“ปริศนากรรม” ทักษิณ #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

เมื่อ “ศุกร์ ๑๓ ธันวา”
ในวงสัมมนา “พรรคเพื่อไทย” ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน
ทักษิณ “พ่อนายกฯ”
ทิ้งคำพูดให้คนไทยควรต้องตระหนักคิดเพื่อตื่นรู้ “อนาคตประเทศ” ผ่าน “ปริศนากรรม” ที่ยิ่งใหญ่ ว่า

“ตอนนี้ ตัวเอง ๗๕ ปีแล้ว เวลาเหลือไม่มาก อาจจะสัก ๔๐ ปี ซึ่งผมบอกตลอดเวลาว่า
ขอเวลาอีก ๔๐ ปี จะไปเจรจากับ “พระเจ้าในประเทศไทย”
ผมหายไป ๑๗ ปี ยังไงขอเวลาคืนอีก ๑๗ ปี แล้วกัน”

นับเป็นปริศนากรรมที่ลึกซึ้งมาก
องค์กรอิสระที่ควรตีปริศนากรรมนี้แตกด้วยตื่นรู้ สู่ภาวะ “บัวพ้นน้ำ” คือ “ป.ป.ช.”

ด้วยรับรู้ความจริง จากคำพูดประโยคนั้นของทักษิณ แสดงว่า ที่นอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ ทำเป็นป่วยจะตายโหง-ตายห่า ในฉับพลัน ตลอด ๖ เดือน นั้น

เป็นการจัดฉาก ระหว่างราชทัณฑ์, รพ.ตำรวจ และตัวนักโทษเอง เพื่อเลี่ยงการ “นอนคุก”

แท้จริงนักโทษทักษิณ “ไม่ได้ป่วยอะไรเลย” ซ้ำแข็งแรงยิ่งกว่าควายตู้ เหี้ยนกระหือรือ ยิ่งกว่ากระหังหิวซาก
ส่งเสียงร้อง… “กูจะอยู่อีก ๔๐ ปี” แบบนี้ด้วยละก็
เป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “ป่วยทิพย์” สถานเดียว!

ประเด็นต่อไปใน “ปริศนากรรม” ของทักษิณ คนไทยต้องใคร่ครวญให้จงหนัก เพราะซ่อนความนัยลึกซึ้ง-ซับซ้อน ซ่อนกลเกม ถึงขั้นเปลี่ยนระบอบและสถาบัน!?

“พระเจ้าในประเทศไทย” ที่ทักษิณบอก “จะไปเจรจา” นั้น
ทักษิณหมายถึงใคร?

เขาอาจ “บังอาจ” พูด แต่ผมมิบังอาจเอ่ยถึงสิ่งที่เขาบังอาจเอื้อม
และจะ “ขอเวลาอีก ๑๗ ปีคืน” คือเวลาที่หนีคดี “คอร์รัปชันโกงบ้าน-กินเมือง” ไปเป็นสัมภเวสีอยู่นอกแผ่นดินไทยนั้น

ความนัยของปริศนาคำว่า “เวลา ๑๗ ปี” คืออะไร แบบไหน อย่างไร?

เห็นมั้ย ผมจึงว่า ที่ทักษิณประกาศกับเหล่าสาวกเพื่อไทยเมื่อศุกร์ ๑๓ มันจึงเป็นปริศนากรรมที่ลึกซึ้ง
ตระหนักแล้วจะตื่นตระหนก!

“เวลา” เรารู้ แต่เมื่อถูกถาม “เวลาคืออะไร?” ไม่มีใครตอบได้ เพียงรู้ทาง “มนุษย์สัมผัส” โดยแยกเวลาเป็น “ปัจจุบัน-อดีต-อนาคต”

อดีต คือเวลาที่ผ่านไปแล้ว อนาคตคือเวลาที่ยังมาไม่ถึง และปัจจุบัน คือเวลาชั่วขณะที่ “เป็นอยู่-มีอยู่” ขณะนั้น

ดังนั้น ที่ทักษิณจะขอคืนเวลา ๑๗ ปี กับพระเจ้าในประเทศไทย ก็คงไม่ใช่ในความหมาย “อดีตเวลา”

น่าจะเป็น “สิทธิทางการเมือง” เป็นใบเบิกทางสู่ความเป็นผู้มากบารมี มีอำนาจควบคุมประเทศ สู่ตำแหน่งนายกฯ เป็นเบื้องต้น และได้รับยศถาบรรดาศักดิ์คืน

อาจรวมถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ถูกเรียกคืน หลังศาลมีคำพิพากษาลงโทษคุกเป็นที่สิ้นสุดด้วย

เช่น เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่ง ดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์ และเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ ๑

จากการตีปริศนากรรม ผมจะบอกว่า สิ่งที่ทักษิณต้องการได้กลับคืน เป็นแค่ “ขั้นต้น” เท่านั้น!

คงจำกันได้ ตอนทักษิณเรืองอำนาจ กลุ่มคนเชียงใหม่ บอกว่า “พระเจ้ามูลเมือง” กลับชาติมาเกิดเป็น “ทักษิณ”

และปี ๒๕๔๘ ทักษิณขณะเป็นนายกฯ จัดงานทำบุญประเทศ เหิมเกริมนั่ง “เป็นประธาน” ในพระอุโบสถวัดพระแก้ว ถ่ายทอดออกโทรทัศน์ เกิดเสียงวิพากษ์ว่า “ตีตนเสมอเจ้า” เป็นการกระที่ไม่เหมาะสมยิ่ง

ทั้งไปไหนๆ จะแจกจ่ายธงชาติให้ผู้คลั่งไคล้ทักษิณคอยโบก เหมือนตอน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ” เสด็จฯ

เจตนาเด่นชัดยิ่งขึ้น ตอนเสื้อแดงนปช.ชุมนุม “เผาบ้าน-เผาเมือง” มีการประกาศ “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา”

กระทั่งขบวนการนปช.ของทักษิณ จัดชุมนุมมวลชนที่ภาคเหนือ ประกาศแยกประเทศตั้งเป็นรัฐ มีธงประจำรัฐ
มุ่งหมายให้ทักษิณกลับมาเป็นประธานาธิบดี!

เหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่ทักษิณสูญเสียทั้งสถานะและเวลาไปเมื่อ ๑๗ ปีที่แล้ว จะไปเจรจาขอคืนกับ “พระเจ้าในประเทศไทย” อย่างนั้นใช่หรือไม่?

ผมอยู่ไม่ถึงได้พิสูจน์หรอก เพราะทักษิณเขาจะอยู่อีกตั้ง ๔๐ ปี เพื่อทวงคืน

จึงฝากให้ท่านที่คิดว่า จะมีชีวิตอยู่อีกมากกว่า ๔๐ ปี ขึ้นไป ช่วยจับตาดู ไงละก็ หลัง ๑๐ ปีต่อจากนี้ไปแล้ว
ช่วยจุดธูปบอกผมด้วยละกัน!

มาถึงปริศนากรรมทักษิณข้อที่ ๒ ข้อนี้ องค์กรอิสระที่ควรตีโจทย์จากบทบาททักษิณ จนมีดวงตาเห็นธรรมมากที่สุด คือ กกต.

ทักษิณ ประกาศในที่สัมมนาพรรค โดยมีนายกฯ แพ ในฐานะหัวพรรรคเพื่อไทยนั่งอยู่ด้วยว่า

“เมื่อ ๒ วันก่อนมีพ.ร.ก.เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมครม.

ปรากฏว่ามี “พรรคร่วม” บางพรรค หลบ ป่วย อย่างนี้ ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ

วันหลัง ไม่อยากอยู่ ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่า ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี

ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมา ง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ ก็ต้องสู้ด้วยกัน

ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีค่อยๆหลบมือออก…ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา”

….พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาลคือต้องทำ

ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้ว ไม่เอาแล้ว

รัฐบาลเป็นกลไกประชาธิปไตย มีหลายออปชั่น อยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนั้น…ไม่สวยเลย วันที่หายไปตอน พ.ร.ก.เข้า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้รู้ว่าการทำงานร่วมกันง่ายมาก”

และบางตอน ยังทำตลกประหนึ่ง “ตบหัวกกต.” อวดหมาในคอก

“วันนี้ ผมไม่ได้ครอบงำ​ แต่ผมมากกว่า ที่ถูกลูกสาวครอบงำ ถูกใช้​ให้พ่อไปทำนั่นนี่ให้หน่อย

เงินเดือนๆ ละ ๗๐๐ ต้องหาลำไพ่เป็นผู้ช่วยหาเสียง ได้วันละ ๓๐๐ กว่าบาท แต่ช่วงนี้งานชุก อาจได้หลายตังค์ ศรีสะเกษ​ ก็เตรียมจ้างผมได้นะ เชียงใหม่​ มีตังค์หรือเปล่า เมื่อถึงหน้า​ อบจ.ที ก็จะรวยหน่อย

…ถ้าจะให้ราคาหอมแดงขึ้น​ เดี๋ยวส่งรัฐมนตรีแดงไป​ และจะไปทวงราคาหอมแดงให้และ​ทวงเก้าอี้นายก​ อบจ.ศรีสะเกษ ให้”

“พรรคเพื่อไทย” ยอมให้ “คนนอกพรรค” ควบคุม ครอบงำ ชี้นำกิจกรรมพรรคการเมืองขนาดนี้
กกต.”ทะลุแจ้ง-เห็นจริง” ตาม “พรบ.พรรคการเมืองมาตรา ๒๘” หรือยัง?

