เปลว สีเงิน
ดู “นาฬิกากรรม” แล้ว ก็อยากบอกว่า….
ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา
ผมประเมินว่า
“เข็มยาว” จะกระดิกเข้าใกล้โซน “ต้องระวัง” ก็หลัง “ตรุษจีน-ตรุษไทย” ไปแล้ว
ใกล้ๆ “สงกรานต์” นั่นแหละ ค่อยมาปูเสื่อ-ปูสาด จับจองที่นั่งดูหนังกลางแปลง เรื่อง “ฆ่ายกโคตรตระกูลโกง” กัน!
ฉะนั้น ๒-๓ วันนี้ ผมขอหนีเที่ยวก่อน พอดี ภรรยานายแพทย์ท่านหนึ่ง ไลน์ข้อความมาให้ ผมอ่านแล้วใจเต็มตื้น
จึงแกะมาให้ช่วยกัน “อนุโมทนาใจ” กับ “Grab rider เฉพาะกิจ” ท่านนี้
……………………………
“Grab rider เฉพาะกิจ” บินส่งหัวใจ “ในวันพ่อ”
เมื่อต้องสวมวิญญาณ Grab pilot
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อคืนสองทุ่มกว่าๆ นั่งกินข้าวเย็นที่หลงเหลา ริมถนนวิภาวดี กับพี่ๆ น้องๆ ที่บริษัท บรรยากาศชิวๆ เย็นๆดนตรีเพราะๆ กำลังเพลินๆ
อ.พัชร (อาจารย์ของผมที่เป็นศัลยแพทย์มือเปลี่ยนหัวใจของจุฬาฯ โทรมา)
อ.พัชร :เฮ้ย ต้วง พรุ่งนี้ว่างป่าววะ ทำไรป่าว
Rider :ว่างครับ อจ.มีไรให้รับใช้ (นึกว่าเรียกไปช่วยผ่าตัด)
อ.พัชร :บินไปรับหัวใจให้หน่อยดิ ที่ร้อยเอ็ด
Rider : !!!!!!@#$%67*(_!!!!!!! เดี๋ยวนะ อจ.เครื่องบินผมมันช้า)
อ.พัชร :ใช้เวลาบินเท่าไหร่ต้วง ถ้าต้องไป หาเครื่องไม่ได้เลย คนไข้ที่รอกำลังหัวใจวายอยู่เนี่ยกำลังแย่ จะต้อง on Ecmo ป่าวไม่รู้ (google เอานะ เอคโม่เนี่ย)
Rider : ประมาณ สองชั่วโมงครับ อจ.
อ.พัชร : พอไหว หัวใจขาดเลือดได้สี่ชั่วโมง
Rider : อจ เอาแน่ใช่มุ้ย
อ.พัชร : ตามนั้น
Rider ก็กลับบ้านเลยสิครับ กำลังสนุกกับเพื่อนๆ
ส่งแผนการบินทางเมลแบบด่วนๆ ไปร้อยเอ็ด วงเล็บว่าไปเอาหัวใจ โทรเช็กว่า วิทยุการบินได้รับ flight plan แล้วค่อยนอนตาหลับ
นอนห้าทุ่ม ตื่นตีสี่ครึ่ง กราบพระ เพื่อความเป็นสิริมงคล อธิษฐานเเละอนุโมทนากับผู้บริจาคหัวใจท่านนี้
รีบขับรถไปสนามบิน คลองสี่ ปทุมธานี
ออกบ้านตีห้า ถึงสนามบินพระอาทิตย์ขึ้นพอดี
ด้วยความขี้เกียจ ไฟลท์ที่แล้วลงมายังไม่ได้เติมน้ำมัน
ก็เติมสิครับ ตรวจความเรียบร้อย เครื่องพร้อมบิน
ส่งโลเกชั่นสนามบินให้น้องแคท ผู้ประสานงานปลูกถ่ายอวัยวะ สภากาชาดไทย ที่จะมากับรถ พยบ.ของจุฬาเพื่อมารับหัวใจที่จะเอากลับมา
ว่าแล้วก็บินไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
8.00 วิ่งขึ้น ตรงไป อำเภอหินกอง สระบุรี เเล้วตรงแน่วไปที่ร้อยเอ็ด
ขอไต่หาระยะสูง ขาไปมีลมต้านตลอด เพราะลมหนาวเข้ามาเรื่อยๆ แรงมั่งเบามั่ง ขึ้นไปถึง หมื่นกว่าฟุต เพื่อเช็กว่าลมแต่ละความสูง ทิศทางและความเร็วเท่าไหร่
