คลัง เผย 2 มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน

กระทรวงการคลัง โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกับ เลขา ก.ล.ต. และ กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผย “มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน” เมื่อ 24 มิถุนายน 2567 มี 2 มาตรการสำคัญ คือ

1.การปรับเงื่อนไขกองทุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีในปัจจุบันคือ ThaiESG ให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการส่งเสริมให้เกิดการออม ผ่านการลงทุนในตลาดทุน ด้วยการขยายวงเงินขอลดหย่อนภาษีเงินได้ เป็นสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท และปรับลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ จากเดิม 8 ปี และเพิ่มประเภทหุ้นยั่งยืนที่ ThaiESG สามารถเข้าไปลงทุนได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนหุ้นอีกราว 200 หุ้น จากเงื่อนไขเดิมที่มีจำนวนหุ้นราว 128 หุ้น ขั้นตอนต่อไปคือ ศึกษาเพิ่มเติมและนำกลับมาเสนอ ครม.ภายใน 2 สัปดาห์ และอาจมีผลย้อนหลังถึง 1 มกราคม 2567 โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น เพิ่มทางเลือกการออมให้ประชาชนที่อายุน้อย มีอาชีพอิสระ ผู้ลงทุนกลุ่มเกษียณที่ลงทุนกองทุนอื่นไม่เต็มจำนวน และดึงดูดนักลงทุนใหม่ๆ

2.ฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์ ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด คาดว่าจะสรุปได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยที่ผ่านมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงพอต่อความจำหน่าย เดิมประชาชนทั่วไปจะต้องมาลงทุน ผ่านหน่วย ก (สำหรับประชาชนทั่วไป) ที่มีรายละเอียด คือ

– ได้รับผลตอบแทนตามจริงโดยมีขั้นต่ำต่อปี/ขั้นสูงต่อปี เป็นเวลา 10 ปี
– ได้รับชำระคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหน่วย ข (สำหรับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่น) ตามแนวชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น waterfall (ขั้นต่ำของผลตอบแทนการลงทุน)

แนวคิดการดำเนินการยังอยู่ในรูปแบบเดิม คือ มีการประกันขั้นต่ำของผลตอบแทน เช่น ประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% เป็นต้น หากผลตอบแทนต่ำกว่านั้น ก็ยังได้รับผลตอบแทนที่ 3%

นายพิชัย กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่สามารถตอบสนองให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย วิ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,800 จุด ตามที่คาดหวังไว้ได้ เนื่องจากประเทศอยู่ในช่วงที่พึ่งผ่านพ้นสถานการณ์กดดันหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบโควิด-19 เรื่องการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงนาน ภาวะเศรษฐกิจไทยย้อนหลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) เติบโตเฉลี่ยเพียง 0.4% และหากย้อนหลังไปก่อนหน้านั้นอีกประมาณ 5 ปี (ช่วงก่อนโควิด) ภาวะเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ย 3% ปี 2566 เศรษฐกิจไทยเติบโต 1.9%

ในปี2567 นี้ การท่องเที่ยวฟื้นตัวดีมาก ภาคส่งออกที่มีผลต่อการบริโภค (Comsumption) ค่อนข้างสูง คาดว่าเศรษฐกิจทั้งปี 2567 จะเติบโตระหว่าง 2.4-2.5% และอาจจะเร่งการเติบโตขึ้นไปใกล้ ๆ ระดับ 3% หรือที่ระดับ 3% ได้

Written By
More from pp
‘เอส แอนด์ พี’ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 มีกำไรเพิ่มขึ้น 24.5% พร้อมจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น และ Warrant
บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 มีกำไรเพิ่มขึ้น 24.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน...
Read More
0 replies on “คลัง เผย 2 มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน”