เปลว สีเงิน
ฝรั่ง “กร่าง” ถีบ “คนไทย” ที่หาดยามู ภูเก็ต
ด้วยเหตุเพราะ ….
“คนไทย” ไปนั่งบันไดหน้าหาด ที่ฝรั่งชาวสวิสฯ เจ้าของวิลลาสร้างล้ำลงไปในพื้นที่สาธารณะ แล้วเรียกตำรวจมาจับ ข้อหาบุกรุก นั้น
เรื่องนี้ คุณๆ ท่านๆ จะมองด้านไหนล่ะ?
ด้านฝรั่งต่างชาติ “ไม่ต่างเทวดา” ในทัศนคติฝังหัวคนไทย
เรื่องทำร้ายร่างกาย มันก็ง่าย
ด้าน ฝรั่งต่างชาติ บังอาจเยี่ยง “ชาติสถุล” เหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนไทยเจ้าของประเทศ นี่ยากขึ้นอีกหน่อย
เพราะขึ้นชื่้อว่า “ศักดิ์ศรี” ตาย-เป็นตาย คนไทยไม่ยอม!
ด้านหาดทราย ชายทะเล เป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ทำไมทางการจึงออกโฉนดให้นายทุนสร้างบ้าน-สร้างวิลลาหรูขายติดชายหาด
จนกลายเป็นว่า “ซื้อวิลลาแถมชายหาด” เป็นสมบัติส่วนตัว!?
นี่ เป็นปัญหา “เชิงโครงสร้าง” ในระบบรัฐ ที่ฝังรากลึก
ไม่ใช่ลึกจนมองไม่เห็น
แต่ลึกเพราะส่วนหนึ่งมันเป็น “รากฝังหัว” คนไทย ไม่ว่าในระบบรัฐ-ระบบราษฏร์ จนกลายเป็นทัศนคติประจำชาติ
คือ “อะไรก็ได้ในเมืองไทย…ถ้าเอ็งมีเงิน”!
อย่างหาดยามู ที่ฝรั่งมันกล้ากร่าง ก็แค่ไวน์ล้างตีนขวด-สองขวด ยังซื้อคนรักษากฎหมายบางคน โทรจิกหัวมารับใช้ได้
แล้วมันยากตรงไหน ที่จะขาย-จะซื้อ หรือให้เช่าวิลลา “แถมชายหาด” เป็นสมบัติส่วนตัวได้ด้วย!
นี่คืออะไร?
คือ “ระบบรัฐ” กับ “ระบบนายทุน” สมคบกัน “ขายแผ่นดิน” จนเป็นเรื่องปกติทั่วไปไงล่ะ
ไม่ใช่เฉพาะที่ภูเก็ต แต่มันมีไปทั่วประเทศ
ไม่ว่าตามป่า-ตามเขา ตามชายทะเล ที่เป็นทำเลทอง ผ่านการถือครองในรูปแบบต่างๆ
ทั้งที่มีกฎระเบียบอยู่แล้วว่า ต้องร่นพื้นที่จากชายป่า ชายน้ำ ชายทะเล ชายหาด ชายคลอง แค่ไหนๆ จึงจะออกเอกสารกรรมสิทธิ์ได้
แต่แค่ “เงินมา” อย่าว่าชายหาด-ชายทะเลเลย
“ภูเขาทั้งลูก” ระบบรัฐ-ระบบการเมือง ผนวกนายทุน มันยังเสกเป็นคฤหาสน์ เป็นรีสอร์ท เป็นโรงแรม เป็นบ้านจักสรรได้
สำมะหาอะไร ที่ชายหาดยามู จะไม่กลายเป็น “พื้นที่ส่วนตัว” ฝรั่งกร่าง
รูปแบบที่ “ขึ้นหน้า-ขึ้นตา” ในการเข้ามาเป็นเจ้าเข้าครองประเทศไทย คือ มีเมียคนไทย เท่าใช้กระสุนนัดเดียว ได้นก ๕ ตัว
ตัวแรก ได้เมียแถมคนใช้
ตัวที่สอง ได้กรรมสิทธิ์ถือครอง
ตัวที่สาม ฟอกเงิน, หลบหนีคดี
ตัวที่สี่ ตั้งแก๊งประกอบอาชญากรรม
ตัวที่ห้า มีข้าราชการ-นักเมืองเสริมบารมี
การซื้อ-ขายหมู่บ้านจัดสรร “ยกทั้งโครงการ” นั่นอีกรูปแบบของการ “ขายแผ่นดิน” ให้ต่างชาติ
จึงไม่แปลก ที่เห็นหมู่บ้านจัดสรรบางแห่ง บางคนโดฯ ติดป้าย บุคคลภายนอก “ห้ามเข้า-ห้ามผ่าน” ไม่ว่าคนไทยหรือหมา!
