ฟอก ‘ทักษิณ’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ถามกันสนั่น…

ทำไมพรรคก้าวไกลถึงไม่แตะ “นักโทษชายทักษิณ” เลย

อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ๒ วัน ๒ คืน แทบไม่มีใครในพรรคก้าวไกลหยิบยกประเด็น “นักโทษเทวดา” มาชำแหละให้เห็นถึงความตกต่ำของกระบวนการยุติธรรมในยุครัฐบาลเศรษฐาเลย

ทั้งๆ ที่อุดมการณ์หลักของพรรคก้าวไกลคือ ลดความเหลื่อมล้ำ คนเท่ากัน!

มีเพียง “หมอวาโย อัศวรุ่งเรือง” ที่อภิปรายในแง่การแพทย์ เป็นหลัก

“…สิ่งที่ผมพูดนี้เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ป่วย เพราะสังคมก็เริ่มตั้งคำถามและได้รับข้อมูลที่ผิดๆ รัฐมนตรีก็ควรที่จะต้องขยายความให้ชัด

ขณะเดียวกันก็อยากให้รัฐมนตรีไปตรวจสอบว่าแพทย์ผู้รักษาได้มีการแนะนำคนไข้อย่างถูกต้องหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรีใส่เฝือกแขน ซึ่งโดยปกติใส่ได้ไม่เกิน ๒ เดือน หากใส่เกินไหล่จะติด แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัดใหม่อีกรอบ ต้องเจ็บตัวฟรีอีกครั้ง

แต่กรณีนี้ผ่านมาตั้งแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ครบ ๒ เดือนนานแล้ว จึงอยากถามว่าแพทย์ให้คำแนะนำถูกต้องหรือไม่…”

แต่ไม่ปรากฏคำว่า คนเท่ากัน ในการอภิปรายครั้งนี้เลย

เป็นความผิดปกติ หรือมันต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว?

ก่อนนี้ พรรคก้าวไกล เคยแสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการกับกรณี “นักโทษชายทักษิณ” เอาไว้ค่อนข้างชัดเจน มีการตอกย้ำนิติรัฐ สองมาตรฐาน

“… แม้รัฐบาล และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนายทักษิณ ตลอด ๑๘๐ วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่

แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่า นายทักษิณ เป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อนายทักษิณ

แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อนายทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญ ทั้งเรื่องสุขภาพของนายทักษิณ ที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้นายทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่นๆ

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐาน หรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณ ในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย

แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน…”

กรณี “นักโทษชายทักษิณ” แสดงให้เห็นถึงความเป็นอภิสิทธิ์

เป็นความเหลื่อมล้ำ ที่ตอกย้ำว่าคนไม่เท่ากัน

ในขณะที่นักเคลื่อนไหวสามนิ้วต้องติดคุกระนาว พรรคก้าวไกลพากันโวยวายว่าเป็น นิติสงคราม ต้องมีการปฏิรูประบบยุติธรรม

แต่กลับมิได้พูดถึงการปฏิรูประบบยุติธรรมที่สืบเนื่องมาจากกรณี “นักโทษชายทักษิณ”

ผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ ที่อยู่ในคุกส่วนใหญ่ ถูกถอนประกัน เพราะมีการทำผิดซ้ำซาก

บางคนไม่ได้ซ้ำซากอย่างเดียว แต่ “ท้าทาย” ด้วย

กรณีนี้ยังสามารถอธิบายให้เหตุผลภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ได้

เป็นหลักการที่สุดแสนจะธรรมดา ที่ผู้ต้องหาละเมิดเงื่อนไขประกันตัวไปทำผิดซ้ำซาก ศาลสามารถใช้ดุลพินิจถอนประกันได้

แต่กรณี “ป่วยทิพย์” หลอกต้มคนทั้งประเทศกันอย่างเป็นขบวนการ เพื่อไม่ให้ติดคุกแม้วันเดียว คือการทำลายระบบยุติธรรมอย่างน่ารังเกียจที่สุด

พรรคก้าวไกลยอมให้เป็นไปแบบนี้หรือ

ไหนบอกว่า คนเท่ากัน

ไหนบอกว่า สองมาตรฐาน

“นักโทษชายทักษิณ” กับบรรดาผู้ต้องหา และนักโทษสามนิ้ว ที่อยู่ในคุกมีคุณค่าทางการเมืองไม่เท่ากันอย่างนั้นหรือ

มันคนละมาตรฐานกันใช่หรือไม่

หรือรอเสียบรัฐบาลกับเขาเหมือนกัน?

