โควิด-๑๙ “ภาคนรก-สวรรค์”

มันเป็นของมันเช่นนี้เอง
พวกเราทุกคน……
อย่าตกใจจน “สติแตก” ตื่นเตลิดหนีโควิดไปคนละทิศ-ละทางแบบเรือ “หางเสือหลุด” เช่นนี้เลยนอกจากไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองแล้ว ยังจะเป็นผลร้ายกับสถานการณ์รวมยิ่งขึ้นไปอีก
ยามมีภัย ไม่ว่าภัยอะไร-แบบไหน อาวุธใช้รับมือดีที่สุด และควรต้องมี คือ “สติ”

ใจจดจ่อ นิ่ง…อยู่กับที่ก่อน
“ตา-หู มองและฟังรอบๆ แล้วประมวลทุกสิ่งที่ตาเห็น-หูได้ยิน ด้วย “วิจารณญาน”
คือวินิจฉัย, ใคร่ครวญ, ชั่งตรองสถานการณ์ตรงหน้าและรอบๆ ตัว แยกผิด, แยกถูก ด้วยเหตุและผล
ไม่ต้องตื่นตามใคร…….

ตามที่เราตื่นรู้ด้วยสติ และวิจารณาญานอันตัวเราใคร่ครวญรอบด้านดีแล้วนั่นแหละ เป็น “เข็มชี้ทิศ”
รัฐบาลเขามีมาตรการอะไร ก็ฟังและทำตามเขา

รัฐบาลเขาขอความร่วมมืออะไร ก็ให้ความร่วมเขา
แบบนี้ จะรอดจากโควิด โลกและเศรษฐกิจ ไม่สามารถกระโชกชีวิตให้คว่ำได้แน่นอน!

“โควิด” ไม่ทำให้พวกเราทุกคนตายได้หรอก
แต่การท้าทาย ทุกมาตรการที่รัฐห้าม นั่นแหละ จะพากันตายหมด

เขาให้อยู่กับบ้าน กูก็จะออกไปสุมกัน
เขาไม่ให้ไปนั่งกินตามร้าน กูก็จะไปจับกลุ่มนั่งตามถนน ตามหาด ปาร์ตี้กันตามบ้าน

เขาให้งดการเคลื่อนย้ายไปต่างจังหวัด กูก็จะแห่กันไปขึ้นรถเมล์, รถไฟ สุมอยู่ตามสถานี หัวก่ายเหมือนปลาวิดหนอง

เขาให้กักตัวอยู่กับที่ ๑๔ วัน กูไม่กัก เพราะเส้นกูใหญ่ กูจะไปลั้นลา ใครจะทำไม

คงไม่เฉพาะกับคนไทยหรอก เท่าที่ฟังและดู มนุษย์ทั้งโลกเหมือนกันหมด ดัดอื่นหมื่นแสนพอดัดได้ ดัดนิสัยนี้ใครจะดัด?

ทั้งไทย ทั้งฝรั่ง ทั้งจีน ในสถานการณ์โควิด จึงเห็นคนดื้อเอาแต่ใจตัวเอง

รัฐบาลออกมาตรการอะไรก็ไม่ร่วมมือ ระบาดจึงลามลุกและตายแบบไม่สมควรตายมากมาย เช่นที่อิตาลี

ก็ไม่รู้จะคุย-จะเขียนอะไร…….
ในเมื่อบ้านเรา เสาร์ ๒๑ มีนา. ป่วยโควิด ๘๙ คน
รุ่งขึ้น อาทิตย์ ๒๒ มีนา.เพิ่มกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ ป่วย ๑๘๘ คน
ยอดรวม ณ ๒๒ มีนา. ไทยเราป่วยโควิด ๕๙๙ คน!

ถามว่าน่าตกใจมั้ย?
เห็นตัวเลข ก็น่าตกใจ แต่ถ้าสติตรองตามเหตุ-ตามผล ไม่น่าตกใจ เป็นเรื่องคาดคำนวณได้อยู่แล้ว นับจากเริ่มพบระบาดและเรารับรู้กันแบบหลวมๆ

เมื่อมันผ่านไปแล้ว อย่าย้อนไปเอาสิ่งที่ผ่านมาโทษใครเลย ไม่เพียงเรา คนทั้งโลกแหละ เหมือนตอนเด็กที่ “ไม่รู้จักไฟ”
เมื่อไม่รู้จัก ทุกคนก็อยาก “เล่นกับไฟ”

โควิด-๑๙ ก็เช่นนั้น เป็นของใหม่ บอกเท่าไหร่ เตือนยังไง ก็เฉยๆ อยากจับไฟเล่นกัน
ถึงตอนนี้ก็เหอะ ที่รู้ว่าไฟมันร้อนก็มี ที่ยังอยาก “เล่นกับไฟ” เพราะไร้เดียงสาก็มาก

ฉะนั้น ก็เห็นใจนายกฯประยุทธ์ และอยากบอกว่า อย่าเครียดเกินเหตุ และอย่าโทษตัวเอง
ท่านทำมาดีแล้ว…….
สถานการณ์นี้ ประเทศชาติ ประชาชน “แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์” ทุกคน
ต้องการผู้นำเข้มแข็ง ผู้นำจิตเหนือสถานการณ์รุมเร้า
ธงนำต้องชูเด่นตลอด

“ทุกทิศ” ทั้งคนหลงทางและไม่หลง เมื่อเหลียวมอง
ต้องได้เห็น “ธงนำ” บอกทิศรอด!

