เปลว สีเงิน
ฟังฝ่ายค้านเปิดอภิปรายรัฐบาลมา ๒ วัน ก็อยากบอกว่า
ใน “ภาพรวม”
“ฝ่ายค้าน” ทั้งก้าวไกล, ประชาธิปัตย์ อภิปรายมีเนื้อหา เรียกว่า ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานรัฐบาลได้ดี
“ฝ่ายรัฐบาล” ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรีหลายคน เช่น รัฐมนตรีสุทิน คลังแสง, รมช.จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ตอบฝ่ายค้านแบบ “สัจจะ-จริงใจ” ได้มีเนื้อหา
เรียกว่า “สอบผ่าน”!
“อย่างเดียว” ที่เป็นจุดตำหนิของรัฐบาล คือเรื่องไหนที่ “โต้ไม่ได้-ไปไม่ถูก” ก็เตะลูกออก โทษไปที่
……….. “รัฐบาลก่อนทำไว้”!
การอ้างเช่นนี้ ผมถือว่า “ตกมาตรฐาน” ผู้มีวุฒิภาวะทางการเมือง เพราะเท่ากับ “ปัดความรับผิดชอบ” อันวิสัย “สุภาพบุรุษนักเลง”
“เขาไม่ทำกัน”
เว้นแต่ในกรณีจำเป็นที่ต้องอ้างอิงถึงบ้างเท่านั้น!
เพราะในความเป็นประเทศประชาธิปไตย ระบบสภา จะขาดรัฐบาลบริหารไม่ได้
นั่นคือ “รัฐบาลเก่าไป” รัฐบาลใหม่ก็ต้องเข้ามา แตะมือรับงานต่อเนื่องกันไปทันที มิให้งานขาดตอน
งานไหน-นโยบายไหน ที่รัฐบาลก่อนทำไว้ดี ก็สานต่อกันไป
งานไหน-นโยบายไหน ที่เห็นว่า “ไม่เข้าท่า” จะโละทิ้ง นั่นก็เป็นสิทธิของรัฐบาลใหม่
ฉะนั้น จึงเห็นหลายๆ งาน ที่รัฐบาลประยุทธ์ทำไว้ รัฐบาลเศรษฐาเข้ามา ก็ทำต่อบ้าง ไม่ทำบ้าง
ก็ไม่มีใครว่าอะไร แม้ที่สานต่อแล้วเคลมไปเป็นผลงานตัวเองหน้าตาเฉย
อย่างเช่น กรณี รถไฟฟ้า ที่ “รัฐบาลศรษฐา” มาปุ๊บ ไปตัดริบบิ้น “เปิดใช้” ปั๊บ
โดยไม่เอ่ยเป็นการให้เครดิต “พลเอกประยุทธ์” ซักคำ ตีขลุมประหนึ่งว่า “เศรษฐาเนรมิต”
นั่นก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะมันเป็นเรื่องสปิริตสำนึกของแต่ละคน!
แต่เรื่องไหนฝ่ายค้านโจมตี เช่นเรื่อง “นักโทษทิพย์” รัฐบาลเศรษฐาหาช่องชิ่ง โดยโยนไปที่รัฐบาลประยุทธ์ทันที
ว่ากฎระเบียบพักโทษนั้น ทำกันไว้ “สมัยประยุทธ์”
“รัฐบาลเพื่อไทย” ในคอกนักโทษทักษิณ…ไม่เกี่ยว!
เรื่อง “เรือดำน้ำ” ที่มีปัญหา
ก็โยนไปที่รัฐบาลประยุทธ์ รัฐบาลเศรษฐา…ไม่เกี่ยว
จะเห็นว่า ที่ดี “เคลม-เชิงตีขลุม” เอาไปเป็นผลงาน
ส่วนเรื่องไหนมีปัญหา โยนแม่งมันไปว่า “รัฐบาลก่อนทำไว้”
ก็ไม่ผิดหรอก
แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด และวิสัยสุภาพบุรุษนักบริหาร เขาไม่ทำกันแบบนั้น
โบราณบอก “คนดี ชอบแก้ไข คนจัญไร ชอบแก้ตัว”
มันเข้าอีหรอบนี้มากกว่า!
