ออก..อย่างงี้ต้องลาออก #สันต์สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

ความหายนะนักการเมืองมี 3 ประการ จำใส่กะโหลกไว้!

เปล่า..ผมไม่ได้พูด แต่คนแหลงคือ “คุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี” นู่น ท่านพูดไว้กลางที่ประชุมสภาสมัยยังหนุ่มฟ้อ-หล่อเฟี้ยว นานแล้ว

และ 3 ประการที่ว่านั้น ท่านได้จำแนกเป็นข้อๆ..1.อวดรู้ 2.อวดรวย 3.อวดอำนาจ.. พร้อมย้ำ “ใครอวด 3 อย่างนี้ ฉิบหายทุกคนจำเอาไว้”!

นี่..นักการเมืองคนไหนจะจำใส่กะโหลกไว้บ้างไม่รู้ แต่ที่ไม่จำก็เห็นจะเป็นนายทักษิณ ชินวัตร เพราะประจักษ์อยู่ในขณะนี้..

ทั้งอวดรู้ อวดรวย อวดอำนาจ แถม “อวดคำหยาบ” ไม่เว้นวัน ส่วนจะ “หายนะ” กี่โมง หรือเดือนไหน-ปีไหน ไม่ต้องใจร้อน..เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น!

เอ้า..ส่วนนั่น ไม่อวดรวย ไม่อวดอำนาจ แค่ “อวดรู้-อวดเก่ง” ตอนนี้จึงยังไม่ถึงกับหายนะ แต่สภาพคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ไม่ต่างจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด..

ร่อแร่..ถูกด่า โดนวิพากษ์-วิจารณ์ เยาะเย้ยหยันจากทั่วสารทิศจนหูอื้อ!

ก็บอกแล้ว.. “งานบริหาร” ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครน่ะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนที่คุยโม้ตอนหาเสียง

ศึกษามาดีแล้วกะผีนะสิ ถ้าศึกษาปัญหาฝุ่นPM 2.5 มาจริงทุกมิติ จนกล้าที่จะอาสาเข้ามาแก้ไข ก็คงไม่ต้องมานั่งแก้ตัว-ชี้แจงหน้าจ๋อย.. “กทม. ไม่มีอำนาจ 100 % ซึ่งมีข้อจำกัดเยอะ

อาทิ กทม. ได้เคยเสนอทางรัฐบาลว่า 1. การเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ตามหลัก PPP ซึ่งปัจจุบัน กทม. ไม่มีอำนาจในการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม

2. การลดค่าความทึบแสงของการตรวจรถยนต์ควันดำ ค่าทึบแสงที่ผิดกฎหมายคือเกินร้อยละ 30 หลายครั้งจากการทดสอบเราเห็นว่ามีควันขาวค่าความทึบแสงร้อยละ 10

แบบนี้ก็ถือว่าผิด ซึ่งทางกทม. ขอให้มีอำนาจกำหนดเอง แต่ยังเป็นประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

3.เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการการจัดการกับรถควันดำ ตอนนี้ กทม.ทำได้แค่แจ้งแก้ไข และ 4. ขอให้กทม.เป็นเจ้าพนักงานภายใต้ พรบ.ขนส่ง

ปัจจุบันเราจับรถบรรทุก-รถเมล์ควันดำไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของ พรบ. ขนส่ง กทม.จับได้เพียงรถกระบะ 4 ล้อ เท่านั้น

ทุกอย่างที่ทางกทม. ขอไป เพื่อให้กทม. มีอำนาจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

ในพื้นที่สภา กทม. ก็ได้เห็นชอบ ร่างข้อบัญญัติ ให้รถโดยสารสาธารณะในกทม. ให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า EV ภายใน 7 ปี เพราะสิ่งที่กทม.โดนด่าเยอะที่สุดก็คือเรื่องรถเมล์ควันดำ

แต่เมื่อถึงเวลา กฤษฎีกาแจ้งว่า กทม. ไม่มีอำนาจในการออกข้อบัญญัติเพื่อกำหนดให้รถเมล์ในกทม.เป็นในไฟฟ้า ซึ่งอำนาจเป็นของกรมการขนส่งทางบก..

กทม. เสนอรัฐบาลใหม่ย้ายท่าเรือคลองเตย เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 เพราะว่า มีรถขนส่ง รถบรรทุกของไป-กลับ 2 ล้านเที่ยวต่อปี ทำให้การจราจรเพิ่มขึ้นเป็นมหาศาล

เราก็พยายามเสนอรัฐบาล แต่ก็ยังเป็นอำนาจของหน่วยงานอื่นอยู่ในปัจจุบัน..”

ครับ..คนที่รู้ปัญหา(จริง) และอาสาเข้ามาแก้ไข จะต้องบอกกับประชาชนแต่แรกเพื่อที่คนกทม.จะได้เตรียมตัว-ป้องกัน และจะได้ไม่ต้องบ่น-ด่า..

เพราะรู้เหตุ-ความจริงของฝุ่นเกิดจากอะไร?

แต่นี่..ตลอด 3ปีที่อยู่ในตำแหน่ง เห็นมีแต่ประชาสัมพันธ์งานอีเวร-อีเว้นท์ด้านนันทนาการเสียมากกว่า จนเมื่อฝุ่นปกคลุมกรุงเทพฯจนผู้คนหายใจไม่ออกนี่แหละ

คุณชัชชาติถึงได้เสนอหน้าน้อมรับทุกคำด่า และบอก.. “กทม.อยากทำใจจะขาดแต่ไม่มีอำนาจ100%” แล้วตอนหาเสียงทำไมไม่บอกถึงปัญหาและอำนาจให้รู้ชัดๆ ล่ะ?

ได้ยินแต่คุยโวแบบมั่นอก-มั่นใจ “ถ้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ”

แล้วไง เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ ยอมรับคำด่า ก็น่าจะแสดงสปิริต ประกาศ..

“ผมอับจนปัญญา..ขอลาออกครับ”!

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
“เพื่อไทย” จี้ “นายกฯ” ขอโทษและเร่งช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว ชี้ บริหารวัคซีนล้มเหลว ทำเศรษฐกิจทรุดหนัก แนะ ตรวจสอบเส้นทางการเงินหาผู้กระทำผิด
16 เมษายน 2564 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจ ประธานอนุกรรมการนโยบายด้านท่องเที่ยวพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
Read More
0 replies on “ออก..อย่างงี้ต้องลาออก #สันต์สะตอแมน”