เปลว สีเงิน
กรณี “ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์”
นั่งรถไล่ตามขบวนเสด็จ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”
และบีบแตรรถใส่ ชนิดลากยาว
ระหว่างทางร่วมต่างระดับมักกะสัน จนถึงทางลงทางด่วนย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อ ๔ กพ.๖๗ นั้น
ถ้าเป็น “บ้านอื่น-เมืองอื่น” ใครบังอาจกระทำต่อบุคคลระดับ “เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน” เยี่ยงนี้
ถ้าไม่หัวขาด ก็ต้องเข้าคุก!
แต่โชคดี ว่านี่เป็นบ้านเมืองไทย ที่ “เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน” มีแต่ “ทรงพระคุณ” และพระเมตตาต่อพสกสนิกร
นอกจากไม่เคยถือโทษโกรธเคืองใดๆกับพสกนิกรที่กระทำหยามหมิ่นและจ้วงจาบหยาบช้าแล้ว
พระองค์ยังทรงรับฟังเสียงประชาชนและทรงปรับตัวในการอยู่ร่วมสังคมเสมอมา
เพื่อที่จะไม่ทำให้ประชาชนต้องยุ่งยากลำบากใจ เช่นในการ “ใช้รถ-ใช้ถนน” เป็นต้น
“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ไม่ทรงโปรดให้ปิดถนน ในการเสด็จฯ ไปไหนๆ ยกเว้นเสด็จฯ เป็นทางการ งานพระราชพิธี
ฉะนั้น ขบวนเสด็จฯของ “กรมสมเด็จพระเทพฯ” จะทรงใช้ถนนร่วมกับประชาชน
รถชาวบ้านติด รถพระที่นั่งก็ติดด้วย!
การที่ “ทานตะวัน” คนขบวนการส้มสามนิ้ว นั่งรถจงใจบีบแตรใส่ขบวนและพยายามขับตีประกบ
เมื่อตำรวจเข้าถวายความปลอดภัย “ทานตะวัน” ก็เกรี้ยวกราดใส่ พร้อมใช้วาจาบ่งบอกเจตนาในการกระทำ ดังปรากฎตามคลิปที่เผยแพร่ นั้น
เรื่องนี้ รัฐบาล โดยนายกฯ เศรษฐา จะถือว่า “ธุระไม่ใช่” ทำเป็นหูหนวก-ตาบอด ปล่อยให้เรื่องผ่านไป
โดยไม่แสดงให้เห็นถึงความเป็นรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เด็ดขาด!
“กรมสมเด็จพระเทพฯ” นั้น ในหัวใจคนไทยและในความประทับรับรู้ชาวโลก
พระองค์เสมอเหมือน “พระมหากษัตริย์” องค์ที่ ๒ ในแผ่นดินนี้
ดังนั้น นายกฯ เศรษฐา ก็ดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ในฐานะ ผบ.ตร.ก็ดี ถ้าไม่สำนึกในหน้าที่
ก็ควรสำนึกในความเป็น “ข้าแผ่นดิน” และแสดงออกซึ่งความสำนึกนั้น ให้สมกับที่หน้าอกเต็มไปด้วย “เหรียญตรา”
ถ้าละเลย ปล่อยผ่าน
พฤติกรรม “ล่าเจ้า” ของทานตะวัน จะเป็นต้นแบบ “พวกเราทำได้” ให้ขบวนการ “ส้มสามนิ้ว” พากันทำเยี่ยงนั้นตามๆ กันไป
ซึ่งถ้าปล่อยให้ลามไปเรื่อยๆ แม้เข้มงวด-เอาจริงภายหลัง นั่นก็ “สมประโยชน์” กันไปมากแล้ว
เป็นตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดี “พิธา-พรรคก้าวไกล” เมื่อ ๓๑ มค.๖๗ ว่าด้วยการ “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย”
เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม เข้าลักษณะ “ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
พฤติกรรม “ขบวนการสามนิ้ว” อย่างที่ “ทานตะวัน” เป็นอยู่
นี่คือรูปธรรมของคำว่า “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” หมวดหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างสังคมชาติในอีกหลายหมวด
มันไม่เป็นเพียงสัญญานบ่งบอก “เศรษฐกิจวิกฤติ” ไม่มีทางฟื้นเท่านั้น ยังบ่งบอกถึงว่า
ประเทศจะไร้ “ทรัพยากรบุคคลคุณภาพ” ที่จะมาพัฒนาสังคมชาติให้เจริญก้าวหน้าสู่โลกอนาคต “ศตวรรษที่ ๒๑”
เพราะ “คนรุ่นใหม่” ที่จะเวียนเข้าไป “ถ่ายรุ่น-ต่อรุ่น” ส่วนหนึ่ง เห็นแล้วว่าเป็นหน่อพันธุ์ “กะโหลกหนา-ปัญญากลวง”
เสพติดมือถือ
เสพติดยา
เสพติดเซกซ์
เสพติดความสบาย
เสพติดคำปลุกปั่น
เสพติดเงินได้ง่าย
เสพติดฝรั่งให้ชังชาติ
นี่คือ “คุณสมบัติ” ทรัพยากรบุคคลที่จะเข้ามารับ “มรดกแผ่นดิน” ที่จะตกทอดไปสู่ศตวรรษหน้า ซึ่งเป็น “ศตวรรษนวัตกรรมทางเทคโนโลยี”
แล้วไทยในมือรุ่นใหม่ ที่ชังชาติ ชังสถาบัน ชังพ่อ ชังแม่ ไม่เคารพนับถือกระทั่งครูบาอาจารย์
ทั้งไม่ศึกษา ค้นคว้า ด้านวิทยาการเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ไม่เข้าสู่ระบบ “วิจัย-พัฒนา” แล้วจะนำพาประเทศหมุนตามโลกไหวหรือ?
รุ่นใหม่ไทยวันนี้ หนักไปทางรับจ้างเผาเมือง รับจ้างกัดกร่อนบ่อนเซาะ
มีซักราย-สองรายหรือเปล่าก็ยังมองไม่เห็น ที่เป็นรุ่นใหม่ “กึ๋นอัจฉริยะ” ถึงระดับ “ยูนิคอร์น” ให้ประเทศมีหน้า-มีตาอวดเขาได้ในอาเซียน?
นี่คือตัวบอก “อนาคตชาติ” โดยมองผ่าน “รุ่นใหม่” วันนี้ ในฐานะทายาทผู้รับ “มรดกแผ่นดิน”!
“รุ่นใหม่” คือ “เมล็ดพันธุ์”
ถ้าหวังผลิตผลที่สมบูรณ์ งอกเงย ได้ราคาดี เมล็ดพันธุ์มันต้องดีก่อน
ไม่หวังจากรัฐบาลนี้ หวังแต่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลต่อๆ ไป งานแรกต้องปรับปรุง “เมล็ดพันธุ์” ด่วน
ไม่ดี…ต้องดีดออกจากกระด้งทันที
ขืนปล่อยให้มันงอกลงดิน นอกจากผลิตผลไร้ค่า ยังแย่งน้ำ แย่งพื้นที่ ถ่วงดึงให้ “เมล็ดพันธุ์ดี” เติบโตช้าไปด้วย
ไม่อย่างนั้นแล้ว…
ไทยจะเป็น “ไดโนเสาว์อาเซียน” ในศตวรรษที่ ๒๑!
เพราะ “ทรัพยากรบุคคล” ในตลาดงาน จะไร้ฝีมือ-ไร้ทักษะ เคยทำแบบไหน โลกเขาไปถึงไหน-ต่อไหน
ก็ยังทำอยู่อย่างนั้น พลิกแพลง-พัฒนาไม่เป็น
แถมติดสุข-ติดสบาย-ติดหรู ทั้งหนักไม่เอา-เบาไม่สู้ แต่กูจะเอา “เงินเดือนแพงๆ”
ในตลาดการเมือง ก็จ้องแต่คอร์รัปชัน
ในตลาดข้าราชการ ก็ไร้สมอง จ้องแต่ใต้โต๊ะ
แถม “คนแก่เต็มเมือง” ก็รอแต่สวัสดิการ
แล้วประเทศจะมีรายได้จากไหนมาเลี้ยง ในเมื่อ “ง่อยเปลี้ยเสียขา” กันไปทั้งองคาพยพ!?
