ผักกาดหอม
นานๆ ทีถึงจะได้เปิดใช้
บ้านพิษณุโลกครับ
วานนี้ (๒๖ กันยายน) “มาดามแพ” นำทีมที่ปรึกษา ๕ อรหันต์ทองคำ เปิดบ้านพิษณุโลก ประชุมเรื่องการบ้านการเมือง
พันศักดิ์ วิญญรัตน์
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ธงทอง จันทรางศุ
พงศ์เทพ เทพกาญจนา
มีหมอมิ้ง พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย
ขาด “บิ๊กอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย” ไม่งั้นครบทีมกุนซือที่ทักษิณ ชินวัตร เคยใช้บริการมาก่อน จนเกิดตำนานต่างๆ มากมาย
มองโลกในแง่ดี นับว่าเป็นความพยายามที่จะให้กรอบความคิดของรัฐบาลแพทองธารถูกเข็นออกมาอย่างเป็นระบบมากขึ้น หลังจากเสียศูนย์ไปเยอะพอควร
ทั้งๆ ที่เพิ่งจะบริหารประเทศได้แค่ ๒ สัปดาห์
มองอีกมุม มันคือความจำเป็นอย่างยิ่งยวด
เพราะความรู้ ความสามารถของ “มาดามแพ” นั้น ห่างไกลกับตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นอย่างมากเหลือเกิน
หากไม่มีทีมที่ปรึกษาที่พ่อไว้ใจได้มาช่วยดูแล โอกาสที่รัฐบาลจะพินาศในระยะเวลาอันสั้นนั้นมีความเป็นไปได้สูงมาก
ทิศทางรัฐบาลเพื่อไทยสะเปะสะปะมาตั้งแต่ยุคนายกฯ เศรษฐา นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคือตัวอย่างของการมั่วไปทำไป
จาก บิตคอยน์ โทเคน เหรียญดิจิทัล ฯลฯ มาเป็นแจกเงินสด ล้วนมาจากความไม่พร้อมในแง่ความคิด จนหาบทสรุปไม่ได้
ล่าสุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา พอสืบสาวราวเรื่องกันจริงๆ ก็โยนกันมั่ว โทษเป็นความคิดพรรคการเมืองอื่น
สะท้อนว่าคุณภาพของคนที่มีอยู่มันย่ำแย่ จนสามารถส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคตอันใกล้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ฉะนั้นจากนี้ไปต้องจับตามองบทบาทของทีมที่ปรึกษาชุดนี้
ถ้าจะตั้งชื่อให้สวยหรู ก็ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เหมือนยุครัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
ยุคนั้นนำเสนอนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า
ยุคมาดามแพ จะนำเสนออะไร?
โชคดีของรัฐบาลน้าชาติคาบช้อนเงินช้อนทอง เข้ามาบริหารประเทศต่อจากรัฐบาลป๋าเปรมที่สร้างความโชติช่วงชัชวาลให้กับประเทศไทย เป็นพื้นฐานให้รัฐบาลน้าชาติได้เก็บเกี่ยว
โดยเฉพาะ โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด
แต่สุดท้ายก็จบไม่สวยนัก
เกิดรัฐประหารปี ๒๕๓๔ โดยคณะรักษาความเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกตกเป็นจำเลยของคณะรัฐประหาร มีการระบุสาเหตุที่ต้องยึดอำนาจว่า คณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกร่วมกับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี หลอกลวงประชาชนว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ทั้งที่เป็นเผด็จการรัฐสภา
และบุฟเฟต์คาบิเนต โกงแหลกไม่อิ่มไม่เลิก!
ครับ…นั่นคือเรื่องราวในอดีต การรัฐประหารของกองทัพมักจะมาคู่กับการคอร์รัปชัน เจือสมกันไป แล้วแต่ฝ่ายไหนจะหยิบยกมาอธิบายเพื่อความชอบธรรมของตนเอง
แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และไม่อาจปฏิเสธได้คือ คอร์รัปชันโดยนักการเมืองไทยยังคงเป็นสาเหตุให้กองทัพทำรัฐประหาร
ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ภาค ๒ ก็ดูภาคแรกไว้ แล้วอย่าทำตาม
“พันศักดิ์ วิญญรัตน์” น่าจะมีบทเรียนมากกว่าใครเพื่อน เพราะเป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ภาคแรก
ฉะนั้นอย่าให้จบ แบบที่จบเมื่อปี ๒๕๓๔ เป็นอันพอ
แล้วทีมที่ปรึกษาใหญ่ของ “มาดามแพ” คุยอะไรกัน
“หมอเลี้ยบ-สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” แถลงไขเรื่องนี้
ที่ปรึกษาทั้ง ๕ คน มีประสบการณ์ทำงานทั้งนโยบายและการขับเคลื่อนกิจการต่างๆ ในอดีต ดังนั้นจะให้คำเสนอแนะไม่จำกัดเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญ แต่จะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ
“ธงทอง จันทรางศุ” สนใจการปฏิรูประบบราชการ
“พงศ์เทพ เทพกาญจนา” เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน ก็จะช่วยดูกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ
“ศุภวุฒิ สายเชื้อ” มีความถนัดด้านเศรษฐกิจ สนใจนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ
“พันศักดิ์ วิญญรัตน์” มีประสบการณ์การเมืองมาก เสนอแนะนโยบายหลายนายกฯ มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอี
สำหรับตนเองทำงานเชิงสาธารณสุข และซอฟต์พาวเวอร์
ที่ปรึกษาทั้ง ๕ คน ยังเน้นเรื่องการรวมความรู้จากภาครัฐ ภาคเอกชน ดังนั้น หลังจากนี้บ้านพิษณุโลกจะใช้เป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนมาประชุมหารือกัน เพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป
นี่คือซูเปอร์บอร์ด
เผลอๆ ใหญ่กว่าคณะรัฐมนตรี เพราะจะเป็นผู้กำหนดทิศทางการบริหารประเทศของรัฐบาล
รัฐบาลแพทองธารโชคดีไม่แพ้รัฐบาลน้าชาติ เข้ามาบริหารประเทศหลังรัฐบาลประยุทธ์สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศไว้มากมาย
โดยเฉพาะ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ต่อยอดจากอีสเทิร์นซีบอร์ด
“มาดามแพ” แถลงนโยบาย จะยกระดับนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศไทย ก็ EEC นี่แหละครับรองรับไว้แล้ว
เหลือแค่รัฐบาลนี้ผลักดันต่อ ยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศให้ได้
หมดยุคทอเสื่อทอผ้าแล้วครับ
ที่สำคัญท่องให้ขึ้นใจ ทำเพื่อประชาชน
หากไปสุมหัวที่บ้านพิษณุโลกเพื่อรับใช้นายใหญ่เป็นหลัก ก็ระวังไว้ ประวัติศาสตร์มีให้เห็นแล้ว
อย่าเด็ดขาดนะครับ ชื่อทีมบ้านพิษณุโลก อย่าทำตัวเป็นคนรับใช้บ้านจันทร์ส่องหล้า