เปลว สีเงิน
ผมว่า เรื่องแจกเงินดิจิทัล ๑ หมื่น รวม ๕ แสนล้านบาท “คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” นั้น
คนที่พูดบนฐาน “ข้อมูลรับฟังได้” มีคนเดียว คือ
“นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ผู้เป็นตัว “ทำงาน” และดูท่า อดหลับ-อดนอน จนหน้าซีด ตาโหล
ส่วนตัว “ออกหน้า-ออกสื่อ”….
ไล่ลงไป ตั้งแต่นายกฯ เศรษฐา หมอพรหมินทร์ เลขา.ครม. ฟังได้ แต่ต้องเอาตะแกรงร่อนก่อนซักร้อยร่อน
นั่นก็ยังยากเชื่อ ว่าระหว่าง “หน้างานกับหน้าสื่อ” จะตรงกันมั้ย?!
ลองสังเกตดู จะเห็นว่า ในเรื่องเดียวกัน รมช.จุลพันธุ์ตอบนักข่าวแบบคนอยู่หน้างาน ซึ่งรู้ “ปัญหา-อุปสรรค-ความเป็นไปได้-ความยากจะเป็น” ชนิดแท้ทรู
ไม่ว่าด้านกฎหมาย ด้านเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ ด้านเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง ด้านแหล่งเงิน รวมทั้งด้านเวลา
ขณะเดียวกัน พอเป็นข่าว….
นายกฯ เศรษฐา จะรีบออกมาพูด “หักล้าง” ประเด็นที่รมช.จุลพันธุ์พูดทันที จนมีคนนำไปแซวว่า
“ก่อนพูดหรือแถลง รัฐมนตรีว่าการคลังกับรัฐมนตรีช่วยเขาไม่คุยกันก่อนเลยหรือ?”
ระยะหลังๆ มีเพียงนายกฯ เศรษฐา หมอพรหมินทร์ นายภูมิธรรม เป็นตัวยืน
ส่วนรมช.จุลพันธุ์ และฝ่ายข้าราชการ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ, ปลัดคลัง ต่าง “นิ่งเสียตำลึงทอง”!
มันไปไม่ได้ในทางปฎิบัติ แต่เถลือกไถลในเกม “หลอกคนตาบอด” ประคองหัวเรือ หวังไปจอดตายอยู่ที่ท่า “สัปปายสภาสถาน”
ก็ตอนประชุมสภาสมัยที่ ๒ จะเปิดวันที่ ๑๒ ธันวา.และจะปิดสมัยประชุม ราวๆ วันที่ ๙ เมษา.๖๗ นั่นแหละ
พอถึงพฤษภา.สว.ครบวาระ ๕ ปี ตามรัฐธรรมนูญใน “บทเฉพาะกาล” มาตรา ๒๗๒
การโหวตเลือกนายกฯ ไม่ต้องมีสว.ร่วม
ให้ “สภาผู้แทนราษฎร” โดยสส.๕๐๐ โหวตกันเอง!
“อุ๊งอิ๊ง” ก็อาบน้ำ ประแป้ง แต่งตัวรอ ให้สส.ในคอกหามขึ้นวอ ไปเกย “เก้าอี้นายฯ” ไว้เลย
พูดถึงประแป้ง ดูข่าวเมื่อวาน เห็นอุ๊งอิ๊งไปเวิร์กช็อป “ซอฟต์ เพาเวอร์” ที่น่าน
ไม่รู้ว่า เป็นออร่าหรือเป็นเพราะชโลมหน้าด้วยแป้งน้ำมองเล่ยะ หน้าขาววอก เหมือนนางรำพม่า
สวยครับ..สวย
เมื่อโปรโมต ๑ ซอฟต์เพาเวอร์ ๑ ตำบล จะประทินหน้าด้วยเครื่องสำอางนอก หิ้วหลุยส์ ต๊องแต๊ง, กุ๊ยช่าย, ดิอ้อ เสื้อผ้าชุดละเป็นหมื่น-เป็นแสน อย่างตะก่อน
มันไม่เฟก แต่เฟอะฟะ!
ก็ต้องใช้ผ้าไทย เครื่องสำอางไทย อย่างมองเล่ยะ น้ำอบนางลอย ดินสอพองลพบุรี
โดยเฉพาะ แป้งศรีจันทร์, อายแชโดว์ So Glam, ลิป Cathy Doll ของไทย ที่สาวๆ ญี่ปุ่น กรี๊ดดดกันขณะนี้
ของไทยจะช่วยให้ว่าที่นายกฯ หญิงแพทองธาร อร่ามด้วยออร่าประหนึ่ง “นางในวรรณคดี” นวยนาดออกมาจากวรรณกรรมปรัมปราเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างนั้นเจียว
ทำไมผมจึงขีดเส้นใต้อายุ “รัฐบาลเศรษฐา” ไว้ที่ ๔ เดือนต่อจากนี้?
