18 มีนาคม 2568 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้มีระยะเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง เพื่อนำเสนอข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้อย่างครบถ้วน
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ในอดีตเคยมีกรณีที่นายกรัฐมนตรีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงคนเดียวมาแล้ว เช่น นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกอภิปรายเรื่องสัญชาติและข้อกล่าวหาทุจริตนายกบรรหาร ได้ให้เวลาการอภิปรายรวมถึงการลงมติเป็นระยะเวลา 4 วันเต็ม ทั้งนี้นายบรรหารได้เข้าร่วมการประชุมตลอดเวลา และลุกขึ้นตอบทุกคำถามด้วยตัวเองทุกคำถาม โดยไม่มีตัวช่วย หรือองครักษ์ เพื่อขัดขวางกระบวนการตรวจสอบ ดิฉันอยู่ในเหตุการณ์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สังกัดพรรคพลังธรรม ในรัฐบาลคุณบรรหาร
ในปีถัดมา พ.ศ. 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เผชิญกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงคนเดียว จากกรณีการลอยตัวค่าเงินบาทและปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย ในครั้งนั้น พล.อ.ชวลิต ก็ให้เวลาการอภิปรายเท่ากัน คือ 4 วันเต็ม พร้อมนั่งอยู่ในสภาตลอดเวลา และลุกขึ้นตอบทุกข้อซักถามโดยตรง และไม่มีการเล่นเกมส์ ขัดขวางการอภิปรายของฝ่ายค้าน
“บรรทัดฐานมีอยู่แล้ว และเป็นแนวทางที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบของผู้นำประเทศในการให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบ ดังนั้น จึงไม่ควรมีการลดเวลาการอภิปรายให้สั้นลง เพียงเพราะรัฐบาลไม่ต้องการเผชิญกับข้อกล่าวหา”
คุณหญิงสุดารัตน์ เน้นย้ำว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งต้องการนำเสนออย่างรอบด้าน ไม่ใช่เพียงการตั้งคำถามลอยๆ แต่เป็นข้อมูลที่มาจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงผลเสียหายในการบริหารประเทศของรัฐบาล
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ใช่แค่การแสดงความเห็นทางการเมือง แต่เป็นกลไกสำคัญของประชาธิปไตย ที่ช่วยให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อสาธารณชน หากรัฐบาลมั่นใจว่าทำงานด้วยความสุจริต ก็ไม่ควรกลัวการตรวจสอบ และควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่”
หากนายกแสดงความพร้อมที่จะรับฟังคำถามและตอบด้วยตัวเองโดยตรง โดยไม่ใช้เกมการเมืองในสภาขัดขวางการอภิปรายของฝ่ายค้าน และไม่จำกัดเวลาจนเกินไป หรือใช้เสียงข้างมากในสภาปิดกั้นกระบวนการตรวจสอบ และถ้านายกตอบได้อย่างดี ก็จะเป็นคะแนนนิยมของตัวนายกเอง
“นี่เป็นโอกาสที่รัฐบาลจะแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความโปร่งใส ความกล้าหาญ และความรับผิดชอบในการบริหารประเทศ หากไม่มีอะไรต้องปิดบัง ก็ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างเต็มที่ และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน”
ฝ่ายค้านยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นทางการเมือง และเรียกร้องให้รัฐบาลใช้บรรทัดฐานเดิม โดยให้เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเพียงพอ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบที่รอบด้านและเป็นธรรม