สันต์ สะตอแมน
นอกจาก..“คลั่งชาติ” ที่หลุดจากปาก คุณภูมิธรรม เวชชยชัย แล้ว..
“เรื่องนี้ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย แต่ไม่ทราบว่าเจตจำนง หรือความสัปดนทางจิตใจของใคร เพราะเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงทางกฎหมาย และข้อตกลงระหว่างสยามกับฝรั่งเศสชัดเจนอยู่แล้ว แล้ว
เราก็ปกครอง ครอบครองเกาะกูดมาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เรามีอำเภอ มีนายอำเภอ ที่สำคัญผมก็ไม่เคยได้ยินว่า ทางฝ่ายฮุนเซนยกกองทัพมายึดเกาะกูด”
“เรื่องนี้เป็นความเลวร้ายของคนที่เอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง มาเป็นประเด็นทางการเมืองให้ได้ ทั้งๆ ที่ข้อตกลงชัดเจน
ถ้าพรรคการเมือง นักการเมืองบางคนที่คิดวิปริตไม่ยอมรับข้อเท็จจริงอันนี้ก็ช่วยไม่ได้”
ก็..เป็นอีกสำนวนจากปาก คุณกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่พูดถึงเกาะกูด และ MOU 44
ซึ่งไม่รู้ว่าจะหมายถึงใคร-พรรคการเมือง สส.ท่านไหน แต่หากคนที่พูด-วิจารณ์เรื่องเกาะกูด และ MOU 44 จะถูกมอง เป็น พวกสัปดนทางจิตใจ เป็นคนคิดวิปริต หรือเลวร้าย..
ผมเห็นว่าน่าจะมีอยู่มากมายก่ายกองจนนับหัว-นับจำนวนกันไม่ถูก-ไม่ครบ!
กระนั้น ก็ไม่ต้องขนกันมาเป็นกองทัพ ถ้าเผื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งช่องใด หรือพิธีกรข่าวใครสักคน จะได้เชิญให้มาเผชิญหน้ากับคุณกษิตเพื่อดีเบตกันในเรื่องนี้
เชื่อว่า..พล.ท.นันทเดช ก็ดี คุณหมอวรงค์ก็ดี คุณคำนูณ สิทธิสมานก็ดี คุณสมชาย แสวงการก็ดี คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็ดี รวมทั้งคุณจตุพร พรหมพันธุ์ น่าจะยินดีรับคำ..
ไปนั่งถก-นั่งอภิปรายกันด้วยเหตุด้วยผลและข้อมูล-ข้อเท็จจริง และใครกันแน่ที่สัปดนทางจิตใจ คิดวิปริต เลวร้าย ประชาชน-สังคมก็จะได้รู้-ได้เห็นเป็นประจักษ์..
หรือถ้าคุณกษิตจะชวนคุณเต้น ณัฐวุฒิไปเป็นเพื่อน ก็เห็นจะไม่มีใครเกี่ยง!
เอ้า..ส่วนเรื่องนี้ ใครจะมอง-จะว่าไงก็ช่าง สำหรับผมขออยู่ข้าง คุณดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา ก็แล้วกัน
ก็ที่ท่านได้โพสต์ข้อความหลายวันมาแล้ว ว่า..“อดีตสว.อภิปรายนอกสภา”
กรณีมติ ครม.29 ต.ค.67 “ไฟเขียวให้สัญชาติไทย 483,000 คน ส่งต่อมหาดไทย ประกาศบังคับใช้ ไม่เกิน 60 วัน เชื่อทุกส่วนได้ประโยชน์”
ผมไม่แน่ใจว่าคนไทยและประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรเพิ่มเติมจากปัจจุบันบ้าง?
แต่คนต่างด้าวเกือบ 5 แสนคนกับครอบครัวที่มาก่อน รวมลูกหลานที่จะเกิดและตามมาอีกคงเป็นล้านหรือหลายล้านคนที่จะได้สิทธิประโยชน์ของคนไทยทุกประการเพิ่มจากที่ไม่เคยมี
คงชื่นชอบและจงรักภักดีต่อพรรครัฐบาลที่ผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ เกิดประโยชน์กับพรรครัฐบาลแน่นอน
1.สิทธิทางการเมือง -เลือกตั้งและลงคะแนนเสียงในระดับชาติและท้องถิ่นได้ -เข้ารับเลือกเป็นผู้แทนหรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ -เป็นสมาชิกและจัดตั้งพรรคการเมืองได้
-เข้าชื่อเสนอหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้ -ร่วมออกเสียงประชามติได้
-ใช้สิทธิและเสรีภาพในทางสาธารณะและยื่นคำร้องต่อศาลและองค์กรอิสระเพื่อปกป้องสิทธิหรือตรวจสอบผู้ใช้อำนาจในสถาบันหลักและองค์กรของรัฐตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้
2.สิทธิทางการศึกษา -ได้รับการศึกษาภาคบังคับฟรี และมีโอกาสเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาของรัฐ
3.สิทธิด้านสาธารณสุข -รับการรักษาพยาบาลฟรีหรือในราคาที่ถูกลงผ่านระบบบัตรทองและประกันสังคม
4.สิทธิในที่อยู่อาศัยและที่ดิน -สามารถครอบครองที่ดินและทรัพย์สินตามกฎหมาย รวมถึงมีสิทธิสมัครโครงการบ้านราคาถูก
5.สิทธิตามกฎหมายแรงงาน-ได้รับความคุ้มครองค่าแรงขั้นต่ำ วันหยุด การประกันสังคม การจัดตั้งและเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน
ขอถามว่า “รัฐบาลมีเหตุผลความจำเป็น ความได้สัดส่วน และความคุ้มค่าของนโยบายเรื่องนี้ อย่างรอบคอบในแต่ละด้าน
โดยได้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ทางการเมืองของพรรคแล้วจริงหรือ?
และเหตุใดไม่ให้สัญชาติไทยภายใต้เงื่อนไขและกระบวนการตามกฎหมายว่าด้วยการแปลงสัญชาติไทยที่มีอยู่โดยไม่ต้องมีมติ ครม.ครั้งนี้?”
ตอบซิตอบ..แพทองธาร!