ถ้าเอะอะ เรื่องไม่ดีก็ “โยนกลอง” ไปรัฐบาลก่อนๆ ก็ต้องโยนกันไปเป็นทอดๆ
จากรัฐบาลเศรษฐาวันนี้ ปี ๒๕๖๗ ไปจนถึง “รัฐบาลคณะราษฎร์ ปี ๒๔๗๕” โน่นเลย
อย่างเรื่อง “พักโทษ” นักโทษเทวดา
ภูมิอก-ภูมิใจ โบ้ยไปว่ากฎระเบียบนั้น รัฐบาลประยุทธ์ออกไว้ รัฐบาลนี้ไม่เกี่ยว เพียงทำตามกฎระเบียบนั้น เท่านั้น
ฉะนั้น ถ้าว่า “เอื้อนักโทษทักษิณ” ก็รัฐบาลประยุทธ์นั่นแหละเอื้อ
ฟังดู “เหมือนใช่”
แต่ถ้าฟังให้ดี เหมือนดู “ศรีธนญชัย” ปลิ้นปล้อน!
ไม่มีใครปฎิเสธว่า การพักโทษนักโทษทักษิณ ไม่ได้ทำตามระเบียบราชทัณฑ์ที่ออกสมัยรัฐบาลประยุทธ์ มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ขณะนั้น
แต่ทุกกฎหมาย-ทุกกฎระเบียบ มันเป็นเพียงกรอบปฎิบัติวางไว้กว้างๆ เท่านั้น
ส่วนการนำไปใช้ ผู้ใช้ต้อง “สุจริต-จริงใจ” ตรงต่อเจตนารมย์ของการมีกฎระเบียบนั้นๆ
และต้องนำไปใช้ให้ “เคร่งครัด-ครบถ้วน” สมบูรณ์ความตามองค์ประกอบแต่ละข้อ-แต่ละมาตราด้วย
“กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”…อย่าลืม!
รัฐบาลกล้าสบตาประชาชนก่อนตอบมั้ยว่า การพักโทษทักษิณ นั้น บริสุทธิ์ใจ ทำตามกฎระเบียบราชทัณฑ์ครบถ้วน
ไม่มีเจตนาทางเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษทักษิณ?
ก็ลองมาดูกัน ว่ากฎระเบียบและหลักเกณฑ์ผู้จะได้รับการพักโทษ มีว่าไว้อย่างไรบ้าง
๑.ป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หายขาด อาจเสียชีวิตได้หากอยู่ในเรือนจำต่อ เช่นโรค ไตวายระยะสุดท้าย, มะเร็งระยะสุดท้าย, สมองเสื่อม ,อัลไซเมอร์ เป็นต้น
๒.ชราภาพ อายุเกิน ๗๐ ปี
๓.ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตามแบบทดสอบ ๑๐ ข้อ
-กินอาหารด้วยตนเองไม่ได้
-ใช้ห้องน้ำด้วยตนเองไม่ได้
-ชำระร่างกายด้วยตนเองไม่ได้
-สวมเสื้อผ้าด้วยตนเองไม่ได้
-เดินไปมาภายในบ้านไม่ได้
-ลุกจากเตียงไปนั่งเก้าอี้ไม่ได้
-ขึ้นบันไดด้วยตนเองไม่ได้
-อาบน้ำไม่ได้
-กลั้นอุจจาระไม่ได้
-กลั้นปัสสาวะไม่ได้ และ
๔.ต้องโทษมาแล้ว ๑ ใน ๓ หรือ ๖ เดือน
ก็เห็นชัดเลย……..
