“ทักษิณ” ยกคณะฯ เยือนนครศรีฯ เป็นประธานพิธียกฉัตรพระประธานและทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างอุโบสถประชาชนแห่ต้อนรับ บอก ทำแต่งาน ได้ทำบุญบ้างสบายใจดี

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีรัฐมนตรีและสส.ร่วมคณะด้วย อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีตรมว.อุตสาหกรรม สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วย

โดยบรรยากาศได้มีประชาชนมารอให้การต้อนรับจำนวนหนึ่ง พร้อมกับมอบดอกกุหลาบสีแดง ก่อนที่จะเดินทางโดยรถยนต์ทะเบียน 7กศ3883 ไปยังวัดสุทน เพื่อเป็นประธานในพิธียกฉัตรพระประธานและทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสมทบทุนก่อสร้างอุโบสถ ที่อุโบสถวัดสุชน ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นพิธีนายทักษิณ ได้ออกมาเดินทักทายกับประชาชนผู้มาร่วมงาน และกล่าวว่า สวัสดีครับพี่น้องชาวสิชล และชาวนครศรีธรรมราช ที่รักและเคารพ ตนชื่อทักษิณ แหลงใต้ไม่ได้ วันนี้ดีใจได้มีโอกาสทำบุญกับพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช โดยที่ทางนายณัฐวุฒิเป็นคนชวนตน บอกว่ามาร่วมทำบุญกันดีกว่า ตนทำแต่งาน ถ้าได้ทำบุญบ้างก็สบายใจดี วันนี้เราก็อนุโมทนาบุญร่วมกัน มาทำบุญด้วยกันก็หวังว่าพี่น้องคนไทยทุกคน ส่งบุญไปถึงพี่น้องคนไทยทุกคนว่าอดทนกันอีกนิดนึงเราก็คงจะพ้นภาวะที่ย่ำแย่มานาน

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าเศรษฐกิจบอบช้ำมาหลายปี เสมือนบ้าน ตอนสมัยที่ต้มยำกุ้งหลังคามันพัง ซ่อมง่าย แต่สมัยนี้ตอนนี้ฐานราก เสาเรือนผุ ซ่อมยากขึ้น แต่ก็ซ่อมได้ ขอใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ซ่อมได้ วันนี้นายกฯอิ๊งค์ ก็ทำงานหนัก เมื่อวันก่อนก็ไปส่องดูว่า ทำไมงานมันถึงไม่ออก ก็พบว่ายังมีเงินค้างท่อในระบบงบประมาณอยู่จำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินก็ผลักดันออกไปได้ เศรษฐกิจก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปนายกฯอิ๊งค์ ก็จะผลักดันให้เงินออกสู่ประชาชนให้มากที่สุดเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นโดยเร็ว ก็บอกพี่น้องว่าขอให้พี่น้องมีกำลังใจ

อดีตนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีเรามาทำบุญร่วมกัน เพื่อที่จะได้เริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ ของประเทศไทย ตนก็อยากจะเห็นคนไทยรักสามัคคีกัน ไม่ว่าภาคไหน ศาสนาไหน และเมื่อเราเป็นคนไทยเราต้องรักสามัคคีกัน เพราะวันนี้ลำพังแค่สามัคคีกัน ก็ยังแก้ปัญหายากแล้ว ถ้าไม่มีความสามัคคีกัน แยกแบ่งกลุ่ม แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ก็ยิ่งแก้ยากขึ้นหนัก เพราะฉะนั้นวันนี้สะสมปัญหามานาน ก็เมื่อตนกลับมา เมื่อมีพระบรมราชโองการลดโทษให้ตน ตนถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ตนจะต้องสำนึกและทำตามพระบรมราชโองการทุกประการ นั่นก็คือท่านทรงมีรับสั่งในพระบรมราชโองการว่าให้ตนได้ใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยเหลือบ้านเมือง ตนก็จะทุ่มเทจนชีวิตหาไม่ ขอบคุณพี่น้องทุกคนที่เป็นกำลังใจและมาต้อนรับ ขออนุโมทนาบุญให้มีความสุขทุกคน

จากนั้นเวลา 11.40 น. ออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารเขาพลายดำรีสอร์ท และจะเดินทางกลับ เดินทางกลับกรุงเทพฯ เวลา 13.00 น.