กรณีศึกษาของจีน (ภาคจบ): เทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยคนจีนฝ่าวิกฤต และทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีของจีนรอดช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะที่ตอนนี้ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดทั่วโลก ประเทศต่างๆ เริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับความสำเร็จของจีนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อรับมือการแพร่ระบาด และช่วยให้เศรษฐกิจของจีนโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีไม่หยุดชะงักได้อย่างไร

โดยจะเป็นเนื้อหาต่อจากภาคที่แล้วที่เราได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีไปแล้วบางส่วน ภาคนี้เราจะได้ศึกษาเทคโนโลยีที่ล้ำลึกมากขึ้นที่ชาวจีนนำมาใช้ต่อสู้กับโควิด-19 และได้ช่วยให้เศรษฐกิจของจีนดำเนินต่อได้

เทคโนโลยีบล็อกเชน (BLOCKCHAN)

อาลีเพย์ (Alipay) ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มข้อมูลออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดในมณฑลเจ้อเจียง เพื่อให้การจัดส่งเครื่องมือดังกล่าวและการนำไปใช้มีความโปร่งใสมากขึ้น แพลตฟอร์มนี้ใช้เทคโนโลยี Ant Blockchain และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการสุขภาพและคณะกรรมการเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศของมณฑลเจ้อเจียง

-ในมณฑลกานซู แอนท์ ไฟแนนเชียล (Ant Financial) เปิดตัวระบบประมูลออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเข้าร่วมการประมูลผ่านการเชื่อมต่อระยะไกลช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เทคโนโลยีบล็อกเชนของแอนท์ ไฟแนนเชียล ช่วยทำให้แน่ใจได้ว่าข้อมูลและกระบวนการเปิดประมูลมีความโปร่งใส ปราศจากการแทรกแซงใดๆ และมีความน่าเชื่อถือได้อย่างแท้จริง

Ant Duo-Chain เป็นแพลตฟอร์มด้านการเงินสำหรับซัพพลายเชนที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน และพัฒนาโดยแอนท์ ไฟแนนเชียล ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนมากสามารถยื่นขอเงินกู้จากธนาคารโดยใช้บัญชีลูกหนี้จากองค์กรขนาดใหญ่ แพลตฟอร์มดังกล่าวช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีแก้ไขปัญหาข้อจำกัดทางการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงของการแพร่ระบาด ตัวอย่างเช่น Guangzhou Wubiao ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้า ได้รับสินเชื่อ ล้านหยวนโดยใช้บัญชีลูกหนี้จากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ 1919.com

มีการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ในมณฑลหูเป่ยได้รับบริจาคหน้ากากอนามัย เครื่องมือทางการแพทย์ และเงิน ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อการดำเนินงาน โดยผ่านทางแพลตฟอร์ม Shanzong ที่ช่วยตรวจสอบติดตามเงินและสิ่งของบริจาคผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน  แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นผลงานการพัฒนาของบริษัทสตาร์ทอัพ Hyperchain และ China Xiong’an Group

เทคโนโลยี AI

-แอพพลิเคชั่นตรวจวัดอุณหภูมิอัตโนมัติถูกติดตั้งไว้ตามรถไฟใต้ดิน สถานีรถไฟ สนามบิน และศูนย์บริการสังคม เพื่อระบุและติดตามบุคคลที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ และช่วยในการดำเนินการที่จำเป็น ระบบอัตโนมัตินี้มีประโยชน์อย่างมากในการคัดกรองบุคคลที่อาจติดเชื้อ (เช่น ระบบของ Megvii สามารถตรวจวัดได้ 300 คนต่อนาที และระบบของ SenseTime สามารถระบุตัวบุคคลที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย)

-ศูนย์สาธารณสุขเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Public Health Clinical Center – SPHCCระดมกำลังจากหลายภาคส่วนเพื่อใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการต่อสู้กับไวรัส โดยร่วมมือกับ Yitu Healthcare ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ในเซี่ยงไฮ้ เปิดตัวระบบประเมินผลอัจฉริยะสำหรับการทำซีทีสแกนทรวงอกเพื่อตรวจหาการติดเชื้อโควิด-19 (Intelligent Evaluation System of Chest CT for COVID-19) เมื่อวันที่ 28 มกราคม

-เพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสที่ผ่านการสัมผัสโดยตรงในที่สาธารณะที่มีผู้คนสัญจรไปมาอย่างหนาแน่น เช่น ชุมชนที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล และสถานีรถไฟ Sugr Technology ได้พัฒนาสวิตช์ไฟฟ้าที่สั่งงานด้วยเสียง โดยใช้ชื่อว่า “sesame switch” สวิตช์ดังกล่าวสามารถตรวจจับเสียงพูดและรับรู้คำสั่งเสียงจากระยะไกล

คิวอาร์โค้ด (QR CODE)

-ผู้บริหารเมืองใหญ่ของจีนกว่า 200 เมืองเปิดตัวบริการชั่วคราวสำหรับโค้ดด้านสุขภาพ (Health Code) ผ่านมินิโปรแกรมของอาลีเพย์ (Alipay) นอกเหนือจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น WeChat และเว็บพอร์ทัลที่ดำเนินการโดยหน่วยงานควบคุมโรคระบาด หลังจากที่ผู้ใช้ผ่านการตรวจสอบ ระบบบริการโค้ดด้านสุขภาพจะขอให้ผู้ใช้กรอกแบบฟอร์มออนไลน์และรายงานข้อมูลเบื้องต้นด้วยตนเอง เช่น เมืองที่ผู้ใช้อาศัยอยู่ในปัจจุบัน ผู้ใช้มีอาการที่เกี่ยวเนื่องกับการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ผู้ใช้เคยเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดในช่วง 14 วันที่ผ่านมาหรือไม่ จากนั้นบริการดังกล่าวจะให้คิวอาร์โค้ดที่เป็นสีแดง เหลือง หรือเขียวอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อระบุระดับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคคลดังกล่าว ในการผ่านจุดตรวจที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตามสนามบินและสถานีรถไฟ ประชาชนจะต้องแสดงคิวอาร์โค้ดของตนเอง

หุ่นยนต์และโดรน

Keenon Robotics Co บริษัทสตาร์ทอัพในเซี่ยงไฮ้ที่เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมหุ่นยนต์ พบว่าผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ด้านบริการเชิงพาณิชย์ของบริษัทฯ ถูกใช้งานในโรงพยาบาลหลายแห่งในจีนเพื่อจัดการกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยัน รวมถึงผู้ป่วยที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อ  หุ่นยนต์ด้านบริการเหล่านี้ทำหน้าที่จัดส่งอาหาร ยา และสิ่งของไปยังแผนกที่ถูกแยกออกไป หลังจากได้รับคำสั่งจากผู้ควบคุมเครื่องที่อยู่ห่างไกล ซึ่งนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการป้องกันโรคระบาด เพราะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อจากการสัมผัส และลดความจำเป็นในการใช้บุคลากร

ยานพาหนะติดตั้งเครื่องถ่ายภาพซีทีแบบเคลื่อนที่จาก Ping An Health Inspection Center ช่วยให้ประชาชนในเมืองอู่ฮั่นสามารถรับการตรวจวินิจฉัยโรคโควิด-19 นอกโรงพยาบาล ยานพาหนะดังกล่าวติดตั้งเครื่องซีทีสแกนสำหรับใช้ทั่วร่างกายและใช้การเชื่อมต่อ 5G โดยนับเป็นระบบเคลื่อนที่ระบบแรกที่ใช้เครื่องซีทีสแกนทั่วทั้งร่างกาย ทั้งนี้ CT นับเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากที่สุดสำหรับการตรวจวินิจฉัยโควิด-19

หลายๆ บริษัทของจีนใช้โดรน เพื่อทำการตรวจสอบการแพร่ระบาดโดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวบุคคล ตัวอย่างเช่น Pudu Technology จากเสิ่นเจิ้นได้ติดตั้งอุปกรณ์โดรนไว้ในโรงพยาบาลกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ขณะเดียวกัน MicroMultiCopter ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทจากเสิ่นเจิ้น ใช้โดรนในการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และถ่ายภาพความร้อน

