ผักกาดหอม
สรุปว่าไม่เลื่อนนะครับ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันเดินหน้าเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ในวันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายนนี้แน่นอน
ใครที่จ่ายเงินค่าสมัคร ๒,๕๐๐ บาท ไปแล้ว ก็ไปให้ตรงวันตรงเวลา ไม่งั้นพลาดได้เป็นผู้ทรงเกียรติ แล้วจะหาว่าไม่เตือน
กกต.ก็คงมั่นใจเต็มร้อยครับว่า ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัย ๔ มาตรา ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ๒๕๖๑ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือก สว. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๗ หรือไม่นั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะท้ายมติศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า
“…ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ายังไม่ปรากฏว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง อีกทั้งหากคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าจะเกิดความเสียหายดังกล่าวย่อมมีหน้าที่และอำนาจที่จะดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๑ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่กำหนดมาตรการหรือวิธีการใดๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย…”
คือ…ไม่สั่งให้ชะลอ หรือหยุด เอาไว้ก่อน
ก็เดินหน้าต่อไปครับ
แต่ถามว่าจะมีปัญหาหรือเปล่า
คำตอบคือ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ปัญหาการเลือก สว.ครั้งนี้ ยังจะมีตามมาอีกพะเรอเกวียน
จะประกาศผลเลือก สว.ระดับอำเภอได้ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้
มันวุ่นแน่ครับ
จะฟ้องร้องกันนัวเนีย!
โดยเฉพาะเรื่องการฮั้วกัน
พรรคการเมืองใหญ่เขาไม่ได้มองแค่เลือก สว.แล้วครับ
ไปไกลถึงขั้นแก้รัฐธรรมนูญกันแล้ว
การแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง ๒ สภา คือสภาผู้แทนราษฎร กับวุฒิสภา พรรคการเมืองไหนคุมเสียง สว.ได้มากที่สุด ก็มีแต้มต่อมากกว่าพรรคการเมืองอื่น
ก็บอกแล้ว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เดินสายไปทั่วประเทศ ที่ กกต.บอกว่าไม่ผิดเพราะเป็นการรณรงค์เลือกสว.นั้น มันคือการสร้างฐานกวาดที่นั่ง สว.ให้ได้มากที่สุด
คนของคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล มวลชนสีส้ม ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน พากันเสียค่าสมัคร ๒,๕๐๐ บาท ไปนั่งยิ้มแทบจะทุกอำเภอทั่วประเทศแล้ว
พรรคเพื่อไทยก็ใช่ย่อย คนของบ้านเล็กบ้านใหญ่ แห่สมัคร สว.เกือบจะทุกอำเภอ แทบจะครบทุกสาขาอาชีพ
ถึงเวลาเลือกไขว้ เลือกตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ได้ตามที่บล็อกโหวตกันมา
จะมีกี่อำเภอเชียวที่ผูัสมัคร ดี เด่น ดัง แต่ไม่เป็นคนของพรรคการเมือง จะหลุดรอด
แต่ก็อาจไปตกในการเลือกระดับจังหวัดอยู่ดี
เลือกระดับประเทศยิ่งหนักเลยครับ บล็อกโหวตกันดุเดือดแน่นอน
ช่วงนี้ต้องเช็กบัญชีเงินฝากกันดีๆ
หรืออาจมีถุงขนม
มีผู้ใหญ่ใจดีแจกเงินเป็นปึกๆ แน่ แต่เป็นใคร พรรคไหนไม่รู้
รู้แต่ชื่อว่า “ไอ้โม่ง”
มีเสียงเรียกร้องให้ชะลอเลือก สว.ไว้ก่อน เพราะเกรง ว่าการเลือกจะไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม แต่สังเกตเห็นอะไรมั้ยครับ
พรรคการเมืองใหญ่ ไม่หือ ไม่อือ
เพราะอะไร?
