เปลว สีเงิน
กลับไปอยู่กิโลเมตร ที่ ๐ อีกครั้ง สำหรับการเมืองไทย!
เมื่อ “เศรษฐา” หลุดตำแหน่งนายกฯ”
ประเทศไทยขณะนี้ จึงบริหารโดย “ครม.รักษาการ”
มีนายภูมิธรรม ในฐานะรองนายกฯ อันดับ ๑ เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งนายกฯแทนเศรษฐา
คนที่ลงทะเบียน รอรับ ๑๐,๐๐๐ บาท จากเงินแจก ๔๕๐,๐๐๐ ล้าน
ชาติหน้าบ่ายๆ “รัฐบาลผีหัวขาด” จะโอนให้ทางโทรจิตนะ!
ประเทศไทยนี่ ใครว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ คิดให้ดี ก่อนพูด
เศรษฐานับว่าโชคดี…. รู้ไว้ด้วย
“พระสยามเทวาธิราช” ท่านรู้ว่า กู้มาแจก การเงิน-การคลัง พังแน่ และรัฐบาลกำลัง “เกียร์ค้าง” เดินหน้าติดกึก-ยักลึกติดกัก
ท่านจึงช่วยเซฟหน้าไว้ให้ “ไล่คนขับลง” แล้วเข็นรถเข้าข้างทาง ไม่มีใครบาดเจ็บอันตรายในรายการนี้
นอกจากพึมพึม “เกาหัว-เกาก้น” กันนิดหน่อย “แจกคนละหมื่น” นึกซะว่าเสียงผายลมตอนเลือกตั้ง ครั้งหน้าค่อยหาดมใหม่
ที่อยากรู้กันตอนนี้ ใครคือ “นายกฯคนต่อไป”?
ถามทำมั้ย!
ถ้าทักษิณไม่กลัวลูกสาวเป็นเหมือนอาปู ก็ให้อุ๊งอิ้งเป็น แต่ถ้ากลัว คนที่พร้อมและคุณสมบัติ-ความสามารถถึง
ก็ต้อง “นายอนุทิน ชาญวีรกูล”!
ผิดจากนี้ หมายความว่า สถานการณ์บ้านเมืองและสถานการณ์โลก เกิดเหตุการณ์พลิกผัน-ฉับพลัน ฉุกเฉิน
บ้านเมืองก็จำเป็นต้องใช้ “รัฐบาลฉุกเฉิน”
นั่นแหละ คุณอนุทินคงต้อง “รอคิว”
ให้ผู้มากับสถานการณ์ ได้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการสถานการณ์ในภาวะครับขันเฉพาะหน้าชั่วคราว
ซึ่งทิศทาง การบ้าน-การเมืองและการโลก ต่อจากนี้ อะไรๆ ชนิด “ปุบปับ-ฉับพลัน” มันเกิดขึ้นได้ ในทุกวินาที
ฉะนั้น “แผนสำรองฉุกเฉิน” ต้องพร้อม!!!
“สถานการณ์ฉุกเฉิน” ที่ว่านี้ หมายรวมที่อาจมาจากโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีที่ “ผิดฝา-ผิดตัว” ต่อจากนี้ ก็เป็นได้
เพราะคำว่า “อะไรมันก็เกิดขึ้นได้” นั่นแหละ ในเมื่อพรรคแกน คือ “พรรคเพื่อไทย” ที่ครองสิทธิจัดตั้งรัฐบาล
“อำนาจชี้ขาด” ทั้งหมด มาจาก “ผู้มากบารมีเหนือพรรค”!
ดังนั้น ถ้ามีอะไรเกินเลยที่ประชาชนรับได้
โอกาสเกิดเหตุ เหมือนแก้ส LPG รั่ว ที่ถนนเพชรบุรี หลายสิบปีก่อน อาจรีเทิร์น
ที่จริง ไม่อยากคุยเรื่อง “เศรษฐาตกเก้าอี้” เพราะผมเชื่อในหลักกฎหมายและหลักบริสุทธิ์แห่งจิตอยู่แล้วว่า
กรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีนั้น
เศรษฐา “ไม่รอด” หรอก!
ที่โพนทนากันครึกโครมล่วงหน้าว่า “เศรษฐารอด” ด้วยเสียงเท่านั้น ต่อเท่านี้ มันก็แค่พวกเชิด “สิงโตคาบแบงก์” แห่ตามเทศกาล
ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ประชุมกันเลย
แล้วจะเอาอะไรมาเป๊ะๆ ๖:๓ บ้าง ๗:๒ บ้าง ๕: ๔ บ้าง?
ถ้าบอกว่า “ข่าวสีพ” อย่างนั้น จะให้คนฟังเข้าใจว่า…….
“ได้สอบถามตุลาการครบทั้ง ๙ ท่านแล้ว และทั้ง ๙ ท่าน ตอบ เยส ตอบ โน ครบทั้ง ๙ ท่าน ล่วงหน้าก่อนจะได้ประชุมพิจารณากันอย่างนั้นหรือ?
ผมเชื่อความเป็นผู้ใหญ่ของคนเป็น “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ท่านจะไม่ทำอย่างนั้น มากกว่าเชื่อ พวกตีล่อโก้ว “เชิดสิงโตคาบแบงก์”!
