20 กุมภาพันธ์ 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ. ซึ่งมีการเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าให้ข้อมูลเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ภายหลังการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขั้นต่อไปจะเป็นการส่งคนที่อยู่ในเมียวดี ทั้งเหยื่อ และอาชญากรกลับไปยังประเทศต้นทาง ซึ่งความหน้ากังวลของเรื่องนี้เป็นการเก็บข้อมูล 2 ส่วน
ส่วนแรกจะเป็นการสอบข้อเท็จจริง เช็กข้อมูลทางมือถือว่า เป็นเหยื่อจริงหรือไม่ หรือเป็นอาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรู้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะใช้ในการปราบปราม และทลายโครงสร้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรข้ามชาติเหล่านี้
นายรังสิมันต์ มองว่า แม้ปัจจุบันจะพอรู้รายละเอียด ของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์บ้าง แต่ยังมีคนในระดับบอสระดับเมเนเจอร์ ที่มีข่าวว่าหนีไปกบดานที่กรุงเทพฯ หรือ จ.เชียงใหม่บ้าง อาจไม่ได้อยู่เมียวดีตั้งแต่ต้น แต่อาจอยู่เบื้องหลัง และไม่ไกลจากใจกลางของเมืองหลวงคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ที่จำเป็นต้องสืบรู้ให้ได้ หากในอนาคต จีนมีการจัดการปัญหาเรื่องจีนเทา คำถามต่อไป คือจีนเทายังมีอยู่ในไทยอีกหรือไม่ และจะปราบปรามได้อย่างไร เพราะนี้คือผลประโยชน์ของประเทศไทย และไทยจะต้องปกป้องตัวเองหวังพึ่งประเทศอื่นไม่ได้ นี่คือขั้นแรก และยอมรับว่าการจะไปสู่จุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทรัพยากรเยอะต้องใช้เวลาและล่าม
ส่วนที่ 2 การเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ซึ่งกลุ่มจีนเทาเหล่านี้มีเงินเยอะสามารถซื้อสัญชาติหรือพาสปอร์ตของชาติอื่นๆ หากไทยไม่มีการเก็บอัตลักษณ์เลย คำถามจากนี้ คือจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนเหล่านี้ในอนาคตอาจกลับมาไทยอีก ด้วยพาสปอร์ตเล่มใหม่ อาจเป็นของประเทศหมู่เกาะอะไรสักอย่าง ก็สามารถกลับมาที่ประเทศไทยได้ และใช้ไทยเป็นทางผ่านในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก หรือก่ออาชญากรรมอื่นๆ
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ไทยไม่สามารถเพิกเฉยได้ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีการเพิกเฉยต่อเรื่องงของอัตลักษณ์ และส่งตัวคนจีนกลับไปแบบนี้ ซึ่งได้แหล่งข่าวข้อมูลว่า วันนี้ที่ไทยไม่เก็บอัตลักษณ์ เป็นเพราะระบบที่ซื้อใช้ไม่ได้อีกแล้ว ระบบที่เราใช้กันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ รวมถึงบริเวณชายแดน คาดว่าหมดอายุ มีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้ระบบที่เคยซื้อไป ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์อีกแล้ว มาเป็นเวลานาน และมีความเป็นไปได้ว่า คนที่เข้าออกประเทศไทย ประมาน 17 ล้านคน อาจไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เลย ข้อมูลที่เก็บทุกวันนี้เป็นเพียงหน้าพาสปอร์ต แต่ไม่ได้เป็นลักษณะของอัตลักษณ์ (BIOMETRIC)
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอให้เรื่องนี้ไม่จริง วันนี้จึงถือโอกาสมาถาม 2 เรื่อง ทั้งเรื่องระบบจัดเก็บอัตลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับจีนเทา และปัญหาเรื่องความปลอดภัยโดยรวมของไทย หลังจากนี้คงมีการพูดคุยกัน และหากเป็นเรื่องจริง ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหมายความว่าความปลอดภัยโดยรวมของไทยพังทั้งหมด และข้อมูลที่ตนได้มาขอให้ไม่ใช่เรื่องจริง
ส่วนประเด็นต่อมาที่จะมีการพูดคุยกัน คือเรื่องการดำเนินคดี ซึ่งสรุปแล้วการจับกุมพลเอกหม่องชิตตู จะเป็นการละครหรือไม่ และฟอกขาวหรือไม่ ได้อ่านข่าวเช่นเดียวกับสื่อมวลชน ว่าอัยการจะไปพบดีเอสไออยู่แล้ว แต่ก็ยกเลิกกระทันหัน เรื่องนี้หากเป็นจริงผิดกันอย่างชัดเจน เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ประเทศต่างๆมีการคว่ำบาตร ตนเป็นห่วงว่า ระบบกฎหมายไทยจะเป็นการฟอกขาวให้กับพลเอกหม่อง ชิตตู่ไป ไม่เพียงพลเอกหม่อง ชิตตู่ เท่านั้นอาจมีอาชญากรอีกหลายคนที่ต้องวางเป้าหมายด้วยกันกับหน่วยงานของรัฐต่อไป และพูดคุยว่ามีข้อมูลมากน้อยแค่ไหนในเรื่องนี้ หากเป็นจริงตามนี้และไม่มีการรองรับอะไรเลย ไทยถือว่าเสียหายมาก
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึง เมืองไท่ชางหรือท่าช้างฝั่งตรงข้ามชายแดน ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งข้อมูลที่พอยืนยันได้ มีแก๊งสแกมเมอร์อยู่ประมาณ 1 หมื่นคน ซึ่งอาจจะรวมเหยื่อ และมีความโหดร้ายทารุญสูงมาก และอยู่ในการดูแลของกองทัพกระเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (D.K.B.A.) และไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ คนที่เป็นคีย์แมนหลัก หรือเรียกง่ายๆว่าพลเอกหม่อง ชิตตู่ แห่ง D.K.B.A ชื่อว่า ซาย จอ หล่า ซึ่งบางคนเรียกว่า จอ ซาย ซายแปลว่าผู้ชาย จอแปลว่ากระเหรี่ยง ซึ่งมีความโหดร้ายทารุณมาก มีคนจำนวนมากหลบหนีมาขึ้นฝั่งที่ไทย โดยเฉพาะคนจีน ซึ่งชาวบ้านพบศพบริเวณ แม่น้ำเมยอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะช่วงน้ำหลาก ก่อนหน้านี้บริเวณไท่ชาง เคยใช้ไฟของไทยแต่อาจจะต่อพ่วงมาอีกทีจากข้างใน ซึ่งตอนนี่เข้าใจว่าตัดไปหมดแล้ว โดยตอนนี้ใช้เครื่องปั่นไฟและนำน้ำมันไปผลิตไฟเหมือนกับอีกหลายแห่ง และมีการลักลอบนำแก๊สเข้าไปบริเวณนั้นด้วย เป็นร้อยๆ ถัง