ครับ…นั่นคือความเคลื่อนไหวในมุมพรรคก้าวไกล

มุมรัฐบาลก็น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน

ฟังคำตอบจากปาก “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยิ่งทำให้ “นักโทษชายทักษิณ” เป็นยิ่งกว่า “นักโทษเทวดา” หนักเข้าไปอีก

“…ต้องเรียนว่าถ้าใช้ตรรกะวิบัติหรือปฏิบัติไม่ชอบ ถ้าอดีตนายกฯ ทักษิณเข้ามาวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ ผมเองเคารพท่าน แต่ก็ยังมีความวิตก ทำไมท่านเข้ามาในรัฐบาลที่ยึดอำนาจจากท่านไป

ท่านมีความกล้าหาญมาก ทำไมท่านไม่รอเวลา เพราะตอนนั้นก็รู้แล้วว่าการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยกำลังจะจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคอื่นๆ ทำไมท่านไม่เข้ามาตอนที่มีรัฐบาลใหม่

ผมไม่ได้ถามเหตุผลท่าน แต่ถ้าในมุมมองของผม ผมถือว่าท่านมีสปิริตสูงมาก…”

“…มีแพทย์ ๒ คนที่จะรายงานมายังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้มีความรอบคอบมาก จึงส่งเรื่องกลับไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่าอาการลักษณะนี้สามารถนำตัวกลับมาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้หรือไม่ ซึ่งได้คำตอบว่าอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา อธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงได้ทำหนังสือถามกลับไปที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมส่งไปให้แพทย์อีกหลายคนมีความเห็นกลับมาอีก กระทั่งเสนอเรื่องมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นชอบ และส่วนตัวก็เชื่อว่าเรื่องอาการเจ็บป่วยไม่มีใครรู้ดีกว่าแพทย์…”

“…ผมมาเป็นรัฐมนตรี ผมก็สงสัย มาถึงยังไม่ทันได้นอนเลย ทำไมต้องมาอยู่ในชั้น ๑๔ ผมก็มาดูว่ามันเป็นความเห็นของแพทย์…”

ครับ…ก็สงสัยกันทั่วประเทศนั่นแหละ เพียงแต่คนอื่นไม่มีโอกาสได้เห็นความเห็นแพทย์

สงสัยแม้กระทั่งที่รัฐมนตรียุติธรรมชื่นชมในความกล้าหาญของนักโทษชาย

ราวกับ “ฟอก” ทักษิณ

เพราะเรื่องที่ “นักโทษชายทักษิณ” กลับมาในช่วงรัฐบาลลุงตู่ มันเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ วิเคราะห์วิแคะกันไปหมดแล้วว่า มันคือหมากถูกวางไว้ เพื่อเป้าหมายพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์

เพียงแต่มันไม่ได้เป็นไปตามแผน

ที่เดินตามแผนชนิดไม่มีไปแวะที่ไหนคือ “นักโทษชายทักษิณ” ไม่ติดคุกแม้วันเดียว

ที่จริงก็เห็นใจ “ทวี สอดส่อง” ต้องเป็นหนังหน้าไฟมาอธิบายเรื่องป่วยทิพย์ป่วยจริง

แต่…หลักฐานชิ้นเอก ถูกประจานไปหมดแล้ว

ก็คือตัว “นักโทษชายทักษิณ” เอง ที่หายจากป่วยวิกฤตอย่างกะทันหันและเฉียบพลัน

เปลี่ยนจากเลี้ยงหลาน

ไปคุมสมุนในคอก

Written By
More from pp
ไทย-มองโกเลีย พร้อมสานต่อความร่วมมือรอบด้านอย่างเป็นรูปธรรม
วันที่ 17 เม.ย.63 เวลา 13.30 น. นายทุกสบิลกูน ทูมูร์คูเลก (H.E. Mr. Tugsbilguun Tumurkhuleg)...
Read More
0 replies on “ฟอก ‘ทักษิณ’ – ผักกาดหอม”