ก็เพราะเมื่อคืนวันอาทิตย์ ผมกลับจากไปเที่ยวแรดๆ มา ๓-๔ วัน เปิดโทรทัศน์ดูข่าว กดไปที่ TNN ช่อง ๑๖
เจอรายการชงหวาน คือเขาชงคำถามเรื่องแจกเงินดิจิทัลคนละ ๑ หมื่นบาท ให้นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริยเดช เลขาฯครม.ตอบ
ก็ต้องชมคุณหมอนะ สมัยเด็กๆ คงท่อง “บทอาขยาน” เก่ง เพราะผมฟังหลายเวทีที่คุณหมอไปพูด คุณหมอจำบทได้เป๊ะเวอร์มาก
เป็นเทปเก่าเอามารีรัน ความจริงเคยผ่านหู-ผ่านตามาแล้ว แต่ไม่ได้ฟังจนจบเหมือนคืนวาน
หมอพรหมินทร์บอก ราวๆ พฤษภา.๖๗ จะได้แจกเงินดิจิทัล คนละ ๑ หมื่นบาท กับคนเข้าเกณฑ์ ๕๐ ล้านคน วงเงิน ๕ แสนล้านบาท
นั่นก็หมายความว่า เปิดสภา ๔ เดือน เริ่มจาก ๑๒ ธันวา.ไปถึง ๙ เมย.๖๗ “พรบ.เงินกู้ ๕ แสนล้าน” ต้องผ่านสภา ๓ วาระ ประกาศใช้เป็นกฎหมายแน่ๆ
คือคุณหมอมั่นใจใน ๓๑๒ เสียงของพรรครัฐบาลผสมนี้มาก และบอก เงินกู้ ๕ แสนล้านนี้ เป็นการกู้ในงบประมาณ
หมายถึง เอาเงิน ๕ แสนล้าน จากงบประมาณ “ในอนาคต” มาแจกล่วงหน้า “แก้วิกฤตเศรษฐกิจ” ขณะนี้ก่อน
แล้วตั้งงบผูกพันในงบประมาณใช้หนี้แต่ละปีไป จนถึงปี ๒๕๗๐
แจกปีแรก จะทำให้ GDP โตได้ ๑% จากนั้น เงินก้อนนั้น จะไปหมุนเศรษฐกิจในระบบ ๔-๕ รอบ จน GDP โตได้ ๕% ในปี ๗๐
มโนขององค์พรหมินทร์ ฟังแล้วเคลิ้ม!
ทุกอย่าง อยู่บน “สมมติฐาน” ทั้งสิ้น ทั้งเรื่อง พรบ.กู้ ๕ แสนล้าน ว่าจะผ่านทั้งสภาผู้แทนและรัฐสภา
ทั้งเรื่อง “รัฐบาลเพื่อไทย” จะอยู่ครบวาระ ๔ ปี
และทั้งเรื่อง “แหล่งเงินกู้” ๕ แสนล้าน ว่าสามารถหามาแจกเป็น “ดิจิทัล โทเคน” ได้สบายปรื๊ด
ผ่านแอปเป๋าตัง โดยจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน!?
ทั้งหมดนี้ มีกรอบเวลา ๔ เดือน ต่อจากนี้ ต้องให้สำเร็จ ถึงจะได้ทันแจกในเดือนพฤษภา.๖๗
แล้วท่านคิดว่า ทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ตามที่รัฐบาลมโนมั้ย?
นักข่าวถามนายกฯ เศรษฐาเมื่อวาน (๒๐ พย.๖๖) ถึงเรื่องแหล่งเงินกู้ เศรษฐาตอบครอบจักรวาลว่า
“เรื่องแหล่งเงินกู้ก็ชัดเจนแล้วว่า จะออกเป็นพระราชบัญญัติ”
ก็เข้าใจแหละ “กลัวติดคุก” จึงไม่กล้าออกเป็นพรก.หวังเอารัฐสภาเป็นฝายันหลัง จึงออกเป็นพรบ.คือโยนเรื่องกู้ให้รัฐสภารับผิดชอบแทน
ผ่านรัฐสภาได้ กูได้เงิน ๕ แสนล้านไปแจกเอาหน้า-เอาคะแนนแฟนๆ เพื่อไทยตอนหาเสียง
ถ้าไม่ผ่าน ก็ตบตูด ป้องปากตะโกนฟ้องชาวบ้าน… “เพื่อไทยทำเต็มที่แล้ว แต่รัฐสภาขัดขวาง ไม่ต้องการให้พ่อแม่พี่น้องมีกิน-มีใช้”
“รัฐสภา” ก็เอาหน้ารับเกี๊ยะแทนเพื่อไทยไป!
การออกพรบ.กู้นี้ เป็นประเด็นเดียวที่ “เพื่อไทย” ประสานเสียงไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ
เอาหละ ก็รู้แล้วว่า จะออกพรบ.เงินกู้
แต่ “แหล่งเงินกู้” ๕ แสนล้านบาทล่ะ จะเอาจากที่ไหน?
