12 กุมภาพันธ์ 2567 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาล ว่า
เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกันว่า หลายปีมานี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในอาการซึมและต้องการการกระตุ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องขายฝันเน้นความหวือหวา เกทับบลัฟแหลกกันด้วยนโยบายอะไรก็ได้ในตอนหาเสียงแล้วต้องมาปวดหัวกันต่อพอชาวบ้านเลือกมาเป็นรัฐบาล จะทำอย่างไรกับสิ่งที่หาเสียงไว้ เพราะตอนนั้นยังคิดไม่เสร็จ เป็นนโยบายผีผลักที่รีบเอาออกมาก่อนเพราะกลัวจะแพ้อีกพรรคการเมืองที่ตอนนั้นกระแสกำลังดีวันดีคืน
บทเรียนหนึ่งที่เราเห็นกันชัด ๆ ตอนนี้ก็คือ การแจกเงินหมื่นบาทถ้วนหน้าผ่านดิจิทัลวอลเล็ตด้วยระบบบล็อกเชนทันสมัย ฟังตอนแรกก็ดูว้าวดี แต่พอถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน ต้องลงทุนพัฒนาระบบเท่าไหร่ กลับไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้นอกจากคำยืนยันเสียงแข็งว่าไม่กู้แน่ คิดได้ทำเป็น อย่างไรก็ไรก็ไม่กู้
พอยืนยันแบบนี้ ตนเองก็ลุ้น อยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเร็ว ๆ ชาวบ้านมีเงินในกระเป๋า เป็นเศรษฐีกันถ้วนหน้าอย่างที่โฆษณาไว้ แต่ตอนนี้ผ่านมา 5 เดือนแล้ว เกือบครึ่งปีแล้ว ไม่ใช่แค่ยังไม่เริ่ม แต่รัฐบาลยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มอย่างไร จะเอาเงินจากไหนมาแจกตามที่หาเสียงไว้ จนหลายคนแถวบ้านตนบอกว่า นานขนาดนี้ก็พอเถอะ ขอนโยบายอื่นออกมาเติมเงินในกระเป๋าก่อนตอนนี้เลยได้ไหม
แต่เอาล่ะ ถ้าในช่วงหลังท่านจะยอมพลิกลิ้นใช้การกู้เงิน ตนก็จะยังถือว่าอยู่ในอำนาจของท่าน เช่น จะออก พ.ร.ก.เงินกู้ ไปเลยก็ได้ เพราะถ้าท่านมองว่าเป็นวิกฤต ก็ไม่ต้องรอ ถ้าออกมาดี ฝ่ายบริหารรับผลงานไปเต็ม ๆ ได้เลย จึงอยากให้เร่งออก พ.ร.ก.ไปเลย ทำไมกลับไปพยายามดันออกมาในรูปแบบ พ.ร.บ.เงินกู้ ซึ่งทำให้ต้องตีความ และเสียเวลากันมากมาย
เสียเวลาไปมากแล้วจริง ๆ เช่นตอนแรกโยนไปให้กฤษฎีกาช่วยประทับตรารับรองทางกฎหมายให้ คราวนี้ก็เลยซื้อเวลาอีกนิด ยังไม่ตัดสินใจอีก บอกว่าขอรอความเห็น ป.ป.ช.ออกมาก่อน สุดท้ายพอออกมา ป.ป.ช.ก็มองเหมือนแบงค์ชาติที่แสดงความเห็นก่อนหน้านี้ว่า แม้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวก็จริง แต่ไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าวิกฤต พร้อมมีข้อแนะนำบางประการ และยังส่ง กกต.พิจารณาด้วยว่า นโยบายนี้มีแนวโน้มเป็นการโฆษณาเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าจะยืดเวลาส่งอีกกี่หน่วยงาน โดยไม่เห็นใจชาวบ้านที่รอคอย
ฟังแบบนี้แล้ว ตนก็อดห่วงไม่ได้ จึงอยากให้เดินหน้าเต็มสูบ เป็นไปตามนโยบายที่หาเสียงไว้ทั้งจำนวนคน จำนวนเงินที่จะให้ และจะยืนยันออก พ.ร.ก็.กู้เงิน เหมือนเดิมก็ได้ เพราะรอ พ.ร.บ.และรอความเห็นหน่วยงานก็ช้าออกไปอีก คือต่อให้ไม่ใช่วิกฤตก็ต้องสร้างวิกฤตเทียมให้ถูกกฎหมายให้ได้ ซึ่งถ้าเดินไปแบบนี้รัฐบาลก็หมดแรงกดดันเรื่องยืดเวลา
แต่ถ้าถอยหลัง ปรับเป็นแจกไม่ถ้วนหน้า ให้เฉพาะบางกลุ่ม โอกาสที่รัฐบาลจะสูญเสียความเชื่อถือในทางนโยบาย สูญเสียความเชื่อมั่นในทุก ๆ เรื่องจะตามมา
มองไปในอนาคต จึงเป็นบทเรียนทางการเมืองโดยแท้ สำหรับพรรคการเมืองในการคิดทำนโยบายหาเสียง จากนี้จะต้องคิดให้ครบถ้วนทุกกระบวนความ ก่อนจะนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน
เพราะถ้าทำไม่ได้ ทำช้า คนที่ได้รับผลกระทบเต็มก็หนีไม่พ้นพี่น้องประชาชนเช่นกัน อย่างในครั้งนี้แทนที่จะได้กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อปรับพื้นฐานทางเศรษฐกิจไปสู่การยกระดับศักยภาพในขั้นต่อไปได้ตั้งนานแล้ว กลับต้องมาสะดุดรอนโยบายคิดไปทำไปอย่างไม่รู้ชะตากรรมมา 5 เดือน และยังต้องรอต่อไป
แต่มันถึงเวลาแล้ว ที่ท่านต้องตัดสินใจได้แล้ว ไปเร่งหารือกันเรื่องกฎหมายให้จบแล้วทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ เสียที ซึ่งตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบอร์ดใหญ่ดิจิทัลวอลเล็ตที่จะประชุม วันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนให้ประชาชนได้ เพราะการรอไปเรื่อยๆไม่รู้อนาคตแบบนี้ มันเสียเวลาประเทศจริง ๆ
