ผักกาดหอม
สภาล่ม…
วานนี้ (๑๓ กุมภาพันธ์) เปิดวิทยุคลื่น ๘๗.๕ ฟังประชุมรัฐสภา เพราะเขามีวาระแห่งชาติ จะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกัน
เริ่มฟังตั้งแต่เปิดสภาได้ไม่นาน ได้ยินแต่เสียงประท้วงกันวุ่นวาย
๑ ชั่วโมงผ่านไปยังอยู่ที่การประท้วง
อนิจจารัฐสภาไทย ช่างเปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน
นักประท้วงพรึ่บ! ไปหมด
แต่เอาเถอะครับ พอเข้าใจได้ ระบอบประชาธิปไตยมักตามมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน แล้วต้องถกเถียง ตอบโต้ ประท้วง กันเป็นธรรมดา
แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ พรรคเพื่อไทยเล่นบทสองหน้า
หาเสียงเอาไว้เยอะว่าจะแก้ จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เมื่ออำนาจอยู่ในมือก็ลดทุกความเสี่ยงที่จะกระเทือนไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล
รวมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญด้วย
ไปดูกันก่อนว่า ตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรบ้าง
สรุปได้เป็นสโลแกนว่า “แก้รัฐธรรมนูญ ผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ขจัดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน”
จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยคงรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และผ่านขั้นตอนการออกเสียงลงประชามติโดยประชาชน
ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ ให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และมีความโปร่งใส
ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อความโปร่งใส คำนึงถึงหลักนิติธรรม “สร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้”
ปรับปรุง ยกเลิกกฎหมายทั้งหมดตามความจำเป็น ลดกฎหมาย ลดขั้นตอน ลดการใช้ดุลยพินิจ
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับองค์กรอิสระต้องมีความเป็นอิสระ มีการคานอำนาจและมีความโปร่งใส
ปฏิรูปกองทัพเป็นทหารมืออาชีพ ป้องกันการก้าวก่าย แทรกแซงทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีความเป็นทหารอาชีพ และแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ
เสนอกฎหมายป้องกันต่อต้านการรัฐประหาร
กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดนำร่อง
และหลังเกิดวิกฤตการเมือง นายกฯ เศรษฐาต้องพ้นตำแหน่ง เพราะตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” บุคคลที่ขัดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
รัฐธรรมนูญ ๑๖๐ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี จึงถูกกาหัวว่าต้องแก้ด้วย โดยอ้างว่าเป็นบทบัญญัติที่ครอบจักรวาลเกินไป
ในการแถลงนโยบายรัฐบาล “นายกฯ แพทองโพย” ก็ตอกย้ำว่าจะแก้รัฐธรรมนูญในนามรัฐบาล
“…รัฐบาลนี้จำเป็นจะต้องพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของทั้งคนไทยและต่างชาติ ด้วยการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีนิติธรรม และความโปร่งใส ดังนี้
รัฐบาลจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยยึดโยงกับประชาชนและหลักการของประชาธิปไตย สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล เคารพพหุวัฒนธรรม เพื่อเป็นบันไดสู่การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญ…”
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นลำดับต้นๆ
แล้วทำไมวานนี้ถึงต้องเผ่นกันป่าราบ ทำสภาล่ม!
พรรคเพื่อไทยกลัวครับ
ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ถึงเวลาต้องพิจารณาในสภากลับไม่กล้าไปต่อ เกรงรัฐบาลต้องถึงจุดจบ เพราะไปขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
สุดท้ายยืมจมูกหมอเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา หายใจ ขอให้รัฐสภามีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึ่ง (๒) ต่อกรณีอำนาจของรัฐสภาต่อการพิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ และเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำได้ก่อนการออกเสียงประชามติสอบถามประชาชนหรือไม่
ออกลูกนี้ซื้อเวลาได้หลายเดือนครับ
มันขัดแย้งกับที่นายกฯ แพทองโพย แถลงนโยบายว่า “โดยเร็วที่สุด” อย่างสิ้นเชิง
ครับ…นี่คือตัวอย่าง ตอนเป็นฝ่ายค้าน ตอนหาเสียง โม้ได้หมดครับ ร้อยเรื่องพันเรื่องทำทันที
พอมีอำนาจ การรักษาอำนาจสำคัญที่สุด
แต่ไอ้เรื่องที่ไม่เคยหาเสียง หรือแถลงนโยบาย ผุดมาเป็นดอกเห็ด
เปิดกาสิโน พนันออนไลน์เสรี นี่ยังฉิบหายไม่พอครับ
จะให้ขายเหล้าทุกวัน แถมไม่ต้องแบ่งโซนกันแล้ว
เล็งไว้เลยครับ ใครอยากเปิดผับใกล้วัด ใกล้โรงเรียน โอกาสของท่านกำลังจะมาถึงแล้ว
“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขีดเส้นใต้ร้อยเส้นนะครับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอล้างโซนขายเหล้าครับ
“…มีกฎหมายแอลกอฮอล์มาหลายปีแล้ว กำหนดให้สถานบริการต้องอยู่ห่างไกลวัด โรงเรียน ๕๐๐ เมตร แต่วันนี้สถานการณ์และพื้นที่ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปหมด เนื่องจากบ้านเรือนแออัดขึ้น และสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ก็คือเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งในสมัยผมเป็นรัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ๒-๓ ล้านคน แต่วันนี้เราต้องการนักท่องเที่ยว ๓๐-๓๕ ล้านคน…”
ย้ำอีกทีครับ นี่เป็นคำพูดของรัฐมนตรีสาธารณสุข มีหน้าที่หลักดูแลสุขภาพของประชาชน มาส่งเสริมให้คนกินเหล้าซะงั้น
ไหวหรือครับ!
ขนาดมีกฎหมายหยุมหยิมไปหมด คนไทยจะซดเหล้าลำดับต้นๆ ของโลก
เป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ เจ็บ ตาย เป็นลำดับต้นๆ ของโลก
ขายเหล้าได้ทุกวัน ได้ทุกที่ จะส่งเสริมธุรกิจรับจัดงานศพหรือครับ
สาธุ…คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