-Neolix ธุรกิจขนส่งแบบไร้คนขับในกรุงปักกิ่ง ดึงดูดลูกค้าหลายราย รวมถึง Alibaba Group Holding Ltd., Meituan Dianping และ JD.Com Inc. ซึ่งจองออเดอร์สำหรับยานพาหนะกว่า 200 คันในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยรถบรรทุกขนาดเล็กของ Neolix ช่วยให้ลูกค้าลดการสัมผัสร่างกาย และแก้ปัญหาการขาดแคลนพนักงานเนื่องจากการกักกันพื้นที่และข้อจำกัดการเดินทาง

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์

ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีนให้ความร่วมมือในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรค การตรวจคัดยา การตรวจจับและวิเคราะห์ทางจีโนมิกส์ โดยให้การสนับสนุนในส่วนของซอฟต์แวร์และระบบประมวลผล  ตัวอย่างเช่น Beijing Super Cloud Computing Center จัดหาทรัพยากรด้านซูเปอร์คอมพิวติ้ง เพื่อช่วยเหลือบุคลากรด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในการจัดลำดับยีน การพัฒนาวัคซีน การตรวจคัดยา และการคาดการณ์เกี่ยวกับการกลายพันธุ์

Tencent เปิดให้ใช้งานระบบซูเปอร์คอมพิวติ้งของบริษัทฯ รวมถึงคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำการคำนวณได้รวดเร็วกว่าพีซีทั่วไปหลายเท่า เพื่อช่วยให้นักวิจัยคิดค้นวิธีการรักษาโรค โดยร่วมมือกับสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพแห่งกรุงปักกิ่งและมหาวิทยาลัย Tsinghua University

 กรณีศึกษาจาก สิงคโปร์

 การตรวจจับและการป้องกัน: iThermo เป็นอุปกรณ์ใหม่สำหรับการตรวจวัดและคัดกรองอุณหภูมิ โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อระบุตัวบุคคลที่มีไข้  อุปกรณ์นี้ถูกใช้งานที่สิงคโปร์ เพื่อลดความจำเป็นในการตรวจวัดโดยเจ้าหน้าที่  อุปกรณ์คัดกรองแบบเรียลไทม์นี้ใช้เพียงแค่สมาร์ทโฟนที่ติดตั้งเข้ากับกล้องตรวจจับความร้อนและกล้องเลเซอร์ 3 มิติ ทำหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของคนที่เดินผ่านอุปกรณ์ โดยสามารถตรวจวัดได้แม้กระทั่งคนที่สวมแว่นตา หน้ากากอนามัย หรือหมวก ช่วยแก้ไขปัญหาคิวยาวในบางสถานที่ที่ต้องใช้เวลานานในการตรวจวัดอุณหภูมิโดยเจ้าหน้าที่ นับเป็นเครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลาและกำลังคนได้อย่างมาก

การสนับสนุนทีมแพทย์และพยาบาล: Grab เตรียมเปิดตัวบริการ GrabCare เพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถเดินทางไป-กลับจากโรงพยาบาลได้อย่างราบรื่น และมีแผนที่จะขยายบริการดังกล่าวไปสู่โรงพยาบาลอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

กรณีศึกษาจาก ฮ่องกง

หุ่นยนต์ตรวจจับไข้ตัวร้อนเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 Roborn Technology” บริษัทเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในฮ่องกง ใช้เวลาราวสองสัปดาห์ในการประดิษฐ์หุ่นยนต์สำหรับตรวจจับอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ภายในระยะห่าง เมตร หุ่นยนต์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลที่มีอาการตัวร้อนในบริเวณใกล้เคียง

Written By
More from pp
EGCO Group คว้ารางวัลสูงสุดด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน จากเวที “Sustainability Disclosure 2023” ต่อเนื่องปีที่ 5
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป คว้ารางวัลเกียรติคุณ (Award) จากงานมอบรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2023...
Read More
0 replies on “กรณีศึกษาของจีน (ภาคจบ): เทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยคนจีนฝ่าวิกฤต และทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีของจีนรอดช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19”