เปลว สีเงิน
รัฐบาล ดีหรือไม่ดี สุดแต่มุมมองแต่ละคน
แต่ที่แน่ๆ
ประเทศไทย “ดี” แน่!
เพราะท่ามกลางสังคมโลก “แบ่งขั้ว-แยกข้าง” อุณหภูมิขัดแย้งใกล้จุดระเบิด นำไปสู่การจัด “ระเบียบโลกใหม่”
แต่ไทยได้รับการจัดวางตำแหน่ง “จากทุกฝ่าย” ให้อยู่ในสถานะ
“แผ่นดินสันติภาพ”!
ทุกฝ่ายจะต้องถนอมรักษาไว้เป็น “รมณียประเทศ” เพื่อการพบปะ พักผ่อน เจรจา
จะไม่ดึงเข้าไปเข้าฝ่ายทำให้ไทยกลายเป็นประเทศ “ร่วมวงขัดแย้ง” ไปด้วย
เรียกว่าไทยเป็น “ประเทศที่สาม” ใครมีเรื่องต้องเคลียร์ใจกับใคร ก็นัดกันมาพบปะ กิน ดื่ม พักผ่อน พูดจาตกลงกันที่ไทย
สะดวกทุกด้าน ปลอดภัยเต็มร้อย การบริการครบครัน!
ถ้าถามว่า “ไทยประเทศเป็นกลาง” อย่างนั้นหรือ?
เรื่อง “กลาง-ไม่กลาง” ไม่มีใครเขาทึมทึกไปทึกทักหรอก
เพราะในสังคมจริง….
“ประเทศเป็นกลาง” ในโลกนี้ มันไม่มี
มีแต่ “ประเทศเป็นมิตร” กับทุกฝ่าย แบบมีความจริงใจ อย่างไทย เป็นต้น
จึงไม่มีประเทศไหนมองไทยเป็นศัตรู เพราะในความเป็น “ดินแดนสันติภาพ” ไทยเป็นมิตรสหายที่ไว้ใจได้กับทุกฝ่ายนี่แหละ
๓-๔ วันมานี้ “บางกอก-ไทยแลนด์” จึงดังเป็นข่าวโลก
ว่า “๒ มหาอำนาจ” สหรัฐฯ-จีน
นัดมาพบปะเจรจา “ปัญหาโลก” กันที่ไทย เป็นการลับ-เฉพาะ ระหว่าง ๒๖-๒๙ มกรา.๖๗
โจ ไบเดน “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ส่ง “เจค ซัลลิแวน” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา มา
สี จิ้น ผิง “ประธานาธิบดีจีน” ส่ง “นายหวังอี้” รัฐมนตรีต่างประเทศ มา
ดูตารางเวลาอยู่ในไทยแล้ว จะว่า “เป็นครั้งแรก” ก็ไม่ผิด ที่บุคคลระดับนี้ ใช้เวลาอยู่ในไทยนานถึง ๔ วัน
แสดงว่า ทั้งสองฝ่าย มีเรื่องพูดจาหลายเรื่อง และกว่าจะได้ข้อสรุปอย่างใด-อย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลาพูดจากันนานมากทีเดียว
เรื่องระดับโลก เกินสามารถระดับผมจะรู้ ก็ต้องอาศัยหาอ่านจากผู้รู้เขา
เรื่องด้านจีน ผมชอบหาอ่านที่ “รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น” โพสต์ ท่านเป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ มธ.
อดีตผอ.ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ผู้เขียนหนังสือ โมเดลเศรษฐกิจสีจิ้นผิง: Xinomics
อย่างเรื่องนี้ ท่านโพสต์ให้ความเห็นว่า
…………………….
