สันต์ สะตอแมน
จงใส่Maskกันต่อไป!
นี่..ผมไม่ได้บอก แต่ WHO นู่นต่างหากที่พูด พร้อมประกาศ ช่วงนี้โรคเฝ้าระวังตัวใหม่ COVID สายพันธุ์ omicron JN 1 ได้ระบาดทั่วโลกเพิ่มขึ้น 52 % แล้ว!
เชื่อก็ใส่ ไม่เชื่อก็เอาตามที่สะดวกใจ แต่รัฐบาลต้องเชื่อไว้ อย่ามัวแต่พิสูจน์ข้าวบ่ม 10 ปี หรือยุ่งกับการหาแหล่งเงิน 5 แสนล้านเอามาแจก
หรือวุ่นกับการหาช่อง-หารูให้นักโทษหญิงได้กลับบ้านแบบเท่ๆให้มากไป ต้องหันมาดูแล-เอาใจใส่กับโควิดสายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด อย่าให้กับต้อง “ปิดประเทศ” กันอีกเลย!
ครับ..ไม่ได้ปะหน้าเจอตากันเสียนาน วันวานไม่รู้ลมอะไรหอบให้ผมกับคุณมานพ อุดมเดช ผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นเก๋า มาพบกันโดยไม่ได้นัดหมาย
และเมื่อเจอกันก็เป็นธรรมเนียมที่จะต้องนั่งคุยเรื่องหนัง-นั่งวิพากษ์การบ้าน-การเมืองกันตามประสาคนคอเดียวกัน
ซึ่งสำหรับการเมืองนั้น คุณมานพขอที่จะไม่ให้ผมนำมาคุย-มาเขียน ด้วยถือเป็นความคิดอ่านส่วนตัวที่ไม่ต้องการจะเปิดเผยให้ใครรู้
แต่ผมก็ต้องให้ผู้อ่านได้รู้ไว้สักนิด ตอนนี้คุณมานพกำลังคับขัดอก-ขัดใจ-ขัดหู-ขัดตากับพฤติกรรมของบุคคลพิเศษคนนั้นอยู่มาก และคาดเดาเอาว่า..
ถ้ารัฐบาลจะพัง ก็เพราะพฤติกรรมกำเริบเสิบสาน ลำพอง จองหองของคนผู้นั่นแหละ!
เอ้า..ส่วนเรื่องหนัง คุณมานพได้เฝ้ามองหนังไทยด้วยความหวัง สักวันจะได้มีโอกาสกลับมาสร้างผลงานใหม่ หรือถ้ามีใครสนใจจะลองเรียกใช้งานก็คุยกันได้
คุณมานพว่า วันก่อนได้นั่งดูหนังเรื่อง “โบอางูยักษ์” ที่ตัวเขาเป็นคนเขียนบท โดยคุณกุ้ง ชนินทร์ เป็นผู้กำกับฯ ซึ่งหนังอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์เมื่อ 27 เมษาที่ผ่านมานี่เอง
“ผมดูอย่างตั้งใจ ดูด้วยความรู้สึกของคนห่างไกลหนัง-ละคร แบบชาวบ้านดู ผมว่า มันเป็นหนังผจญภัยที่ดีและสนุกที่เดียวมีครบรสชาติของภาพยนตร์
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หนังไม่ทิ้งขว้าง อะไรควรปูมาแต่ต้นก็ตามเก็บ เป็นเหตุเป็นผลรับ-ส่ง มีซ่อนความสัมพันธ์ความรู้สึกในกลุ่มเพื่อน
มีความรัก มีความขัดแย้ง มีความโศกเศร้า มีสนุกพออุ่นๆ ไม่หน่วงจนทำให้แนวหนังผจญภัยวัยรุ่นเสียดุลภาพไป” คุณมานพร่ายความรู้สึก
“เป็นหนังดีเลยในความเห็นของผม” เขาย้ำ.. “เสียดายฝีมือของกุ้ง หลังจากหนังเรื่องนี้ ผมก็ถูกเบิร์นเอ้าท์ ความท้าทายไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ เพราะบริบทเงินคืออำนาจ”
ผู้กำกับมือเก๋าพักยกแก้วกาแฟขึ้นซดก่อนคุยต่อ.. “มันเป็นหนังที่เดินหน้าเข้าหาเป้าหมายเหมือนลูกธนูที่ยิงเข้าสู่เป้าตรงเผง ไม่วอกแวก
ถ้าใครเรียนภาพยนตร์อยู่ จะต้องดูหนังของผู้กำกับฯ ชนินทร เรื่องนี้ หนังสูตรมาตรฐานในทฦษฎีภาพยนตร์ที่สมบูรณ์ที่สุดเรื่องหนึ่ง ผมกล้าพูดเลย”
“แต่ผมติดเรื่องซีจีนะไม่สมบูรณ์” ผมขัดคอ คุณมานพยิ้มตอบ.. “อาจารย์สอนผมว่า เทคนิคอะไรก็ตามต้องใช้เมื่อมีเหตุผล เพราะงานเทคนิคไม่ใช่หัวใจของภาพยนตร์
หัวใจภาพยนตร์มี 4 ห้อง คือหนึ่ง บท สอง การกำกับ สาม การถ่ายภาพ สี่ การตัดต่อ งานช่างมันไม่ใช่หัวใจของหนัง
ถ้าบทดีหนังก็สามารถเชิญชวนให้คนแห่ไปดูได้แล้ว ส่วนซีจีมันเหมือนเครื่องปรุงที่จะช่วยเสริมรสชาติให้เข้มข้นเท่านั้นเอง”
เออ..เท่านั้นก็เท่านั้น ผมไม่มีปัญญาเถียงหรือตอบโต้ผู้กำกับระดับมือรางวัลได้หรอก ส่วนผู้ที่เรียนภาพยนตร์อยู่ ไม่ว่าจะในหรือนอกมหาวิทยาลัย ก็ลองค้นหาโบอางูยักษ์มาดูได้
ดูสิ..ที่คุณมานพคุยนั้นใช่-ไม่ใช่ จริง-ไม่จริง ส่วนผมดูโบอางูยักษ์มา 2-3 รอบแล้ว ก็เห็นเป็นจริงอย่างคุณมานพว่า มีแต่เทคนิค-ซีจีเท่านั้นที่ยังขัดๆ ตาอยู่
และนี่เป็นไปได้ ผมก็อยากให้สหมงคลฟิล์ม โดยทายาท “เสี่ยเจียง” ได้นำหนังเรื่องนี้มารีเมคใหม่ หรือจะทำต่อเป็นภาค 2 ได้ก็ยิ่งดี
หนังสูตรมาตรฐานในทฦษฎีภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบนี้มีไม่กี่เรื่องหรอก..
ไม่รักกัน(จริง) ไม่บอกนะเนี่ย!