เศรษฐาโอดครวญ หลังทราบผล ศาลฯ ชี้ขาด ด้วยเสียง ๕:๔ ให้ความเป็นนายกฯ ของเขาสิ้นสุดลง ว่า
“ผมไม่ได้ดูตรงคำว่าตัดสิทธ์หรือไม่ตัดสิทธิ์ แต่เสียใจตรงที่จะถูกออกไป เพราะว่าเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรม ซึ่งยืนยันในตัวตนว่าไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่ถ้าตัดสินมาแล้ว ผมก็น้อมรับ”
ก็ไม่อยากซ้ำเติมอะไรท่าน….
แต่ท่านกล้ายอมรับความจริงอย่างหนึ่งมั้ย ที่ตั้ง “นายพิชิต” นั้น ท่านตั้งเอง ไม่ใช่ผู้มีอำนาจนอกพรรคสั่งให้ตั้ง?
ไม่อยากอยากผิดศีลข้อมุสา ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ขอถามคำ ใครเป็นคนร่างคำแก้คดีให้ท่าน ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญน่ะ?
ห่วยแตกที่สุด ก็สมแล้วหละ ที่ศาลฯ ท่านตอกหน้าแหก ดังคำวินิจฉัยว่า
“นายเศรษฐาอ้างว่า ตนมีภูมิหลังจากการประกอบธุรกิจ มีประสบการณ์ทางการเมืองที่จำกัด
ไม่มีความรู้ทางด้านนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์
จึงไม่อาจวินิจฉัยว่า “นายพิชิต บานชื่น” เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นข้ออ้างที่ “รับฟังไม่ได้”
เพราะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในฝ่ายบริหาร ทุกการตัดสินใจ มีผลกระทบต่อบ้านเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทำ
ประกอบกับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตและความน่าเชื่อถือหรือไว้วางใจต่อสาธารณชนนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดในลักษณะภาวะวิสัย……
“……การที่นายเศรษฐา รู้หรือควรรู้ถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับพฤติการณ์ต่างๆ ของนายพิชิต ดังกล่าวโดยตลอดแล้ว
แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้นายพิชิตเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่า
นายเศรษฐาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160 (4)
ย่อมเป็นกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 หมวด 1 ข้อ 8 ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
ซึ่งข้อ 27 วรรคหนึ่ง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 1 ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ด้วย”
ศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีมติ โดยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่า
ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)
เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4)
และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)
เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) แล้ว
รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการ ปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป
ตรงนี้ หมายถึงให้รัฐมนตรีที่ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะไปด้วย อยู่เป็น “รัฐมนตรีรักษาการ” ไปจนกว่ามีรัฐบาลใหม่
สำหรับ ๕ เสียงข้างมาก ที่ให้หลุดตำแหน่ง คือ
นายปัญญา อุดชาชน,นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม,นายวิรุฬห์ แสงเทียน,นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
เสียงข้างน้อย ๔ เสียง ประกอบด้วย
นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์,นายนภดล เทพพิทักษ์,นายอุดม รัฐอมฤต และ นายสุเมธ รอยกุลเจริญ
เป็นคนไทย จำไว้อย่าง เป็นคนเก็บเห็ด หรือเป็นนายกฯ ทำผิด อ้างอะไรก็ได้ แต่ห้ามอ้าง “ไม่รู้กฎหมาย”!
เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๔ บอกไว้ว่า
“บุคคลจะแก้ตัวว่า ไม่รู้กฎหมาย เพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้
แต่ถ้าศาลเห็นว่า ตามสภาพและพฤติการณ์ ผู้กระทำความผิดอาจจะไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด
ศาลอาจอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานต่อศาล และถ้าศาลเชื่อว่า ผู้กระทำไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”
แล้วนี่ ระดับนายกฯ ดันทำหนังสือแก้ตัวไปที่ศาลว่า
“ผู้ถูกร้องที่ 1(นายเศรษฐา)ไม่มีภูมิหลังทางการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์
มีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด
จึงไม่อาจรู้หรือควรรู้ว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรธน.มาตรา 160(4)และ(5)หรือไม่….ฯลฯ”
อย่างนี้ ไม่ใช่คำแก้ตัว เขาเรียก “แก้ผ้า” ไม่มีความรู้อะไรเลยซักอย่าง ประสบการณ์ทางการเมือง-การบริหารก็แทบไม่มี
แล้วมาเป็นนายกฯ ได้ไง?
สมัครเป็น “ดอร์แมน” ทำเนียบ คุณสมบัติยังไม่ถึงด้วยซ้ำ คนเขียนมันแกล้งวางยาชัดๆ นี่ถ้าผมรู้ว่าใครเขียน จะไปฟ้องอาปูเดี๋ยวนี้เลย!
เห็นข่าวว่า สภาฯ ออกหนังสือนัด ๕๐๐ สส.ด่วน
พรุ่งนี้ ๑๖ สิงหา. “วันหวยออก” ตอนเวลา ๑๐.๐๐ น.
ให้ไปประชุมนัดพิเศษ โหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ ข่าวว่าผู้มากบารมีเหนือพรรคส่ง “นายชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายฯแทนเศรษฐา!
เห็นมั้ย…แวว “สถานการณ์ฉุกเฉิน” มันมาแล้ว
ถ้าเพื่อไทยมั่นใจไปรอด ก็ต้องให้อุ๊งอิ้งขึ้นเป็น?
แต่เมื่อส่ง “ชัยเกษม” ขึ้นเขียง ก็แปลว่า
รู้ตัว อวสาน “รัฐบาลส่องหล้า” มาถึงแล้ว!
เปลว สีเงิน
๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๗