พฤติกรรมอย่าง “ทานตะวัน” นี่ ต้องเรียกว่า “เกินแก้” และก็ใช่ว่าเป็นคนไม่มีการศึกษา จึงไม่รู้ “ความพอดี” อยู่ตรงไหน
ต้องบอกว่า กรณีนี้ “…โดยสันดาน” จริงๆ
เพราะไม่ใช่ครั้งแรกกับ “ขบวนเสด็จ” ที่ทานตะวันกระทำ
เคยทำมาแล้ว ๒-๓ ครั้ง และถูกดำเนินคดีตามมาตรา ๑๑๒ ซึ่งศาลก็ให้ประกันตัวออกไป
ก็ไม่เคยสำนึกสู่ทางดี
ครั้งหลัง เมื่อปีที่แล้ว ก็ทั้งโพสต์เฟซ ทั้งขับรถเข้าพื้นที่รับเสด็จอีก จนศาลสั่งถอนประกัน ต้องเข้านอนคุก
ขบวนการนอกคุกก็ปั่นกระแส-สร้างดรามา…
“จะตายแล้ว..ถึงจุดวิกฤตแล้ว…ไทยเฉยเราจะตายกันหมด…ทำกับอนาคตชาติได้อำมหิตขนาดนี้” เป็นต้น
ทำอดข้าว-อดน้ำอยู่พักใหญ่….
ทนายไปยื่นขอประกันต่อศาล ครั้งนี้ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายประกันให้
น่าจะใช้ตำแหน่งสส.ประกัน คงไม่ได้เอาโฉนด “บ้านของยาย” เป็นหลักทรัพย์หรอก
โดยศาลสั่งให้นายพิธาเป็นผู้กำกับดูแลความประพฤติของทานตะวัน มีอำนาจว่ากล่าวตักเตือน
และควบคุมมิให้กระทำผิดเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด หากมีการกระทำผิดเงื่อนไข
ถือว่าผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว “ผิดสัญญาประกัน”
กำกับดูแลว่ากล่าวตักเตือนทานตะวันยังไงล่ะ..พิธา ถึงปล่อยให้ทานตะวันไปทำอย่างนั้นอีก?
นี่มัน “ผิดสัญญาประกัน” ชัด!
รีบนำตัว “ทานตะวัน” ไปมอบให้ศาลส่งเข้าคุกตามเดิมนะ
“ทานตะวัน” คู่หูราดน้ำเย็นตาโฟของเขาก็คือ “แบม” และแบม-ตะวันกับพิธา ร่วมขบวนการกันขนาดไหน ประเมินจากคำที่พิธาพูดเท่ทิ้งไว้ในสภาได้
“ทุกครั้งที่ผมไปหาคุณตะวันและคุณแบม ผมมองตาตะวันแล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น”
และบนเวทีรณรงค์ “ยกเลิก-แก้ไขมาตรา ๑๑๒” ที่ “แบม-ตะวัน” จัดที่ศรีราชา ช่วงมีนา.๖๖ ซึ่งพิธาก็อยู่ด้วย
มีจัดกิจกรรมติดสติกเกอร์ ในหัวข้อ “คุณคิดว่ามาตรา ๑๑๒ ควรยกเลิกหรือแก้ไข?”
นายพิธาโดดขึ้นไปติดสติกเกอร์สีแดงในช่อง “ยกเลิกมาตรา ๑๑๒” หมับเลย!
นี่แหละ ที่ศาลฯ บอก “ทำกันเป็นขบวนการ” ไม่ผิดหรอก
ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งวินิจฉัยไปแหมบๆ ว่า…..
“สถาบันพระมหากษัตริย์สัมพันธ์กับความมั่นคงของประเทศ เพราะพระมหากษัตริย์กับไทยหรือชาติไทย ดำรงอยู่คู่กันเป็นเนื้อเดียวกัน”
เป็นศูนย์รวมจิตใจคนในชาติ ธำรงปึกแผ่นของคนในประเทศ การกระทำความผิดต่อสถาบันฯ
จึงเป็นการกระทำผิดต่อความมั่นคงของประเทศด้วย
ก็หวังว่า……..
ผบ.ตร. “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ในฐานะหัวหน้าผู้รักษากฎหมาย
วางไมค์นักร้อง “ฉลองวันเกิด” ล่าพวงมาลัยได้แล้ว
แล้วทำให้ชาวบ้านเขารู้ซักทีซิว่า….
“มีตำรวจไว้ทำไม?”
เปลว สีเงิน
๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