“แบ๊ะๆ….ไปไหนมา-สามวาสองศอก” เหมือนกันหมด ทั้งเศรษฐา ทั้งพรหมินทร์ ทั้งภูมิธรรม!?
อยากรู้ หมอพรหมินทร์และคณะพรรค ใช้วิทยาศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือไสยศาสตร์ ออกใบรับประกัน ว่าจะอยู่ครบ ๔ ปี?
เพราะอย่างนั้น ผมจึงเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรเอาเงิน ๑ หมื่นบาท ไปเล่นกับ “ความอยากได้” ของชาวบ้าน
โดยใช้คำว่า “วิกฤต” เป็นเงื่อนไขเทียมในการแจก
ซึ่งนั่นจะนำเศรษฐกิจ “การเงิน-การคลัง” ไปตกหล่มวิกฤติจริง โดยเสถียรประเทศ ถูกลดระดับความเชื่อถือ!
รัฐบาลอาศัย “ความไม่รู้” ของชาวบ้านอย่างผม บอกจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาทำดิจิทัลวอลเลตหรือแอปเป๋าตังแจก ๑ หมื่น นั้น
ชาวบ้านไม่รู้หรอกว่า “บล็อกเชนคืออะไร?”
มีกี่ระบบ จะใช้ระบบไหน เพื่ออะไร ทำง่ายหรือทำยาก ต้องใช้ทั้งเวลา ทั้งกำลังคนควบคุม ทั้งเงินที่หมื่น-กี่แสนล้าน ในการจัดทำระบบ
ทำให้ยุ่งยาก-ซับซ้อนไปเพื่ออะไร และประเด็นสำคัญ พยายามเลี่ยงที่จะพูด ว่าที่ ๕ แสนล้านนั้น เป็น “ดิจิทัล โทเคน”
ไม่ใช่เงินสด แต่เป็น “คูปอง” ใช้แลกซื้อสินค้าได้เฉพาะบางอย่างและในบางที่เท่านั้น
ซ่อนนัยมากกว่านั้น ….
การทำโทเคน ต้องจ้างบริษัทเอกชนทำ ด้วยเงินหมื่นๆ ล้าน ตอนเอาโทเคนไปแลกเงิน ก็จะถูกหักค่าธรรมเนียมอีก
เสีย “ทั้งขึ้น-ทั้งล่อง” แล้วใครได้ไปจากการยักเยื้องใช้ดิจิทัล โทเคนนี้?
การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนกับคนจำนวน ๕๐ ล้านคน และใช้พร้อมๆ กันในวินาทีละเป็นแสนคน นั้น
ระบบ decentralized ของบล็อกเชนนี้ ใช้รองรับคนจำนวนมากๆในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก
เอาละ ให้เครดิตว่ารัฐบาลเพื่อไทย ว่าผ่านด่านไปจนถึงออกดิจิทัล โทเคน แจกได้จริงๆ
ภายใน ๔ เดือน “ธันวา.๖๖-๙ เมย.๖๗” รัฐบาลต้องเอาเงินสด ๕ แสนล้าน มาวาง “ค้ำประกัน” การออกโทเคนก่อน
ถ้าไม่มี ๕ แสนล้านมาวาง ก็ออกดิจิทัล โทเคน เพื่อแจกไม่ได้!!!
แล้วคิดซิ ภายใน ๔ เดือนต่อจากนี้ ภารกิจที่รัฐบาลต้องทำให้สำเร็จก่อนจึงจะแจกได้ คือ…..
๑.พรบ.กู้ ๕ แสนล้าน ต้องผ่านสภา ๓ วาระ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย
๒.รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินกู้ ๕ แสนล้านให้ได้
๓.ต้องผ่านด่านพิจารณาวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่า การออกพรบ.เช่นนั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๐
ว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย,กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ,กฎหมายว่าด้วยการโอนงบประมาณ,กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง,กฎหมายว่าด้วยการเงิน-การคลัง หรือไม่?
และมีความจำเป็นรีบด่วนหรือไม่?
เนี่ย….
แล้ว ๔ เดือน เศรษฐาจะปฎิบัติ ๓ ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วง จนมีเงิน ๕ แสนล้านไปวางค้ำประกันการออกดิจิทัล โทเคนมั้ย?
ถ้าไม่ผ่านทั้ง ๓ ข้อนี้ คณะรัฐบาลก็ต้องพ้นสภาพไป แต่ละพรรค ไปจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่!
อุ๊งอิ๊งที่อ้อนแอ้นหน้าขาวเหมือนนางละเวง จะได้เป็นนายกฯ คนต่อไปหรือไม่ ไม่ต้องถาม
ต้องถามว่า…
ถึงพฤษภา. “เพื่อไทย” ยังมีสิทธิ์เป็นแกนตั้งรัฐบาลหรือไม่?
นั่นแหละ “โลกเป็นจริง!”
เปลว สีเงิน
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