เกมล้มกระดานสีน้ำเงิน #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ต่างฝ่ายต่างมีจุดอ่อน….

ความได้เปรียบเสียเปรียบมิได้อยู่ที่ใครเปิดก่อนเปิดหลัง

แต่อยู่ที่ใครแผลลึกกว่ากัน

เกมแทงหลังของพรรคร่วมรัฐบาลหนนี้ ต้องยอมรับครับว่า สาหัสสุดในรอบหลายปี

อย่างน้อยๆ ยุครัฐบาลลุงตู่ มีบ้างที่พรรคร่วมรัฐบาลงอแง แต่การลงมือเชือดแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่เท่ารัฐบาลปัจจุุบัน

การล้างบาง สว.สีน้ำเงิน คือหนึ่งในกระบวนการกระชับอำนาจของ “ทักษิณ ชินวัตร”

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง เสถียรภาพของรัฐบาลเต็มไปด้วนคลื่นใต้น้ำ พร้อมที่จะถล่มได้ทันที เมื่อสถานการณ์สุกงอม

การผลัดกันรุกผลัดกันรับตั้งแต่กรณี ที่ดินเขากระโดง กับที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ มาถึงท่าทีการโหวตกฎหมายหลายฉบับ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคภูมิใจไทยขี่พรรคเพื่อไทยอยู่แทบจะตลอดเวลานั้น มันพัฒนามาถึงขั้น พร้อมที่จะผลัดขั้วตั้งรัฐบาลใหม่กันอีกครั้ง

ยิ่ง “ทักษิณ” กับ “อนุทิน” จูบปากตีกอล์ฟกันรอบแล้วรอบเล่า ก็ยิ่งสะท้อนถึงความง่อนแง่นในเสถียรภาพของรัฐบาล

สถานการณ์ประจวบเหมาะกับฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวละครจึงเพิ่มขึ้น พร้อมกับปัจจัยทางการเมืองที่ขยายไปจนอาจไม่มีใครควบคุมได้แม้กระทั่ง “ทักษิณ”

ถ้าเริ่มจากดีลลับพา “ทักษิณ” กลับบ้านเพื่อต่อกรกับพรรคส้ม ณ วันนี้เริ่มจะมีการแหกดีล จนคนทำดีลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้ว

เหตุการณ์ทางการเมืองกำลังจะเดินไปอีกทาง

แต่หากการกลับไทยเริ่มจากการบงการ และแทรกซึมโดย “ทักษิณ” ล้วนๆ ผ่านบริวารที่ฝังตัวอยู่กับรัฐบาลลุงตู่โดยไม่มีดีลลับอะไรทั้งสิ้น การเมืองหลังจากนี้อยู่ในขั้น “เลือดสาด”

ความขัดแย้งครั้งใหม่เริ่มก่อตัว

แต่ละฝ่ายล้วนถือมีดอยู่ในมือ

สิ่งที่ขัดใจ “ทักษิณ” มากที่สุดในขณะนี้คือ ไม่สามารถควบคุมพรรคภูมิใจไทย ให้ทำตามคำสั่งได้ดั่งที่ใจตัวเองคิด

พรรคภูมิใจไทย สะสมกำลังอย่างเงียบๆ จน “ทักษิณ” เริ่มตระหนักแล้วว่า ปล่อยให้เครือข่ายสีน้ำเงินโตไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

ฉะนั้นหากจะฟื้นระบอบทักษิณให้กลับมามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ต้องคุมกำเนิดพรรคภูมิใจไทยให้ได้ก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป

มีการท้าทายอำนาจของ “ทักษิณ” อย่างเงียบๆ จากพรรคภูมิใจไทยอยู่แทบตลอดเวลา

การเลือกตั้งนายก อบจ.แสดงให้เห็นแล้วว่า ในสนามเลือกตั้งนั้น ภูมิใจไทยคือก้างชิ้นโตที่พร้อมติดคอ “ทักษิณ” ในหลายพื้นที่

เกมคุมกำเนิดพรรคภูมิใจไทย จึงเริ่มปฏิบัติการในหลายๆ รูปแบบ และหลายช่องทาง

การใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือจัดการเครือข่ายสีน้ำเงิน เป็นการพิฆาตที่เนียนที่สุด เพราะอย่าลืมว่า สว.ที่ผ่านเข้าสภามาได้ มีจำนวนไม่น้อยอื้อฉาวกับการโหวตตามใบสั่ง