(เพื่อขากลับกูจะบินตรงที่มึงส่งท้ายแรงๆ นี่แหละ แค้นมาหลายทีแล้ว ไอ้ลมเนี่ย ขาไปต้านซะแรงเชียว พอวันกลับ แทนที่จะส่งท้ายแรงๆ ดันเบาทุกที ซวยตลอด)
ขาไป ชิวๆ ไม่รีบ
ถึงร้อยเอ็ดสิบโมงสิบนาที จอดหันหัวเครื่องบินออก ไปยังรันเวย์ เพื่อรอวิ่งขึ้นไว้เลย
ลงมาซื้อขนมจีบกุ้งที่สนามบิน 101 กินไปหกลูก กับ นมชมพู ของโปรด แล้วไปจ่ายตังค์ค่าจอดเรือบิน 85 บาท (ถูกกว่าจอดรถที่ดอนเมืองอีก)
น้องแคท โทรมาบอกว่า ทีมผ่าตัดไปถึงกาฬสินธุ์แล้ว (อ.ธัช มั้ง ได้ยินชื่อไม่ชัด น่าจะรุ่นน้อง Rider หลายปี หมอผ่าหัวใจจากจุฬา ที่ไปเอาหัวใจนั่งเครื่องจากดอนเมือง 7.15 ไปลงร้อยเอ็ด 8.15 แล้วต่อรถอีกชั่วโมง ไปกาฬสินธ์) กำลังจะลงมีดเพื่อตัดหัวใจ
ไอ้เราก็บอกว่า ได้เลย Grab มารอที่สนามบินร้อยเอ็ดแล้วครับ
น่าจะลงมีดประมาณ 10.15 มั้ง เดานะ กว่าจะเปิด กว่าจะเลาะ นู่นนี่นั่น
11.15 ทางกาฬสินธุ์ แจ้งมาว่า จะ clamp แล้วนะ (clamp คือการหนีบขั้วหัวใจ ขณะที่ยังเต้นๆ อยู่กับเจ้าของเดิม แล้วใส่น้ำยารักษาสภาพหัวใจ ทำให้หัวใจอยู่นิ่งๆ เพื่อรักษาพลังงาน แล้วตัดออกมา ใส่กระติกน้ำแข็ง ซึ่งจะอยู่ได้สี่ชั่วโมง)
นาฬิกานับถอยหลังได้เริ่มขึ้น เมื่อ 11.15 ดังนั้น 15.15 หัวใจต้องถึง รพ.จุฬา
เพื่อให้ได้เลือดจากเจ้าของใหม่ เข้าไปหล่อเลี้ยง ไม่งั้นโอกาสรอดจะน้อยลงเรื่อยๆ ตามเข็มวินาทีที่ขยับ
11.20 รถพยาบาลพร้อมตำรวจนำ ออกจาก รพ.กาฬสินธุ์ คาดว่า 45 นาที จะถึงสนามบิน 101
11.55 รพ. แจ้งว่าเลี้ยวเข้าสนามบินแล้ว พี่ไรเดอร์ก็ใจหวั่นๆ สิครับ
ถ้าเกิดมอไซค์ เอ้ย เครื่องบินกูสตาร์ทไม่ติดทำไงวะเนี่ย แอบเครียดนิดนึง
12.00 หัวใจมาถึงห้องผู้โดยสารขาออก สนามบินร้อยเอ็ด พี่ไรเดอร์ ยืนรออยู่ ใส่เสื้อวิน สีเขียวขัดเจน
พี่ไรเดอร์ก็คว้ากระติกแล้วรีบวิ่งไป เอกซเรย์ ตรวจค้น ผ่านเข้าไปยังลานจอด
วันนี้ ชอต ที่เหนื่อยสุดก็ตอนนี้แหละ วิ่งหิ้วกระติกหนักห้าโลได้มั้ง
กลางลานจอดแดดเปรี้ยง สองร้อยเมตรไปที่เครื่องบิน หอบแฮ่กสิครับ
เก็บกระติกที่ผนึกมาอย่างดีในที่ปลอดภัย ปิดประตูติดเครื่องยนต์
ขอ clearance ว่าจะกลับ กทม.ละนะครับ
หอบังคับการบินร้อยเอ็ด (tower) น่ารักมาก ใจดี รีบให้คำอนุญาต วิ่งขึ้น (ขอบคุณน้อง ATC มากนะครับ วันหลังพี่จะไปเที่ยวอีก)
12.10 หัวใจสองดวงก็ลอยขึ้นฟ้าเป็นที่เรียบร้อย ถือว่าไวมาก ส่งไลน์ไปบอกที่กทม.บอกเค้าว่า วิ่งขึ้นมาแล้ว ETA 14.00 น.
