ผักกาดหอม
“แล้วมีอะไรครับ”
คำตอบจากปาก “เดชอิศม์ ขาวทอง” ดีกรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จากคำถามที่ปรากฏภาพเดินตาม “ทักษิณ ชินวัตร” ที่จังหวัดสงขลา
ก็…ไม่มีอะไรครับ แค่นึกถึงอดีตพรรคประชาธิปัตย์ และบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วทะลุมาในวันที่ พรรคประชาธิปัตย์มี สส.ในสภาแค่ ๒๕ คน
จากปี ๒๕๕๐ เคยมี สส.มากถึง ๑๖๕ ที่นั่ง
ปี ๒๕๖๒ มี สส. ๕๒ ที่นั่ง
น่าใจหาย!
ฉะนั้นคำตอบ “แล้วมีอะไรครับ” เลิกคิดถึงการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ไปได้เลย
เพราะยังลงไปไม่ถึงจุดต่ำสุด
การเมืองที่เปลี่ยนขั้วสร้างความกระอักกระอ่วน นึกไม่ถึงว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคระบอบทักษิณสู้กันแทบตาย
สุดท้ายเรากำลังจะได้เห็น มติพรรคประชาธิปัตย์ ยกมือสนับสนุน “นายกฯ แพทองธาร” ในการโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
คือ ไว้วางใจ นายกฯ แพทองธาร ภายใต้การครอบงำ และการควบคุมของ “ทักษิณ” ให้ทำงาน บริหารราชการแผ่นดิน เป็นหุ่นเชิดต่อไป
ถ้าพูดเรื่องนี้เมื่อ ๑๐ ปีก่อนจะถูกหาว่าบ้า เผลอๆ โดนต่อยปากแตก
แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว
ฉะนั้นอย่าไปเชื่อครับว่า ไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคส้ม จะร่วมรัฐบาลกันได้
ในแง่ประวัติศาสตร์ความเป็นมา การต่อสู้ทางการเมือง พรรคส้มเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เด็กๆ ไปเลยครับ
อะไรก็เกิดขึ้นได้!
มาที่การซักฟอก นายกฯ แพทองธาร ฝ่ายค้านกับรัฐบาล ยังเกี่ยงกันว่า อภิปรายกี่วันดี
พรรคส้มอยากได้ ๕ วัน
รัฐบาลบอกพูดอะไรเยอะแยะ ซักฟอกนายกฯ คนเดียว วันเดียวก็พอแล้ว
“วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธานวิปรัฐบาล นั่งยันนอนยันให้วันเดียว
“…ที่บอกว่าถ้าไม่ให้ ๕ วัน ถือว่าใจไม่กว้าง รอฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก่อน จะ ๕ วัน หรือ ๑๐ วัน วันนี้พรรคผม ผมให้แค่วันเดียวก่อน…”
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ เพราะสมัยที่พรรคเพื่อไทยซักฟอกรัฐบาลลุงตู่ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” จับรัฐมนตรีขึ้นเขียง ๑๑ คน ขอเวลาอภิปราย ๕ วัน
ก็ไม่เลวครับ รัฐบาลขณะนั้นให้เวลา ๔ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๙-๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕
วันนั้นพรรคส้มออกบัตรเชิญร่วมงานศพชื่อ “ตอกตะปูปิดตาย ทลายระบอบประยุทธ์”
สุดท้ายไม่มีอะไรในกอไผ่ รัฐบาลลุงตู่อยู่ทำงานต่อ และยุบสภา ก่อนครบวาระแค่ ๓ วัน
แล้วเราก็ได้ระบอบทักษิณกลับมา
ช่วงก่อนการซักฟอก นายกฯ แพทองธาร ดูจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ
วานนี้ (๓ มีนาคม) เรียกทีมเศรษฐกิจหารือ ถ่ายรูปแล้วโพสต์ในสื่อโซเชียล ดูยุ่งจริงๆ ครับ
ที่ยุ่งไม่ใช่ทำงานยุ่งนะครับ
แต่อ่านโพยจนยุ่ง
เมื่อวันเสาร์ “ทักษิณ” ลงพื้นที่ภาคใต้ ที่ “เดชอิศม์ ขาวทอง” ไปเดินตามหลังนั่นแหละครับ
วันนั้น “ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์ว่า…
“…ต้องเข้าใจก่อนว่าเศรษฐกิจบอบช้ำมาหลายปี เสมือนบ้าน ตอนสมัยที่ต้มยำกุ้งหลังคามันพัง ซ่อมง่าย แต่สมัยนี้ตอนนี้ฐานราก เสาเรือนผุ ซ่อมยากขึ้น แต่ก็ซ่อมได้ ขอใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ซ่อมได้
วันนี้นายกฯ อิ๊งค์ก็ทำงานหนัก เมื่อวันก่อนก็ไปส่องดูว่าทำไมงานมันถึงไม่ออก ก็พบว่ายังมีเงินค้างท่อในระบบงบประมาณอยู่จำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินก็ผลักดันออกไปได้ เศรษฐกิจก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปนายกฯ อิ๊งค์ก็จะผลักดันให้เงินออกสู่ประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นโดยเร็ว ก็บอกพี่น้องว่าขอให้พี่น้องมีกำลังใจ…”
เงินค้างท่อ!