ถ้าอยากรู้เลือก สว.เขาจะฮั้วกันอย่างไร…มีคำตอบครับ
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ชี้เป้าให้จับตา
“…วันอาทิตย์ที่ ๙ มิ.ย. เลือก สว.รอบแรกระดับอำเภอ จับทุจริตไม่ยากครับ เทคนิคการสังเกตกลุ่มที่จัดตั้ง หรือรับจ้างมาเลือก สว.
๑.พวกนี้จะมากันเป็นหมู่คณะ นั่งปิกอัพ รถตู้ มาคันเดียวกัน
๒.ถือซอง ถือโพยแบบเดียวกัน พับมา ม้วนมาแบบเดียวกัน
๓.รายที่หนัก คือ อาจมี ซีร็อกซ์ ตัวอย่างบัตรเลือกทั้งสองแบบ เขียนหมายเลขในช่องมาเป็นตัวอย่าง เพื่อถือเข้าไปในคูหา
๔.เซ็นชื่อไม่ได้ หรือลายเซ็นไม่เหมือนใน สว. ๓ เอกสารแนะนำตัวที่เผยแพร่ใน App. Smart Vote. เพราะตอนสมัครมีคนเซ็นให้แทน
๕.ยุกยิก นั่งไม่เป็นสุข เหลียวซ้ายแลขวา ขอเข้าห้องน้ำอยู่เรื่อย หรือจับกลุ่มซุบซิบพูดคุย ราวกับมีความลับ
๖.มีการส่งสัญญาณกันในกลุ่ม หรือมีเครื่องหมายที่เครื่องแต่งกายเป็นสัญลักษณ์ให้เลือกในกรณีต้องเลือกไขว้กับผู้สมัครกลุ่มอื่นที่ไม่รู้จัก
๗.ตอนนับคะแนน มีบัตรที่มีแบบแผนการเลือกเหมือนกัน เช่น ไม่เลือกตัวเอง เลือก ๒ เลขแบบเดียวกัน จำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผล
ข้อ ๑-๔ สื่อและประชาชน สามารถใช้มือถือเพื่อบันทึกหลักฐานได้ แต่ต้องมาก่อนผู้สมัครมาถึง
ข้อ ๕-๗ ผู้สมัครที่เข้าห้องประชุมจึงจะเห็นชัดเจนแต่บันทึกไม่ได้ เพราะถูกยึดมือถือ สื่อและประชาชนสามารถเฝ้าดูทางวงจรปิดได้ ถ้ามีตามที่เลขาฯ กกต.เคยแถลง…”
วันอาทิตย์นี้ใครว่าง เชิญจับฮั้วได้ครับ
ไม่ใช่เรื่องสนุกนะครับ หากพรรคการเมืองสามารถล็อกผลการเลือก สว.ได้สำเร็จ เพราะผลกระทบหลังจากนั้น มันจะกระเทือนไปทั้งระบบ
เงื่อนไขการแก้ไขตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดไว้ซับซ้อนกว่ารัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ คือ
๑.ต้องได้เสียง สว. ๑ ใน ๓ ของจำนวน สว.ทั้งหมด
๒.เสียงฝ่ายค้านร้อยละ ๒๐ ของทุกพรรครวมกัน
๑ ใน ๓ ของ สว.คือ ๖๗ คน
ไม่ยากเลยครับที่จะบล็อกโหวตให้ได้ สว. ๖๗ คน
ฉะนั้นการเลือก สว.ครั้งนี้มีเดิมพันคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นี่ยังไม่ลงลึกไปถึงเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะจะเครียดกันทั้งแผ่นดิน
จึงไม่ต้องแปลกใจครับ ที่พรรคก้าวไกล ไม่อยากร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ เพราะมองว่าไปไม่รอด แต่มองไปถึงการเลือกตั้ง สส.ครั้งถัดไปแล้ว
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ตั้งเป้า ๒๗๐ ที่นั่ง
หาก สภาล่าง และ สภาบน เป็นของก้าวไกล พฤติกรรมดุดันไม่เกรงใจใคร จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ถึงวันนั้นเตรียมรับมือ วิกฤตที่เกิดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