แต่อีกด้าน ที่จะเป็นปัญหา “ระดับชาติ” ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเกิดจาก “ความมักได้” ในนโยบายรัฐบาล
และความกระหาย “รายได้เข้าประเทศ” จนหน้ามืด-ตามัวไม่มองปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขในอนาคต
เมือง “เล่าก์ก่าย” ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ที่จีนต้องยืมมือพวกกันเองกวาดล้าง ลากคอตัวใหญ่ไปยิงเป้าในเมืองจีนรู้กันแล้วใช่มั้ย?
จากเรื่องเล็กๆ ติดชายแดนจีน ที่พม่าปล่อยให้เป็นเขตปกครองพิเศษ
พิเศษของเขา คือ “ศูนย์รวมแก๊งอาชาญกรรมข้ามชาติ”
อะไรๆ ที่ผิดกฎหมาย ปล่อยให้มาสุมหัวกันอยู่ในเมืองนี้
ทั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ บ่อน ซ่อง ทั้งการจับเรียกค่าไถ่ ทั้งยาเสพติด
เล่าก์ก่าย “นรกเมืองถื่อน” ยุคนวัตกรรม ชัดเป๊ะ!
อย่างผมนี่ นอนดึก-ตื่นสาย แต่มี “มอร์นิ่งคอล” ปลุกให้ตื่นแทบทุกเช้า ทำให้เดี๋ยวนี้ ใครโทรมาด้วยเบอร์ไม่คุ้น ไม่กล้ารับ
เดือดร้อนกันทั้งโลก
จนจีนทนจีนประเภท “จีนเทา” ไม่ไหว ต้อง “ล้างบาง” กันไป จนเรื่องลุกลามกลายเป็นปัญหา
“พม่า-แตกชาติ” ขณะนี้!
รัฐบาลไทย ดูเมือง “เล่าก์ก่าย” ไว้เป็นตัวอย่างเถอะ
การกระหายเงินเข้าประเทศ กระหายเงินลงทุนต่างชาติ กระหายนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แล้วยกเลิกระเบียบคัดกรองมากๆ การยกเลิกวีซ่า ใครก็ได้ ให้เข้ามา ขอมีเงินเป็นใช้ได้ ประเทศไทย ถ่างขาอ้าซ่าเปิดรับไม่อั้นนั้น
ตอนนี้ ที่เป็นปัญหาอ่อนๆ ทั้งพัทยา ทั้งภูเก็ต ทั้งเชียงใหม่ กระทั่งในกรุงเทพฯ บางย่าน
คนไทยกลายเป็น “บุคคลประเภท ๒” ไปแล้ว!
เบ่ง กร่าง เหนือกฎหมาย แค่พกเงินมา ใช้ซื้อคนไทย ซื้อที่ดิน ซื้อข้าราชการ ซื้อนักการเมือง ซื้อตำรวจ
เรียกว่า “ซื้อได้ทุกอย่าง” ในเมืองไทย
ขอเพียงมีเงิน จนตอนนี้ เกิดแก๊งมาเฟียรัสเซีย มาเฟียฝรั่ง มาเฟียจีน มีคนไทยเป็น “ลูกมือ-ลูกตีน” เกลื่อนไปหมด
ที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาคือ “แก๊งจีนเทา” ที่กำลังเป็น “ดินพอกหางหมู” เมืองไทยหนักขึ้นทุกวัน!
พวกข้าราชการ คือคน “ระบบรัฐ” พวกคุณต้องเข้าใจนะว่า พวกคุณคือ “หางเสือ” ประเทศ
ฉะนั้น พวกคุณต้องควบคุมทิศทางประเทศให้ตรง
ส่วนพวกนักการเมือง มันพวก “เสือหิว-เสือโหย” เอานโยบายโปรยหลอกชาวบ้านมาเป็นเหยื่อ เพื่อจับกิน
ฉะนั้น คัดท้ายไว้บ้าง….