ว่าทักษิณไม่เข้าเกณฑ์พักโทษตามพรบ.ราชทัณฑ์และกฎระเบียบที่ตราไว้
-ทักษิณป่วยทิพย์ ไม่ได้ป่วยรุนแรงด้วยโรครักษาไม่หายขาด
มีข้อเดียวที่เข้าเกณฑ์ คือ อายุเกิน ๗๐ ปี
นอกนั้น ไม่มีอะไรเข้าเกณฑ์ตามระเบียบพักโทษเลย
ทักษิณ แข็งแกร่งในปฐพีเหนือกว่าชัชชาติด้วยซ้ำ
ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง….
กินอาหารด้วยตนเองได้, เข้าห้องน้ำ-ห้องส้วม, สวมเสื้อผ้า ออกตรวจราชการ ไปงานเลี้ยงได้
ต่อให้มีเกณฑ์ว่า เหาะข้ามหัว “สถาบันบริหาร-สถาบันรัฐสภา-สถาบันตุลาการ” ไม่ได้
“นักโทษเทวดา” มันก็เหาะได้ จะจะคาตาอยู่มิใช่หรือ?
แล้วแบบนี้ มันเข้าเกณฑ์ “พักโทษ” ตามกฎระเบียบและบททดสอบได้อย่างไร?
ใช่…กฎหมาย-กฎระเบียบ ออกสมัยประยุทธ์
แต่ผู้นำกฎหมาย-กฎระเบียบนั้นมาใช้ ส่อ “ไม่สุจริต” คือรัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย”
ซึ่งในอนาคต อาจเข้าสู่บทพิสูจน์ว่า “ไม่สุจริต” จริงหรือไม่ ไล่เบี้ยกันไปถึงขั้นคุก
ตั้งแต่คนในรัฐบาล เรื่อยลงไปถึงคนราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ลงความเห็นว่า
นักโทษทักษิณ “ป่วยขั้นวิกฤต” อันอาจอันตรายถึงชีวิตได้นั่นน่ะ!
คนไทยน่ะ “ใจบุญ” ปล่อยนักโทษทักษิณซักคน จะเป็นไรไป ก็ปล่อยนก ปล่อยปลา ยังปล่อยได้ ไถ่ชีวิต วัว-ควาย ตัวละเป็นแสน-เป็นล้าน ก็ยังไถ่ได้ จริงมั้ย?
แต่ที่ยอมรับกันไม่ได้…..
เพราะเรื่องนี้ มันเท่ากับ “เยี่ยวรดหัวใจ” คนใน “สังคมเป็นธรรม” แบบหยาบหยามขื่อแปประเทศกันชัดๆ
ทักษิณ “ไม่ใช่ผู้ทำผิดกฎหมาย”
หากแต่รัฐบาลเพื่อไทย โดยนายกฯ เศรษฐาตะหาก
ที่ใช้อำนาจ “ละเว้นกฎหมาย” เอื้อให้ทักษิณเป็นเทวดา
“ติดคุก” แต่ไม่ต้อง “เข้าคุก” แม้แต่วินาทีเดียว!
ไม่ต่าง “ปล้นกลางแดด” เห็นๆ กันอย่างนี้ ถ้าสังคมเป็นธรรมยอมได้
ใครจะรับประกัน ว่าเมื่อรัฐบาลในคอกโจร ปล่อยหัวหน้าโจรออกไป แล้วต่อไป มันจะไม่รวมหัวเหิมเกริม
เพาะ “ขุมกำลัง” เป็นเครือข่ายใยแมงมุม คลุมประเทศ สู่เป้าหมายที่รู้ๆ เห็นๆ กันแล้ว
ว่า “แดง-ส้ม” วันนี้ทำเป็นแยกกันตี “ตามแผน” เพื่อไป “รวมอยู่ด้วยกัน” เมื่อวันที่ “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” มาถึง!
“สัตว์มีขน-คนมีเขี้ยว” โบราณว่า “อย่าไว้ใจ”
ถ้าสังคมประเทศถือว่า เรื่องนี้ “ธุระไม่ใช่” ผมก็จะได้ย้ายค่าย จากพรรคกระยาจก
ไปขอ “เข้าคอก” กินอาหารเม็ดให้ท้องตึงกับเขามั่ง!
เปลว สีเงิน
๕ เมษายน ๒๕๖๗