และบทบาททักษิณนั้น เข้าข่ายมาตรา ๒๙ ที่ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองหรือยัง?

นี่เป็นปริศนากรรมที่กกต.ย่อมใคร่ครวญได้ ก่อนที่จะมีใครไปร้องว่า “ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่”

ทางด้านการเมือง ว่าด้วย “พรรคร่วมรัฐบาล” ฟังคำขับไล่ไสส่งของทักษิณแล้ว
“ฟังปุ๊บ-บรรลุปั๊บ” ว่า “นายกฯ ตัวจริง” บรรลุแล้ว

ต้องการนำพรรคประชาชน “ฝ่ายค้าน” มาร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพื่อไทย เป็น “รัฐบาล ๒ พรรค” ๒๘๔ เสียง รวมพรรคธรรมนัสอีก ๒๐ ก็ ๓๐๔ เสียง ….เหลือเฟือ

ไม่ต้องอัดอกกับพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ขวาง “กฎหมายโจร” ทุกฉบับ

จะแก้มาตรา ๑๑๒ ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ ก็ต้าน

MOU 44 เกาะกูด จะขุดก๊าซ-น้ำมัน แบ่งเขมร ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ ก็ต้าน

จะเสนอกฎหมายให้ “การเมืองยึดกองทัพ” ต้องมาอยู่ใต้อำนาจครม.ตั้งนายพลต้องให้ครม.เห็นชอบ ไม่งั้นตั้งไม่ได้
ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ ก็ต้าน

ทำไป-ทำมา แผนร่วมของ “เพื่อไทย-ประชาชน” ที่จะฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกง แล้วตั้งสสร.เขียนใหม่
เปิดช่องเอื้อโกง-เอื้ออำนาจให้นักการเมืองกินชาติ ได้ทันเลือกตั้ง ปี ๗๐ ก็ฝันสลายซะแล้ว

เพราะ “พรบ.ประชามติ” สู่การตั้งสสร.เขียนใหม่ ฉบับที่สส.ทำแบบ “ศรีธนญชัย” ถูกสว. “สีน้ำเงิน” คว่ำ

แผนปี ๗๐ “แดง+ส้ม” กินรวบประเทศ ก็เลยพัง!

พรบ.ต้องถูกดองไปครึ่งปี กว่าจะตั้งต้นใหม่ได้ ถึงตั้งสสร.ได้ รัฐธรรมนูญใหม่ ยังไงก็คลอดไม่ทันใช้เลือกตั้งอยู่ดี

แบบนี้ จะเอาภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติอยู่เป็นกรวดในรองเท้าให้ตัวเองเดินกระเผลกไปทำไม
ก็ไล่มันตรงๆ ไปซะเลย!

ทักษิณเข้าสู่แผนเดิม พรรคส้ม ๑๔๓ เสียง จากแยกกันอยู่ มารวมเป็นรัฐบาลกับพรรคแดง ๑๔๑ เสียง
“แดง-ส้ม” รวมกันตีกินเมือง

อยากออกกฎหมายจากราชอาณาจักร เป็นสาธารณรัฐ ก็ทำได้ จะเลิกมาตรา ๑๑๒ ก็เลิกได้ จะเอาแผ่นดินใต้เกาะกูดของไทยไปขุดพลังงานแบ่งกับเขมร ก็ทำได้-แบ่งได้

เพราะ ๒ พรรค “เสียงข้างมาก” ในสภา นอกนั้น “หมาเห่าเครื่องบิน”

สีหนา้ทักษิณ “ในกัณฑ์” ทวงคืนจากพระเจ้าในประเทศไทยผมตีความ “ปริศนากรรม” ออกมาได้ประมาณนี้
แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป…

ผมบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าช่วงนี้ จนถึงมีนา.เป็นช่วง “ฉายหนังตัวอย่าง”
ก็ดู “ตลก ๒ พ่อลูก” ขัดหนัก-ขัดเบาไปก่อน

“เมษา-พฤษภา” เรื่อง “ถลกหนังหัว ๒ พ่อลูก” ถึงจะฉาย!

เปลว สีเงิน
๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
๑ ตุลา. “นายกฯ ชื่อตู่” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน แล้วไง….. ๓๐ กันยา.ผ่านไปแล้ว “โลกแตก” มั้ย? เห็นมีแต่พวกนักวิชาการ “จมูกร้อยเชือก” เก่งตามหน้าจอกับหมาในคอกแม้วเท่านั้น ที่ “อกแตก-แหกที่หน้า”!
Read More
0 replies on ““ปริศนากรรม” ทักษิณ #เปลวสีเงิน”