ใช่ว่านักการเมืองสั่งอะไร ก็สอพลออำนาจเอออวยทำตามไปหมด
อย่างตอนนี้ ตอนหาเสียง โม้เศรษฐกิจแก้ง่ายกว่าแก้ผ้า แล้วไง..ครึ่งปี ขอโทษ..สุนัขไม่รับประทาน มีอะไร “แก้ได้-ทำได้” บ้าง
พึ่งของตายอย่างเดียว คือ “มรดกชาติ” ทางวัฒนธรรม ศิลปกรรม ประเพณีวัฒนธรรม
ที่ “พระมหากษัตริย์” และ “ประชาราษฎร์” สั่งสม-สร้างสรรไว้ให้
คือ “การท่องเที่ยว” เท่านั้นแหละที่ขายได้ หล่อเลี้ยงสังคมชาติเป็นแขนงเอกตลอดมา
ใครมาเป็น ไม่ต้องทำอะไรมาก…
ในใจก็แอบจิต คิด “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”
ในการบริหาร บ่มิไก๊ ก็แค่ ตีปีบท่องเที่ยวตามน้ำไป ซึ่งไม่ต้องตี เขาก็มากันอยู่แล้ว
ก็เพราะรัฐบาลบ่มิไก๊ เก่งแต่ผลาญเงิน งานการไม่มีเป็นชิ้น-เป็นอัน วันๆ เอาแบบยิ่งลักษณ์
เดินสายไปโม้นโยบายตามจังหวัดโน้น-นี้ทุกสัปดาห์ เก่งแต่สร้างภาพ-สร้างข่าว รับปากเขาไปเรื่อย
แล้วจำได้มั้ย ว่ารับปากจังหวัดไหนๆ ไว้อย่างไรบ้าง มันต่างกับตดให้หมาดม หรือทำไร่ผักชีเหนือลมตรงไหน..หือ?
นี่เห็น “หนีปัญหา” เผ่นไปออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมัน ร่วมครึ่งเดือน แล้วก็เอาขี้ฟันนักลงทุนมาแคะให้คนไทยดม ว่าบริษัทโน้น-นี้จะมาลงทุน
๖ เดือนมานี่ ไปมากี่ประเทศแล้วล่ะ และที่ว่าเขารับปาก ไหนล่ะ..บริษัทไหนมาลงทุนให้เห็นตามปากว่า มีซักรายมั้ย?
เพราะบ่มิไก๊ เรื่องง่ายหรือมักง่ายพอกัน คิดอะไรไม่ออกก็ “ฟรีวีซ่า” นักท่องเที่ยว เป็นทางหนึ่งจะได้เงินเข้ามาง่ายๆ
เห็นพวก “อยากรวยเฉพาะหน้า” ชมกันเหลือเกิน
แล้วคิดบ้างมั้ย….
ว่าตอนนี้ “พวกอาชญากรรมข้ามชาติ” เข้ามาตั้งแก๊ง เข้ามาสร้างปัญหาให้บ้านเมืองไทย เกลื่อนไปหมด
แก๊ง “จีนเทา” น่ะ แค่ซบ ไม่สิ้นซากหรอก แถมชอนรากลึกด้วยซ้ำ
แล้วตอนนี้ ฝรั่งเทา-แขกเทา-พม่าเทา-เขมรเทา-แอฟริกาเทา-รัสเซียเทา ทั้งเพาะเชื้อ-แพร่เชื้อ
แต่รัฐบาล “หน้าบาน” กับปริมาณตัวเลข “คนเข้ามา” เมืองไทย ชนิดไม่แยแส-สนใจ ว่าเป็นพระหรือเป็นโจร?
รัฐบาลนี้ อยู่กี่เดือน…ไม่รู้
แต่ประเทศไทย อยู่นิรันดร แล้วผลตามมาจาก “ฟรีวีซ่า” ยิ่งสังคมไทย “บูชาฝรั่ง-ต่างชาติ” ด้วยแล้ว
๑๐-๒๐ ปีข้างหน้า….
คนไทยต้อง “เช่าสวน-เช่านา” จากนายทุนต่างชาติทำมาหากิน เป็นเรื่องไม่เกินคาดหมาย!
และใครล่ะ คือ “ทาสต่างชาติ” ในเมืองไทย
ตอบง่าย โดยไม่ต้องคิด คือ
“คนรุ่นใหม่” วันนี้ ที่เขาบอก…
พวกเขาคือ “ผู้กำหนดอนาคตชาติ” นั่นแหละ!
เปลว สีเงิน
๔ มีนาคม ๒๕๖๗