เวลานี้ ไม่ใช่เวลาเช็คโซเชียล เช็คทวิตเตอร์ ใครโพสต์ชม-โพสต์ด่า ว่าอย่างไร?
ช่างแม่ง…..ใครจะด่า จะถาง จะถาก จะเห่า จะหอน ก็ช่างมัน เรื่องสำคัญ คือเรื่อง “คุมทิศ-คุมกระแส” การตื่นของคนให้สงบ

โควิด มันชอบการตื่นของคนแล้วไหลไปรวมกัน!

ดังนั้น จะปราบโควิดให้สิ้นฤทธิ์
ต้องสยบการตื่นให้ได้
สยบที่ดีที่สุด คือการการสยบพวกชอบ “แหกมาตรการ” ให้เห็นชนิด “เฉียบขาด” ซักราย สองรายก่อน
ไม่เช่นนั้น จุดพีคโควิด ที่เพาะตัวแต่ปลายกุมภา. ถึงสิ้นเดือนมีนา.ที่ประเมินว่า จะบานทะโรค ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ คน นั้น
ก็น่าจะกว่า!

ยิ่งมาตรการเข้มใน กทม.๒๒ วัน จาก ๒๒ มีค.-๑๒ เมย.หวังให้คนอยู่กับที่ กลายเป็นผลักคนให้ทะลัก-ทะลาย ออกไปต่างจังหวัด
เผลอๆ ปลายเมย.-ต้นพค.เรตติ้งระดับหมื่น มีหวัง!

แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่คางเหลือง ไม่ถึงตาย คิดในมุมบวกซะว่า นี่เป็นวิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้กลุ่มพลังงานสร้างชาติกรายๆ

กระจุก “อุดอู้” อยู่ในกรุง มันเสี่ยง
ต่างจังหวัด อากาศร้อน โควิดตายหมด พื้นสภาพโล่ง-โปร่งสบาย ทำให้ผู้คนแข็งแรง สุขภาพจิตดี

ไปแล้ว ลงไร่ ลงหนอง คลุก ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ เท่ากับ “สร้างสมดุล” ให้ร่างกายเกิดภูมิต้านโรคตามธรรมชาติ

เมื่อแข็งแรง มีภูมิ โควิดเห็นก็จะไม่กินปอด “นับญาติ” กันไปเลย!
อันที่จริงนะ มาตรการ “งับประตู” กรุงเทพฯ ของกทม.ถ้าไม่ใช้คำว่า ปิดห้าง ปิดตลาด-ร้านค้า ในประกาศ คนจะไม่แตกตื่นไปตุนของ หรือเตลิดออกต่างจังหวัดแบบทะลักไปกระจุกตัวกัน
อย่าง “ปิดห้างสรรพสินค้า” ที่ให้เปิดเฉพาะบางแผนก ก็ไม่ใช้คำว่า “ปิด” แต่จะใช้คำว่า…..
“เปิดห้างสรรพสินค้า” เฉพาะแผนกอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต
นี่…คนจะไม่ตื่น!

เมื่อใช้คำว่า “ปิดห้าง” นำประโยค คนเลยตื่นก่อนตามสัญชาติญานตอบสนองสิ่งเร้า
ถ้าใช้คำว่า “เปิด” นำ ฟังแล้วศึกษารายละเอียด อย่างดีก็ คว้ามือถือมาจิ้มๆๆๆๆ ด่าแม่งรัฐบาลตามเทรนด์ “คนรุ่นใหม่ต้องถ่อย” ซะหน่อย!

เหตุการณ์โควิดในทัศนคติผมนะ……
อยากย้อนถามทุกคนก่อนว่า ในปัญหาขัดแย้งโลกเชิงอำนาจคุมโลก และปัญหาเศรษฐกิจทุนที่ถึงทางตัน อย่างที่เห็น
จะแก้กันยังไง และจะเอาอะไรมาแก้?

