังชิลๆ แต่ขอให้รู้ไว้
“ยำ ๓ เหม็น” นั้น มันมาแน่!
New World Order “ระเบียบโลกใหม่” ที่พูดกันมานาน มันกำลังก่อตัวเป็นรูปร่าง เริ่มจากเศรษฐกิจ และลามสู่ชีวิตปากท้อง สังคมมนุษย์โลก
ส่วน “สงคราม” ห้ำหั่นกันด้วยอาวุธมหาประลัย จะเมื่อไหร่ แล้วจะรอดมั้ย ผมไม่รู้…
รู้แต่ว่า “สุขโข ปุญญัสสะ อุจจะโย” นั่นแหละ จะช่วยให้รอด!
บ้านเรา เท่าที่สังเกต “ภาครัฐ” ดูเขาสบายๆ จะบอกว่าไม่เครียด หรือไม่รู้ร้อน-รู้หนาว ผมก็เดาไม่ถูก
โลกไม่สับปลับ แต่ผู้มีอำนาจคุมโลกอย่าง “ประธานาธิบดีทรัมป์” สับปลับ เรื่องเดียวกัน เช้าพูดอย่าง บ่ายอีกอย่าง เย็นไปอีกอย่าง
มันก็ฉิบ…กันไปทั้งสังคมโลกเท่านั้น!
ในเมื่อทรัมป์กลายเป็น “ผู้นำโลกเลี้ยงแกะ” มันก็เป็นสัญญานบอกให้รู้ว่า ศตวรรษ ๒๑ ที่กำลังจะมา
มหาอำนาจโลก “ไมใช่สหรัฐอเมริกา” แล้ว!
ในโลกเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ สหรัฐฯ ไม่ใช่ผู้มีอำนาจนำ เมื่อหลงผิดในตัวเอง เที่ยว “ตั้งกำแพงภาษี” บ้าๆ บอๆ กะว่าประเทศน้อยใหญ่ เช่น จีน ต้องเรียงคิวคลานเข้ามาขอจูบก้น
กลับถูกจีนที่เหนือกว่าสหรัฐฯ ด้านเศรษฐกิจ ยันทรัมป์ด้วยบั้นทายเท้าหน้าคว่ำข้าวเม่า ฝูงอเมริกันชนทุกรัฐ เดินขบวนออกมาซ้ำ…ทรัมป์ ออกไป!
ชีวิตประจำวันอเมริกันชนทุกวันนี้ มีอะไรบ้างทั้ง “ของกิน-ของใช้” ที่ไม่ได้นำเข้าจากจีน?
ตั้งกำแพงภาษีกีดกันสินค้าจีน จีนไม่ตาย แต่อเมริกันตาย ของแพงขึ้นกว่าร้อยเท่า!
สหรัฐฯ ผลิตแต่อาวุธสงคราม จรวด นิวเคลียร์ ไว้ข่มโลก
ส่วนอาหารการกินและข้าวของเครื่องใช้…เล็กๆ สหรัฐฯ ไม่ ต้องนำเข้าจากจีนและประเทศในเอเชีย-อาเซียนเป็นส่วนใหญ่
กร่าง…ประกาศตั้งกำแพงภาษีเปรี้ยงปร้าง ใหม่ๆ ตาค้าง ตกใจทั้งโลก แต่พอตั้งสติได้ ฝ่ายที่ฉิบหายก่อนจากกำแพงภาษี กลับเป็นสหรัฐฯเอง
ตอนนี้ ทรัมป์ กลับเป็นฝ่ายต้องคลานเข่าไปขอจูบ ass ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง!
ตกลง “ศตวรรษที่ ๒๑” จีนหรือสหรัฐฯกันแน่ ที่จะครองบัลลังก์ “มหาอำนาจโลก”?
ตรงนี้แหละ จาก “เศรษฐกิจ-สังคม” มันจะผสมเป็น “สงคราม” เพราะเมื่อสหรัฐแพ้สงครามเศรษฐกิจและสังคม
แต่ด้าน “กองทัพ” และ “อาวุธล้างโลก” สหรัฐฯ ยังครองอันดับ ๑ ของโลก
สหรัฐฯ คงไม่ได้สะสมไว้เพื่อ “จิ้มน้ำพริก” กิน ยามยากแน่ๆ เมื่อเข้าตาจน เศรษฐกิจก็พัง ดอลลาร์ก็กลายเป็นกระดาษ
ไม่มีอะไรแก้ได้ นอกจากอาศัยมนต์หลวงพ่อทักษิณ…..