ไปดูข้อความที่ นายกฯ แพทองธาร โพสต์ครับ…
“…ในการประชุม คณะรัฐมนครี (ครม.) สัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้ให้นายพิชัย ทำแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้จีดีพีโต ๓-๓.๕% โดยในวันนี้หลังประชุม ครม. นายพิชัยได้รายงานความคืบหน้าจากการหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยแบ่งแผนงานดังนี้
แผนการดำเนินงานระยะสั้น-กลาง โดย
๑.เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ กองทุนต่างๆ ซึ่งมีเงิน0ค้างอยู่กว่า ๑ แสนล้านบาท
๒.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ และผันเม็ดเงินไปสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
๓.เร่งการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งในปี ๒๕๖๗ มีการยื่นขอสนับสนุนราว ๑.๒๔ ล้านล้านบาท โดยเราจะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกเรื่องการรายงานผลการศึกษาจัดอันดับความยากง่าย ในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (Ease of Doing Business) โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตต่างๆ
๔.เร่งปิดดีลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ระบบน้ำ เพื่อสอดรับกับความต้องการทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ รถไฟเชื่อมต่อกับจีน ขยายสนามบินและท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง ตามนโยบาย Ignite Thailand หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์
๕.กระตุ้นการส่งออก เช่น การเปิดตลาดใหม่ เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า ลดคอขวดด้านพิธีการส่งออก โดยดิฉันขอให้ดูแลเรื่องราคาสินค้าเกษตรควบคู่ไปด้วย
๖.ด้านการท่องเที่ยว เน้นการจัดงาน เทศกาล เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวและทำให้ระยะเวลาในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศนานขึ้น…”
ยังมีอีกครับ แต่พอแค่นี้ดีกว่า
เหมือนรัฐบาลกำลังแถลงนโยบายอีกรอบ
ไม่ใช่ผลงานนะครับ นโยบาย
แต่อยากให้โฟกัสไปที่ข้อ ๑.เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ กองทุนต่างๆ ซึ่งมีเงินค้างอยู่กว่า ๑ แสนล้านบาท
คือเงินค้างท่อ
ไม่มีการอธิบายเหตุผลว่าเงินค้างท่อเพราะอะไร แค่บอกว่าต้องเร่งเบิกจ่าย
งบประมาณปี ๒๕๖๘ จำนวน ๓.๗๕๒ ล้านล้านบาท เริ่มใช้ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
ครึ่งปีปล่อยให้เงินค้างท่อ
แสดงว่ามีปัญหาในการบริหารจัดการหนักหนาสาหัสเอาการ
ไหนรัฐบาลบอกว่าต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงกับต้องออกนโยบายแจกเงินหมื่น
แต่กลับปล่อยให้เงินค้างท่อ
โดยหลักคือเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด มาตรการที่นิยมใช้กันคือมาตรการทางการคลัง
ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ
ส่วนใหญ่จะเรียกว่างบกระตุ้นเศรษฐกิจ
การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมีความจำเป็นอย่างมาก
ปรากฏว่าค้างท่อตั้ง กว่าแสนล้าน
พรรคส้มน่าจะลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยว่า เป็นเพราะหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจไม่ใส่ใจ หรือเพราะรัฐบาลห่วย ฝันแต่เรื่องพายุหมุนของเงินหมื่น กับเรื่องเปิดกาสิโน
ถ้าพ่อไม่ส่งโพยให้ลูกสาวจะรู้หรือเปล่า หรือยังเพลินอยู่ในดงซอฟต์พาวเวอร์
มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