คราวนี้ก็ขอไต่ขึ้นความสูง ที่เล็งไว้คือ 6500 ฟุต ระหว่างไต่ก็แอบเล็งๆ ที่ 4500 ฟุตไว้ด้วยว่าลมส่งท้ายมันแรงเท่าไหร่ (ขากลับมาทางตะวันตกต้องบินเลขคู่ เช่น 4,6,8)
และกฏการบินด้วยสายตา (visual flight rule VFR) ต้องลงท้ายด้วย 500 จึงเลือกได้ ว่าจะเอา 6500 หรือ 4500
ปรากฏว่าพอขึ้นไป 6500 ลมแรง สู้ 4500 ไม่ได้ เลยขอลงมาที่ 4500
ขอบคุณ ร้อยเอ็ด approach มาก ให้เลือกความสูง ตามใจชอบ ได้ความเร็วเฉลี่ย ประมาณ 250 กม./ชม.
13.30 คุณแคท ไลน์ขึ้นมาบอกว่า รถ พยาบาล ที่จะมารับหัวใจไปส่งจุฬา มาถึงสนามบินคลองสี่แล้ว ก็พอโล่งใจ ทีเเรกกลัวเค้ามาไม่ถูก เพราะมันงง งง หลงง่าย
กำลังบินเพลินๆ ฟังเพลงแก้เครียด สบายๆ ใส่ออโต้ไพลอต อ.พัชรก็ไลน์ขึ้นมา selfie ยิ้มแฉ่ง ภาพจากห้องผ่าตัดที่จุฬาฯ ที่มีคนไข้นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด
พร้อมบอกว่า คนไข้ที่รอรับหัวใจเริ่มดมยาแล้ว
สบายๆ ได้เลยนะต้วง ไม่ต้องรีบมาก (แค่ทุกคนเค้ารอมึงอยู่แหละ)
โอ๊ยยยย กดดันกัปตันมากกกกก
ยิงยาวมาที่หินกอง ขอตัดรูทมาลงที่สนามบินคลอง 4 ปทุมธานีเลย
ขอบคุณ Oscar กับ BKK approach 119.1 125.8 มากครับ
14.00 เครื่องแตะพื้นที่สนามบินคลองสี่ แอบตกใจเล็กๆ ที่เห็นรถตำรวจ (ฉลามบก) ห้าหกคัน
ตำรวจอีกเกือบสิบนาย กับรถพยาบาลหนึ่งคัน
ทีเเรกนึกว่าจะมาจับ บอสต้วง 555
ขอบคุณน้องๆ จราจร โครงการพระราชดำริของในหลวง ร.9
ลงแบบ short field landing คือลงมาเบรกเอี๊ยด เลี้ยวมาจอด ดับเครื่องยนต์ เปิดประตู ส่งกระติกให้น้อง จราจร แล้วบอกว่า
รีบไปเลยครับน้อง ไม่ต้องห่วงพี่ (เค้าจะมาห่วงมึงทำไม ? 555)
คุณแคท ก็มารออยู่ที่นี่ ตำรวจเอากระติกขึ้นรถพยาบาลพร้อมคุณแคทแล้วรถก็เลี้ยวออกไป
ใช้เวลาไม่ถึงนาที เลยถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ได้แค่นี้แหละ
ค่อยโล่งใจ ที่เราทำภารกิจในส่วนของเราสำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์ อย่างไม่คิดว่าจะทำได้ เคยผ่าหัวใจ ตัดหัวใจ ช่วยอจ.เปลี่ยนหัวใจ
เพิ่งจะเคย “ส่งหัวใจ” นี่แหละ
พักเหนื่อยสักพัก ก็ลากเครื่องเข้าโรงเก็บ เติมน้ำมันรอไว้เลย เพื่อความไม่ประมาท (โดนมาหลายครั้งละ)
อีกอย่างวันที่ 11 ต้องบินไปสอนที่คณะแพทย์ มช.ขี้เกียจมาเติมตอนเช้าอีก