มาด้วยบล็อกโหวต

มีการจ่ายเงินจ่ายทอง

ข้อหา อั้งยี่ ซ่องโจร อาชญากรรม และภัยต่อความมั่นคง จึงปรากฏ

การโต้กลับจึงเกิดขึ้นทันควัน เพราะหมากเกมนี้ประเมินได้ไม่ยาก

“พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง หนึ่งในหัวขบวน สว.สีน้ำเงิน ประกาศท้ารบกับระบอบทักษิณอย่างชัดเจน

“…จะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการแจ้งความผู้ที่กล่าวหาทั้งภาครัฐและเอกชน​ ฐานทำให้วุฒิสภาเสียหาย ถูกเข้าใจผิด และในส่วนของกรรมาธิการวุฒิสภา จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ และที่มาที่ไปของการมากล่าวหาวุฒิสภาร้ายแรงเรื่องอั้งยี่ซ่องโจร อาชญากรรม และภัยต่อความมั่นคง

และจะเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในประเด็นการดำเนินงานในส่วนของดีเอสไอที่กล่าวหาวุฒิสภา เป็นไปด้วยเหตุและผลหรือไม่

โดยจะหารือกับสมาชิกวุฒิสภาอีกครั้ง แต่คาดว่าจะอภิปรายภายในสมัยประชุมนี้​…”

“…วุฒิสภา​จะพิจารณาเข้าชื่อเสนอให้ประธานวุฒิสภา เพื่อดำเนินการส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง​ ซึ่งคาดว่าเสียงน่าจะเพียงพอ…”

“…ผมทำงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา ๓๘ ปี แต่พอมาดูข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ ผมรับไม่ได้

สมาชิกท่านอื่นก็เช่นเดียวกัน ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมา ทำตามหลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐…”

ตัวเลขกลมๆ สว.สีน้ำเงินมีเครือข่ายอยู่ประมาณ ๑๖๐ คน การสลายกำลัง ทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากหากเข้าใจการเมืองไทยอย่างถ่องแท้

ต้องจับตาอย่ากะพริบ การใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือในการสลาย สว.สีน้ำเงินนั้น จะจบแบบเชือดยกเข่ง

หรือจะใช้เป็นเครื่องมือในการขู่ให้แปรพักตร์

อย่างหลังดูจะง่ายและรวดเร็วกว่า เพราะหากกวาดล้าง สว.สีน้ำเงิน เพื่อให้มีการเลือกใหม่ กระบวนการจะกินระยะเวลานาน

แถมผลการเลือกอาจไม่ได้ดังที่คิด

สู้ขู่ให้ย้ายค่ายดูจะง่ายกว่ากันเยอะ

การขยับตัวของ “ทักษิณ” อีกมุมหนึ่ง คือการด้อยความสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ที่เห็นเนื้อๆ คือการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ถูกส่งมาปิดทาง “อนุทิน” ให้สร้างผลงานน้อยที่สุด

การปราบยาเสพติด “ทักษิณ” ชูมาตลอด และพยายามให้เครดิตลูกสาว มากกว่าที่จะพูดถึง “อนุทิน”

สดๆ ร้อนๆ การลงใต้ “ทักษิณ”

“…ผมลงพื้นที่ครั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ซึ่งให้ความสำคัญกับสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงตั้งใจมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน

และอยากมาดูมารับฟังด้วยตัวเองว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

รวมถึงมาสานงานที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นนายกฯ เพราะการแก้ไขปัญหาใช้เวลานานมากยังไม่ยุติเสียที มันก็ควรจะยุติได้ในสมัยที่รัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลเพื่อไทยและลูกสาวผมเป็นนายกรัฐมนตรี…”

“ทักษิณ” พยายามขายความสำเร็จขณะที่ยังไม่ลงมือทำ เพื่อสร้างภาพจำว่า หากมีผลสำเร็จเกิดขึ้นนั่นคือผลงานของพรรคเพื่อไทย

แล้วพรรคภูมิใจไทย จะเดินเกมอย่างไร?

ในการซักฟอกรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย อาจมีอำนาจในการต่อรอง

แต่อำนาจนั้นจะเหลือแค่ศูนย์ หาก พรรคเพื่อไทย กับ พรรคส้ม พลิกขั้วตั้งรัฐบาล

ลองนึกภาพอีกด้านหนึ่ง มี สว.แปรพักตร์ ระบอบทักษิณ จะฟื้นมาอย่างเต็มตัว

สุดท้ายอาจมีการฉายหนังซ้ำ

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ขอคำตอบให้สิ้นสงสัย – สันต์ สะตอแมน
ผสมโรง สันต์ สะตอแมน             ศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2563..             ประกาศรายชื่อแล้ว โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ รวมทั้งสิ้น 12 ท่าน...
Read More
0 replies on “เกมล้มกระดานสีน้ำเงิน #ผักกาดหอม”