สันต์ สะตอแมน
R.I.P.ยุติธรรมไทย
พาดหัวข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2566 ซึ่งใครได้เห็น-ได้อ่านก็อาจจะสงสัย แต่ถ้าได้ดูรายละเอียดของเนื้อข่าวก็จะรู้และเข้าใจ
เข้าใจ..เหมือนที่คุณสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก.. R.I.P.ยุติธรรมไทย #เชื่อแล้วจริงๆ #คุกมีไว้ขังคนจน “คนเดียวในโลก โกงได้แม้กระทั่งการติดคุก”
“มีอำนาจบาตรใหญ่ ต้องใช้ดูแลนายเต็มที่ #เสื่อมสุดซอย #นักโทษเทวดา #คุกมีไว้ทำไม #มีไว้ขังแค่คนจนไง #ราชทัณฑ์อำนาจเหนือศาล #ยุติธรรมล่มสลาย”
ครับ..อย่างนี้สิ ใหญ่แล้วก็ต้องใหญ่ให้คับฟ้า-คับแผ่นดิน และไหนๆ ก็ “รวมหัว” ทำกันได้ถึงขั้นที่ “นายทักษิณไม่ติดคุกสักวันเดียว” แล้ว..
ก็..เอาตามที่คุณปิยบุตร แสงกนกกุล เคยนำเสนอไว้เมื่อต้นปี.. “คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องนิรโทษกรรมคุณทักษิณ ดำเนินคดีกันใหม่อย่างเป็นธรรม..
เอาคณะรัฐประหาร 49/57 มาลงโทษ” ไปเสียก็สิ้นเรื่อง!
แล้วเมื่อได้เวลาที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเข้ามาโดยไม่ต้องติดคุกสักวันเดียวตามอย่างพี่ชาย ก็ไม่ต้องนิรโทษกรรมคุณยิ่งลักษณ์ ให้ดำเนินคดีกันใหม่อย่างเป็นธรรม..
และเอาคณะรัฐประหาร 57 มาลงโทษ ซ้ำเข้าไปอีกรอบ เอาให้ติด-ตายคาคุกกันไปเลย..สมน้ำหน้า!
นี่..ถ้าคิดว่าวิธีนี้จะทำให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคีปรองดอง-สมานฉันท์กันได้จริง ผมคนหนึ่งล่ะไม่ข้อง-ไม่ขัด และด้วยกรมราชทัณฑ์มีอำนาจเหนือศาลอย่างนี้แล้ว..
ขอความกรุณา ช่วยปล่อยนักโทษทั้งรวย-จนให้เกลี้ยงคุกไปเสียเลย เพื่อเป็นการ “ล้างคุก” และ “ล้างบาป” ให้ตัวเองไปพร้อมทีเดียวนะ!
พูดถึงคุก เห็นทนายคนดังหลายท่านออกมาฟันฉับ คุณสมรักษ์ คำสิงห์ ท่าจะไม่รอด (คุก) ปมจูงมือเด็กสาวอายุ 17 ปีขึ้นห้อง
แต่มีทนายความที่ไม่ขี้โม้ ขี้คุยบางคนได้ชี้ช่องการสู้ทางกฎหมายอยู่หน่อยตรงที่คุณสมรักษ์ไม่รู้เด็กคนนี้อายุเท่าไหร่ ถ้ารู้ก็จะไม่จูงมือขึ้นห้อง..ว่างั้น!
ที่ว่า “จูงมือ” ผมก็ไม่เห็นกับตาหรอก ได้แต่มโนเอาจากข่าว-ภาพที่ปรากฏ เพราะด้วยลักษณะของโรงแรม (ไม่ใช่ม่านรูด) แล้ว ถ้าคุณสมรักษ์จะกระชากลากจูงน้องเค้าอย่างผู้ชายหื่นล่ะก็..
ดูท่าจะต้องออกแรงอยู่พอสมควร และน้องเค้าก็ต้องโวยวาย ขัดขืนตามประสาหญิงรักนวลสงวนตัว แต่เมื่อน้องวัย 17 ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ตอนเข้าห้อง ผมก็สรุปเอาเองว่า..
น่าจะจูงมือกันเดินเข้าห้องชิลๆ แบบคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน!
ในวงข้าว-วงไวน์เมื่อคืนวาน ก็มีการตั้งปุจฉา-วิสัชนากันเบาๆต่อเรื่องนี้ โดยเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามผมว่า.. “ไอ้บาสโดนแบล็กเมลรึเปล่าวะ”?
“บ้า..กูจะรู้ได้อย่างไง” ผมตอบแบบไม่ต้องใช้ความคิด ในขณะที่เพื่อนข้างๆอีกคนว่า.. “มันก็เป็นไปได้ เพราะเท่าที่ตามข่าว ก็ดูแปลกๆ แปร่งๆ”
“ตรงไหน” ผมถาม.. “เริ่มต้นที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปโรงแรมด้วยกัน ทำไมเธอไม่ขัดขืนหรือปฏิเสธเสียตอนนั้น” เพื่อนว่า
“น้องเค้าอาจคิดว่าพี่ๆ จะขับรถไปส่งก็ได้” ผมแย้ง แต่เพื่อนคนแรกพูดแทรก.. “ถ้าคิดอย่างนั้น แล้วเดินตามขึ้นห้องไปทำไมล่ะ ทำไมยอมให้ไอ้บาสถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อน..
ทำไมไม่วิ่งออกจากห้องมา เหมือนในละครที่นางเอกเมาแค่ไหน-อย่างไรก็ต่อสู้สุดชีวิต ทั้งถีบทั้งผลักไม่ยอมให้พระเอกที่พยายามปล้ำข่มขืน ทำได้ตามใจปรารถนา”
ผมยิ้ม.. “เออ..อันนี้ก็ไม่รู้นะ ต้องฟังดูตำรวจจะสรุปสำนวนคดีอย่างไร แต่พวกมึงต้องดูเป็นตัวอย่างไว้ ผู้หญิงอกตูมๆ ใหญ่ๆ นะ ไม่ได้หมายถึง..
รอดคุกแล้วนะเว้ย..เฮ้ย”!