Aksornsri Phanishsarn
รอบนี้ ?? ?? สองมหาอำนาจใช้ Bangkok meeting ?? แผ่นดินไทยเป็น third venue ในการนัดมาหารือกัน !! (26-27 มค.นี้)
ไม่ใช่แค่เรื่อง “วีซ่าไทย-จีน” แต่วัตถุประสงค์เบื้องลึก “หวังอี้” รมว.กต. จีน ?? บินมาเยือนไทยรอบนี้หลายวัน (26-29 มค 2024)
แท้จริงแล้ว เน้นเพื่อการนี้นะคะ (ปกติ หวังอี้จะบินมาไทยแค่ 1-2 วัน ไม่นานแบบนี้ค่าา)
หวังอี้ รมว.กต จีน ?? และ เจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยปธน.ไบเดน ฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ?? นัดมาหารือกันบนแผ่นดินไทย ?? รอบนี้
จะถกกันทั้งเรื่อง #ไต้หวัน วิกฤต #ทะเลแดง สงคราม #ยูเครน และ #ทะเลจีนใต้
ทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นร้อนฉ่าและเปราะบางมากกกกก #ปีมังกรดุ
Note : ในการหารือกันแต่ละครั้ง ทั้งหวังอี้ ?? และซัลลิแวน ?? จะใช้เวลาพูดคุยกันนานมากก…กกก
(ปีที่แล้ว 2023 นัดคุยกันที่ #เวียนนา ใช้เวลา 10 ชม!! และอีกครั้งที่ #มอลต้า ใช้เวลา 12 ชม !!)
อ้างอิง : รายละเอียดใน Global Times ?? สื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน https://www.globaltimes.cn/page/202401/1306172.shtml
ทีแรก ผมก็นึกสงสัยนะว่า….
เรื่องยกเว้นวีซ่า “ไทย-จีน” จำเป็นถึงระดับท่านหวังอี้ต้องเดินทางมาไทยเองถึง ๔ วัน เชียวหรือ?
ครั้นดูๆ ข่าว อ้าว… “เจค ซัลลิแวน” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ก็มา
อะไรจะบังเอิญ “มาพร้อมกัน” ขนาดนั้น อ่านๆ ฟังๆ จึงได้ความว่า “อ้อ…๒ มหาอำนาจ เขานัดมาคุยด้วยเรื่องซีเครียดโลกนี่เอง”
สรุป…..
ไทยเป็นเพียง “เจ้าบ้าน” อำนวยความสดวกให้เขาเท่านั้นไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องราวอะไรกับเขา
ส่วนทั้ง ๒ จะใช้สถานที่ตรงไหนเป็นที่คุยกัน คุยแล้วจะมีแถลงการณ์ร่วมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา
ได้ความกันอย่างไร ทั้ง ๒ ก็กลับไปรายงานให้ประมุขประเทศทราบโดยตรง ไม่จำเป็นต้องแถลงไขกับไทยหรือกับใคร
ที่ผมหยิบเรื่องนี้มาคุย ไม่ได้ตั้งใจคุยประเด็นที่เขามาเจรจากัน
แต่ต้องการบอกให้พวกเราได้ระลึกรู้ว่า
ประเทศไทยเรา “พบตัวเอง” แล้ว และจากจุดนี้ พวกเรา จะทะเลาะกันเอง ก็ทะเลาะกันไป
แต่ในความเป็น “ประเทศไทย” ในภาพรวม
พวกเราต้องร่วมใจกันรักษา “จุดแข็ง-จุดเด่น” นี้ไว้ให้ดีและให้ได้นะ
เพราะนี่แหละ “จุดแข็ง-จุดขาย” ในความเป็น “ตัวตนประเทศไทย” คือ
“แผ่นดินสันติภาพ”!
ดินแดนของคนจิตใจดีงาม มีรัก-มีสามัคคี เป็นมิตร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนทุกชาติ-ทุกภาษา
ยิ่งสังคมโลกเร่าร้อนยิ่งขึ้นเท่าไหร่ พวกเราต้องช่วยกันสร้างและรักษาบรรยากาศ “แผ่นดินไทย” ร่มเย็น-เป็นสุข เพื่อมวลมนุษยชาติให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ตัวตนประเทศไทย”
ทั้งยุโรป ทั้งสหรัฐ ทั้งจีน ทั้งรัสเซีย และทั้งตะวันออกกลาง ในความขัดแย้งมากมี
แต่เขาเหล่านั้น เป็นเอกฉันท์แล้ว ว่า….
