ผักกาดหอม
จบแล้วครับ!
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยคะแนน ๕ ต่อ ๔ เสียง ให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการเฉพาะตัว
หมายความว่า พ้นตำแหน่งในทันที
เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
หลังจากนี้ สส.จำนวน ๕๐๐ คนต้องโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่
ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
เป็นคำถามที่แทบทุกคนอยากรู้
บางสำนักข่าวบอกว่ามี ๕ คนที่อยู่ในข่าย
บางสำนักบอกว่า ๖
หากนับตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แท้จริงจะมี ๗ คน พรรคเพื่อไทย ๒ คน คือ แพทองธาร ชินวัตร และ ชัยเกษม นิติสิริ
พรรคภูมิใจไทย มี ๑ คน อนุทิน ชาญวีรกูล
พรรคพลังประชารัฐ มี ๑ คน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พรรคประชาธิปัตย์ มี ๑ คน คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
พรรครวมไทยสร้างชาติ มี ๒ คน คือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นองคมนตรี แต่ยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ก็มีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้เช่นกัน
เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อปี ๒๕๔๙ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็เคยพ้นจากตำแหน่งองคมนตรี เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาแล้ว
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ ณ วันนี้ยังไม่มีใครตอบได้
แต่สถานการณ์ในปัจจุบันการเลือกนายกฯ คนใหม่ ไม่อาจรีรอได้ เพราะมีสารพันปัญหารอแก้ไขอยู่ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
โครงสร้างรัฐบาลใหม่น่าจะยังคงยึดโครงสร้างเดิม คือ ๑๑ พรรค ๓๑๔ เสียง
แต่คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“นักโทษชายทักษิณ” ที่ว่ากันว่าเป็นผู้คุมอำนาจที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทย จะตัดสินใจส่งลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ในสถานการณ์ทางการเมืองที่สุ่มเสี่ยงเช่นนี้หรือไม่
หรือ “นักโทษชายทักษิณ” ยังเป็นผู้ที่คุมเกมทั้งหมดอยู่หรือไม่
การที่ “เศรษฐา” ไม่รอด สะท้อนการเมืองหลายสถานการณ์ทางการเมือง หนึ่งในนั้นเป็นการอธิบายถึงสถานะที่แท้จริงของ “นักโทษชายทักษิณ”
ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จึงมีเหตุปัจจัยให้ต้องพูดถึงมากกว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยปกติทั่วไป
เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกรัฐมนตรี จะไม่ได้มาจากพรรคอันดับ ๑
ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๘ พรรคประชาธิปัตย์ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับหนึ่ง แต่ที่สุดก็รวมเสียงตั้งรัฐบาลไม่ได้
เปิดโอกาสให้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ที่มี สส.เพียง ๑๘ ที่นั่ง เป็นแกนนำจัดตั้งพรรคตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
แต่รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ทำงานได้ไม่ถึง ๑ ปีก็ต้องยุบสภา เพราะปัญหารุมเร้าร้อยแปดพันเก้า
ชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ดูจะแรงขึ้นมา
แต่ก็ไม่ง่าย เพราะการเมืองในบริบทปัจจุบัน แตกต่างจากการเมืองปี ๒๕๑๘ อย่างสิ้นเชิง
การที่พรรคเพื่อไทยจะสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้พรรคภูมิใจไทย คงต้องอธิบายเหตุผลกับ สส.และมวลชนพรรคเยอะพอควร
เพื่อไม่ให้มีคลื่นใต้น้ำ
ซึ่งไม่ง่ายเลย
แต่การส่ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลานี้ อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดซ้ำสองของ “นักโทษชายทักษิณ” ที่เคยส่ง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกฯ แล้วจบไม่สวย
ครับ…แม้สุ้มเสียงจากพรรคเพื่อไทย ยืนยันส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคที่มีอยู่อีก ๒ คน ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ ฝุ่นยังตลบ ยังไม่อาจสรุปได้
แล้วทำไมชื่อของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ถึงโผล่มา
หลากหลายปัจจัยที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ไปต่อไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือนโยบายของรัฐบาล
โดยเฉพาะ นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต
การเปลี่ยนพรรคหลักในการตั้งรัฐบาล จะหมายถึงการเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลด้วย
ทำไมพรรคภูมิใจไทยถึงแถลงไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายกาสิโนของพรรคเพื่อไทย ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีถอดถอนนายกฯ เพียงวันเดียว
มีการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่
มองลึกลงไป นโยบายกัญชา ที่พรรคเพื่อไทยพยายามจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด สุดท้ายต้องยอมพรรคภูมิใจไทย ให้ออกกฎหมายควบคุมกัญชาแทน
ดูเหมือนพรรคภูมิใจไทยมีอำนาจต่อรองสูงพอควร
ฉะนั้นการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” จึงอาจเป็นการปรับทัพของฝั่งรัฐบาลเสียใหม่
ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ตัวบุคคล
แต่เปลี่ยนนโยบายด้วย
หากมองโจทย์การเมืองบนพื้นฐานดีลลับเพื่อสกัดพรรคส้ม ก็ยิ่งมีความจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่หมด
๑ ปี รัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การควบคุม และครอบงำ ของ “นักโทษชายทักษิณ” นอกจากไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ยังสร้างแนวร่วมมุมกลับให้พรรคส้มมากมาย
การก้าวขึ้นมาของ “อุ๊งอิ๊ง” หรือ “ชัยเกษม” ยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
และอาจต้องทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าหายนะรออยู่ข้างหน้า
แต่การเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลจากต่างพรรค สามารถอธิบายถึงความจำเป็นในการเลิกนโยบายนี้ได้ง่ายกว่า
ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังหมาดๆ เกี่ยวกับอนาคตโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็พอเดาออกครับว่า แนวโน้มจะเดินไปอย่างไรต่อ
“…คงต้องรอมติทางพรรคก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีการฟอร์มรัฐบาลในรูปแบบใด พรรคใดจะเป็นแกนนำ ยังตอบอะไรไม่ได้เลย
และขั้นตอนของทางพรรคที่จะยืนยันว่าจะมีการนำนโยบายใดไปหารือกับพรรคร่วมที่จะเกิดขึ้น หากรัฐบาลใหม่มีเพื่อไทยอยู่ด้วย แต่ถ้าไม่มีทุกอย่างก็จบไป ก็แค่นั้น
แต่ถ้ามีเพื่อไทยอยู่ด้วยก็ต้องไปหารือกัน มองว่าตรงนี้เป็นขั้นตอนตามปกติ…”
นายกรัฐมนตรีคนใหม่จึงไม่ได้มาจากเงื่อนไข ต้องเป็นพรรคที่มี สส.มากเป็นลำดับที่ ๑ อย่างเดียว
แต่ต้องมาบนเงื่อนไขการจัดทัพใหม่
นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นใคร
หญิง หรือ ชาย
ไม่กี่วันรู้ครับ
เพราะรัฐบาลใหม่จะตั้งเร็วกว่าปกติ