สหรัฐฯ “เจ้าโลก” พิมพ์ดอลลาร์เองตามใจชอบชนิดหามรุ่ง-หามค่ำ ไม่มีวันหยุดออกมาถมโลก เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีมาแล้ว
เศรษฐกิจการค้า-การเงิน-การคลัง มีของใคร ประเทศไหน ดีขึ้นบ้าง?
น้ำมัน จากบาร์เรลละ ๑๒๐-๑๓๐ เหรียญ วันนี้เหลือบาร์เรลละ ๒๐ เหรียญ
ต้นทุนถูก แล้วทำให้ใครฟื้น

เศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง นอกจากแข่งกันฉิบหาย อยู่ที่ว่าใครดำน้ำอึดกว่ากัน
จลาจล วุ่นวาย ปฏิวัติ บุกยึด ยุให้ยึด เข่นฆ่ากันทั้งโลก ถามว่า ทั้งสหรัฐ ยุโรป จีน รัสเซีย แล้วมีใครสยบยอมใคร ได้ชื่อเป็นผู้ชนะมั้ย?

ลงท้าย ก็พูดและเพ่งเล็งไปทางเดียวกันว่า “สงครามโลกครั้งที่ ๓” เท่านั้น จะทำให้ความสูง-ความต่ำ, ความจน-ความรวย, ของคนทั้งโลก
ถูกเซตลงมาตั้งต้นใหม่ที่ไมล์ 0!

สงครามอาวุธเท่านั้น จะเป็นตัวแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การเงิน ที่สะสมเกินสาง “สงครามล้างทั้งหมด”

ให้มีกล้วย ๑ ใบ เท่ากับชีวิต
ไม่ใช่ทองคำ ๑ แท่ง พันธบัตร ๑ เข่ง ดอลลาร์ ๑ กระสอบ เท่ากับชีวิต
แต่แล้ว ในที่สุุด ที่ดับอหังการมนุษย์ทั้งหมด-ทั้งมวล ไม่ใช่สงคราม หากคือ “กำหนดฟ้า-ชะตาดิน” ที่เรียก”ธรรมชาติ”

ธรรมชาติ ถ้ามนุษย์แบ่งกิน-แบ่งใช้-แบ่งอยู่ โดยไม่โลภ มีพอเพียงกับมนุษย์ทุกคน จะไม่เกิดปัญหา
ธรรมชาติ มอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ให้ มอบข้าว มอบน้ำให้ มอบผืนดิน มอบป่า มอบภูเขา มอบทะเลให้

กระทั่งความรัก ความโอบเอื้อในมวลหมู่มนุษย์ด้วยกัน ธรรมชาติก็ให้
แต่เมื่อมีมนุษย์พยายามครอบครองสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ทุกคนไปเพื่อตนโดยเฉพาะ

สงครามอาวุธ “ไม่ใช่ธรรมชาติ”
“โควิด-๑๙” นี่ตะหาก คือ เครื่องมือที่ธรรมชาติส่งมาให้เอาธรรมชาติที่มนุษย์โลภกอบโกยไปคืนมา
เห็นมั้ย ไม่ว่าเล็ก-ใหญ่ สหรัฐ-ยุโรป-จีน โควิดมา มีใครหือขึ้่นบ้างล่ะ?
โลกนี้ เป็น “วัฏฏะ”
วัฏฏะ คือ วงกลมของ “กิเสล-กรรม-วิบาก” ซึ่งทั้ง ๓ นี้ ต่างเป็น “เหตุและผล” หมุนเป็นวงกลมแห่งปัจจัยเกื้อให้เกิดต่อๆ

“เกิดดี-เกิดเลว” กันมาจนเลยเถิด ไร้จุดจบ
ถึงคราวธรรมชาติส่งโควิดมากวาดล้างแล้ว ไม่เพียงไทย หากแต่ โควิดจะ “กวาดเลว-ละโมภ” ทั้งโลก
มาตั้งต้นที่ 0 กันใหม่!
“ไม่มีใครชนะธรรมชาติ”………..

“นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา” (กฤษณาสอนน้องคำฉันท์)

ก็นี่แหละ ที่จะรอดและคงอยู่ ไม่ถูกเครื่องมือธรรมชาติกวาดล้างครั้งนี้
สำหรับไทยเรา ซักหมื่นก็หยุดอยู่ คงไม่ถึงล้าน ในวิกฤติโควิดมาล้างส่วนเกินสังคมโลก

ฉะนั้น ใครกาย-จิต “โสโครก” จงระวัง!

Written By
More from plew
“รัฐบาล-สภา” อยู่ไปทำไม?
เปลว สีเงิน จบ….. นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะเหลือแค่ยาสีฟัน “เทพไท” เท่านั้น ปรากฏชื่อในท้องตลาด ส่วนคนชื่อ “เทพไท เสนพงศ์” จะไม่ปรากฏชื่อทั้งในท้องตลาดการเมืองและการเลือกตั้ง...
Read More
0 replies on “โควิด-๑๙ “ภาคนรก-สวรรค์””