สันต์ สะตอแมน
“ซอฟต์พาวเวอร์ขอส่วนบุญ”!
เออ..มันก็จริงของคุณตั้ม-พิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท.-เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย เขานะ!
เรื่องอะไรน่ะหรือ? อ่านที่คุณตั้มโพสต์เลย.. “แพทองธารบันเทิงศิลป์ “อุ๊งอิ๊ง” ไปเยี่ยมคณะหมอลำ คณะหนึ่งแล้วบอกว่าจะผลักดันเป็นซอฟต์พาวเวอร์หมอลำ
ไปดูมวยก็ประกาศผลักซอฟต์พาวเวอร์มวยไทย ไปอาศัยแต่ความสำเร็จของคนอื่น ไม่เคยสร้างอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แบบนี้เขาเรียกว่า ซอฟต์พาวเวอร์ขอส่วนบุญ”
เฮ้ออ..พูดอะไรทีก็มีแต่คนคอยดักคอ-ขัดคอ หรือไม่ก็โดนถากถาง หยามหยันเยาะ แต่จะให้สงสารนะรึ บอกตามตรงสงสารไม่ลง จะให้สมน้ำหน้ารึ ก็ดูจะเป็นการซ้ำเติม-รุนแรงไป
เอาเป็นว่า..อุ๊งอิ๊งเอ้ย เพลาๆ เรื่องซอฟต์พาววง-พาวเวอร์ลงหน่อยเถอะนะ อย่าเที่ยวเอะอะ เห็นอะไรเข้าหน่อยก็ “ซอฟต์พาวเวอร์ๆ” ตะบันไป
อย่างจะผลักดันหมอลำเป็นซอฟต์พาวเวอร์ บางคนฟังก็ให้นึกขำ ด้วยเข้าใจว่าเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดไปอย่างไม่ประสีประสา
แต่คุณตั้ม พิชิตไม่ได้มองอย่างนั้น เลยใช้คำ “ซอฟต์พาวเวอร์ขอส่วนบุญ” ตอกหน้าเอาแรงๆ ซึ่งก็คงทำให้คุณอุ๊งอิ๊งเจ็บจี๊ด-เจ็บใจอาย..อีตาบ้า มาว่ากูเป็นเปรต!
เอ้า..ส่วนนั่นไม่ได้เกี่ยวกับการขอส่วนบุญ แต่คุณสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้อธิบายความเสียยืดยาวต่อกรณีที่อดีตผู้จัดรายการจาก Voice TV
ได้เข้ามาจัดรายการ “คุยคลายข่าว” ที่ช่อง NBT2HD ว่า.. “ที่ผ่านมา NBT พยายามที่จะปรับภาพลักษณ์องค์กร รวมถึงปรับผังรายการ
โดยดึงคนที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในแวดวงสื่อฯ เข้ามาช่วยผลิตรายการเพื่อดึงดูดผู้ชม ดังนั้นจึงไม่ได้มีแค่เพียงอดีตคนจาก Voice TV เท่านั้นที่มาร่วมงาน
แต่ยังมีการว่าจ้างผู้ประกาศข่าวและพิธีกรจากช่องต่างๆ เข้ามาจัดรายการมากมาย เช่น รายการฮีโร่ต้านโกง รายการ The Scholarship เกมล่าค่าเทอม
รายการกระเทาะเปลือกคอร์รัปชัน รายการ NBT in focus รายการ Match Point เป็นต้น ซึ่งผู้จัดรายการ ล้วนแต่เป็นผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงสื่อมวลชนด้วยกันทั้งสิ้น
อย่างกรณีของอดีตผู้จัดรายการจาก Voice TV กรมพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียง จะทำให้สถานีน่าสนใจยิ่งขึ้น
และน่าจะตอบโจทย์ในการช่วยสื่อสารที่ตรงประเด็น สามารถขยายความเรื่องยากให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายขึ้น เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน”
ครับ..ก็ให้เข้าใจตามนี้ ส่วนที่คุณเทพไท เสนพงศ์ มอง.. “เมื่อวันนี้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่คุมกรมประชาสัมพันธ์
เป็นคนมาจากพรรคเพื่อไทย ก็เป็นเรื่องปกติที่นำคนของตัวเองมาจัดรายการเพื่อประชาสัมพันธ์ และเป็นกระบอกเสียง เพื่อสู้กับสื่ออิสระที่ไม่ได้เชียร์รัฐบาล
แต่ที่แปลกไปกว่าปกติก็คือ เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่กี่วัน สถานีวอยซ์ทีวีก็ปิดกิจการลงทันที
เหมือนกับการวางแผนย้ายกิจการที่ใช้เงินทุนของครอบครัวชินวัตรมาอยู่ที่ช่อง NBT ใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน
ซึ่งไม่เนียนพอ ดูแล้วน่าเกลียดจนเกินไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้
ส่วนตัวไม่ติดใจเรื่องวิธีการใช้สื่อของรัฐโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลเลย แต่ที่ติดใจก็คือ ทำไมต้องจงใจปิดกิจการวอยซ์ทีวีที่ผมเป็นแฟนประจำ
แล้วพาเหรดมาอยู่ที่NBT ซึ่งทำเป็นเสมือนกิจการของครอบครัวชินวัตร ขอเตือนไว้ว่า อย่าใช้สื่อรัฐมาทำการเมืองเหมือนกับเป็นสื่อของตัวเอง” นั้น
ก็..เป็นสิทธิที่ให้คิด-มองได้ ซึ่งผมเองก็ให้เห็นคล้อยตาม และอยากเรียนถามท่านอธิบดี สมมติ ถ้าคุณสันติสุข มะโรงศรี คุณอัญชะลี ไพรีรัก จะไปขอทำรายการที่ช่องเอ็นบีทีบ้าง..
ท่านจะ..OK มั้ยครับ?