“เมื่อกูอยู่ไม่เป็นสุข ก็อย่าหวังว่าใครจะได้อยู่เป็นสุข”
แล้ว “สงครามล้างอายผสมล้างหนี้” มันก็ต้องเกิด!
ไทยเรา ก็โดนกำแพงภาษีเต็มๆ รัฐบาลส่ง “๒ พิชัย” พิชัยคลัง กับ พิชัยพาณิชย์ นำทีมไปเจรจา จะเรียกว่า “ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าทรัมป์” ก็ปานนั้น
แต่ยังไม่อยู่ในสายตาที่ “ทรัมป์และทีม” ของเขาจะแลเพื่อพูดคุยด้วย!
เจ็บนี้ คนไทยต้องช่วยกันจำ ว่านี่ไงที่เรียก” มหามิตร”!
ยามจะเอาประโยชน์จากบ้านเรา ยื่นมือมาจับเขย่า ไทยมหามิตร
ยามไม่สมประโยชน์จากบ้านเรา อุตส่าห์ซานหน้าไปขอพบ ตีนมันก็ยังไม่ยื่นมาให้เห็นด้วยซ้ำ!
ไม่ได้บอกให้แค้น เพียงบอกให้จำ ตอนต้มยำกุ้งก็ครั้ง ซานไปขอกู้เงิน สภา “คองเกรส” บอกว่า
“ช่วยทำไม ไทยอยู่ไกล ช่วยไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ช่วยเม็กซิโกดีกว่า เพราะอยู่ใกล้”
เห็นหลายคน-หลายฝ่าย ออกมาพูดในเชิงหยามคณะไปเจรจาต่างๆ นานา
ผมว่าในภาวะเพื่อ “ประโยชน์บ้านเมือง” ด้วยกัน ไม่ให้กำลังใจกัน ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าดูถูก-ดูแคลน พูดจาเชิงหมิ่นหยามคนของเราเลย
ช่วยแนะ ช่วยเสริม ในทางให้กำลังใจคนที่เขาเป็นตัวแทนประเทศไปเจรจาดีกว่าครับ จะรัก-จะชัง รัฐบาลก็เรื่องหนึ่ง
แต่ตอนส่งคนไปประหนึ่ง “ไปรบทัพจับศึก” ไทยต้องสามัคคีรวมใจให้กัน ผมคิดอย่างนั้นนะครับ
ก็รู้ ไปก็ไม่ได้อะไร นอกจากถูกทีมสหรัฐฯ พูดจาให้เป็นหนามยอกใจ แต่เมื่อไป อย่างน้อยก็จะได้รู้ใจ “มหามิตร” ให้มันซึ้งๆ
“วันพระไม่ได้มีหนเดียว” คำนี้ยังใช้ได้ ซักวัน มันต้องซานมาปะเหลาะ…ไทยมหามิตร เชื่อเถอะ
ศึก “กำแพงภาษี” นี้ จะบุกเดี่ยว หรือยกทีมอาเซียนไปบุกค่าเท่ากัน เพราะสหรัฐฯ มีเงื่อนไขเป็นเป้าหมายจากในแต่ละประเทศซ่อนอยู่ในใจที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น จะร้อนรนไปไย ให้ “ช้างสาร” เขาชนกันก่อน ลงท้าย ประเทศเล็ก-ประเทศน้อย ไม่ต้องรบ ก็จะพลอยชนะไปด้วย!
วันนี้คุย “ลมเพ-ลมพัด” อย่าเอาเป็นสาระไปเลย คือพอมีแรง ก็มาจิ้มคอมพ์ เพราะคิดถึงท่าน ระหว่างนี้ คงมาๆ หายๆ คงไม่ว่ากันนะ.
เปลว สีเงิน
๒๔ เมษายน ๒๕๖๘