“ไทยเป็นสมบัติกลาง” ทางสันติสุข-สันติภาพ ที่ทุกฝ่าย ทั้งขัดแย้ง ทั้งไม่ขัดแย้ง ต้องรักษาไว้ เป็นสถานที่ได้ใช้ร่วมกัน
ตรงนี้ ถือเป็น “เครดิตประเทศ”
ที่ไทยได้รับจากทั้งจีน-ทั้งสหรัฐฯ ในด้านความไว้เนื้อเชื่อใจ ว่าไทยเป็นมิตรด้วยจริงใจกับทุกฝ่าย เลือกเป็นประเทศที่ ๓ ในการนัดหมายมานั่งคุุยความเมืองกัน
ฉะนั้น “การเมืองภายใน” พวกเราจะขึ้นสวรรค์-ลงนรกอย่างไรก็ตามใจ
แต่อยากให้ตระหนักเพื่อรักษาจุดนี้ไว้
อย่าไปดึงเอา “การเมืองภายนอก” เข้ามายุ่งเกี่ยวภายในเพื่อประโยชน์ตนอย่างที่บางพรรค-บางคนทำเป็นอันขาด
บ้านเมืองเรา ถูกวางอยู่ในจุดที่ดีแล้ว
โลกรุ่มร้อน
แต่ไทยเราร่มเย็น
เมื่อเป็นเช่นนี้ คิดดูซิ ภาพลักษณ์นี้ จะดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลนำเงินทองเข้ามาจับจ่ายในบ้านเราขนาดไหนในอนาคต
อีกทั้งการเกษตร ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ผู้คนจิตใจดีงาม ทั้งตะวันตก-ตะวันออก จะหนีนรกสังคมบ้านเขามาอยู่สวรรค์ที่บ้านเมืองไทยเรา
ภาคประชาชน คือภาคชาวบ้าน ผมไม่ห่วง
เพราะเขาอยู่กับชีวิตจริง-โลกเป็นจริง ย่อมรู้ปัญหาและปรับตัวเข้าสถานการณ์ได้
อยู่แต่ภาคการเมือง คือนักการเมืองนี่แหละ
อยู่บนหัวชาวบ้าน มีชีวิตจากหยาดเหงื่อ เลือดเนื้อชาวบ้าน ไม่สนปัญหา ไม่แยแสสถานการณ์
ประเทศชาติ ฉิบหายช่างมัน ขอให้พวกกูสะใจ ได้ขายชาติ-ทำลายเมือง เอาเงินไว้ก่อน!
ประเภทนี้ก็ยังมี…..
บางคน ไม่เห็นมีฐานะ-อาชีพอะไรมาก่อน กุ๊ยกลางถนนก็มี แต่พอแจงบัญชี กลับมีกันคนละหลายสิบล้าน? ตอบชาวบ้านได้มั้ย…..
ลำพังเงินเดือน ต่อให้ไม่กิน-ไม่ใช้ ก็ยังไม่มากขนาดนั้น แล้วที่มีกัน มันมาจากไหน?
“หล่ม” ของประเทศไทยคือ “ประชาธิปไตยโจร”
ที่บ้านเมืองเราไปไหนไม่ได้ เพราะ “สังคมประเทศ” ยังขึ้นไม่ได้จากหล่มนั่นแหละ!
“ครูถือไม้เรียว” เด็กยุคก่อน แม้เหลว แต่ไม่ถึงขั้นเลว
แต่ยุคครูต้องเคารพนักเรียน เด็กไม่เหลว แต่เป็นนักเรียนเลวไปเลย!
“ประชาธิปไตย” ก็ทำนองนั้น “เต็มใบ” มันก็ “เต็มคำ”
ก็ต้อง “ประชาธิปไตยไม้เรียว” คือเผด็จการคุณธรรม ถึงจะสอดคล้องลักษณะสังคม ฉุดประเทศชาติขึ้นจากหล่มได้
คนไทยเนี่ย เข้าใจยาก..ก็ยาก จะว่าง่าย ก็ง่าย
เพราะคนไทย เป็นพันธุ์ “กระท้อน”
“ไม่ทุบ” ก็จะ “ไม่หวาน!
เปลว สีเงิน
๒๙ มกราคม ๒๕๖๗