เติมน้ำมันเสร็จไม่ทันไร โทรไปถามคุณแคทว่า หัวใจถึง รพ.จุฬารึยัง
คุณแคทบอกว่า ถึงตั้งแต่ 14.40 แล้วค่ะ อาจารย์
แม่จ้าวววว ไวมากกกกก คลองสี่ จุฬา สี่สิบนาที
ก่อนกำหนดเส้นตาย ตั้งครึ่งชั่วโมง
สรุปว่า การเดินทางของหัวใจดวงน้อยๆ จากเจ้าของเดิมที่กาฬสินธุ์ จนถึงเจ้าของใหม่ที่จุฬาฯ
ใช้เวลาเดินทาง ทั้งหมดประมาณ 3.40 ชั่วโมง เท่านั้น นับว่าไวเกินคาด
ถือว่าทุกภาคส่วน ทำงานประสานกันอย่างดีเยี่ยม
ขออนุโมทนากับผู้บริจาคหัวใจท่านนี้
ทราบว่า ท่านเส้นเลือดแตกในสมอง เมื่ออายุได้ 39 ปีเอง
แต่ไม่ต้องห่วงครับ จะมีคนดูแลหัวใจของท่านให้เต้นต่อเนื่องไปได้อีกหลายสิบปี ทำประโยชน์ให้คนอื่นได้อีกมากมาย ผมเห็นมาเยอะแล้ว
ขอบคุณ ทีมประสานงาน ปลูกถ่ายอวัยวะ สภากาชาดไทย
ขอบคุณทีม harvest donor (ตัด) และทีมต่ออวัยวะ (recipient) โดยเฉพาะ อ.พัชร ซึ่งตอนนี้คงกำลังผ่าตัดอยู่
ขอบคุณ วิทยุการบิน (aerothai)
ขอบคุณน้อง จนท กรมท่าอากาศยาน ที่ร้อยเอ็ด
ขอบคุณ รพ.กาฬสินธุ์ และ ตำรวจจราจร พระราชดำริ รวมถึง ตำรวจที่ กาฬสินธุ์ ที่นำขบวนมาส่งด้วย ทุกฝ่ายทำงานเป็นทีม ประสานงานกันได้ดีเยี่ยม
ขอบคุณลูกของข้าพเจ้าด้วย ที่ไม่โวยวาย ว่า “วันพ่อ” แล้วพ่อกูหายหัวไปไหน?
ปล. ก่อนเข้าผ่าตัด อ พัชร บอกว่า
วันหลัง ต้วงช่วยไปตัดแล้วเอามาส่งให้ด้วยก็ดีนะ !@#$^&*
ไม่ไหวจะเคลียร์
จบการรายงาน Grab rider ส่งหัวใจเฉพาะกิจวันพ่อเเต่เพียงเท่านี้ครับ
……………………..
Grab rider ที่ อ.พัชรเรียกว่า “ต้วง” คือ “คุณหมอต้วง-กรพรหม แสงอร่าม” ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก
จบแพทย์จุฬาฯ ไปเป็นผอ.โรงพยาบาลต่างจังหวัด จากนั้น ไปเป็นกัปตันเครื่องบินโดยสาร ขณะเดียวกันยังเป็นหมอผ่าตัด
เป็นวิทยากรด้าน Non-Technical skill บรรยายให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงพยาบาลต่างๆ ฟัง โดยไม่คิดค่าวิทยากร
จากกัปตันเครื่องบิน มาเป็นรอง CEO โรงพยาบาลเอกชน ด้วยรักการบิน ซื้อเครื่องบินเล็กมาบินชมฟ้า-ชมดิน
เมื่อวันพ่อ “๕ ธันวา.”….
ท่านทำหน้าที่เป็น “Grab rider บินส่งหัวใจ” ตามที่อ่านกันนี่แหละครับ
ผมอ่านแล้ว ขอ “ส่งหัวใจ” ให้ Grab rider ต้วง ด้วยตันตื้น!
เปลว สีเงิน
๙ ธันวาคม ๒๕๖๗