อุดมการณ์ก้าวไกล-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ก็นั่นแหละครับ….

พลาดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก

การติดกระดุมเม็ดถัดๆ ไปของพรรคก้าวไกลจึงผิดทั้งหมด

จากนี้จะมีปัญหาใหญ่กว่าที่คนในพรรคก้าวไกลคิดเอาไว้มาก ก็ทำนองช้างตายทั้งตัว เอาเหรียญบาทมาปิด มาอม ยังไงก็อำพรางไม่ได้

ประเด็นขับ สส.ยังไม่จบ!

ยังจะมีผลสืบเนื่องจากการขับ สส.ครั้งก่อนๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และทำให้พรรคก้าวไกลต้องเผยตัวตน ธาตุแท้ออกมา

ที่บอกว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นความหวังให้คนที่สิ้นหวังในประเทศนี้นั้น ความสิ้นหวังจะถูกกดทับโดยพรรคก้าวไกล

คนที่สิ้นหวัง ก็จะสิ้นหวังกับพรรคก้าวไกล

ความหวังพังทลายเพราะพรรคก้าวไกลทรยศต่ออุดมการณ์ที่เขียนไว้ในข้อบังคับพรรค ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นผู้เขียนขึ้นมาเอง

กระบวนการตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรม และมาตรฐานการใช้กฎหมาย รวมทั้งข้อบังคับพรรคมีการพูดถึงอีกครั้ง

“ศุภชัย ใจสมุทร” ยื่นเรื่องถึง นายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร

ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดําเนินกระบวนการทางวินัยกับ “รองอ๋อง” ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่

พร้อมกับแนบแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๖ เป็นเอกสารประกอบ

ที่จริงเรื่องนี้เคยเขียนไปแล้วครั้งหนึ่ง เพราะการที่พรรคก้าวไกลขับ “รองอ๋อง” ออกจากพรรคนับเป็นเหตุการณ์แปลกประหลาด และสุดแสนจะเหลือเชื่อ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

แต่ไม่ลี้ลับครับ!

เพราะพิสูจน์ได้ด้วยข้อบังคับพรรคก้าวไกลเอง

ก่อนนี้ “ศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้องที่มีผลงานอันเลื่องลือ คือล้มพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว ได้ร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ตรวจสอบกรณีการขับ “รองอ๋อง” มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะยังไปไม่ถึงไหน

คำร้องของ “ศรีสุวรรณ” ดุเดือด ระบุว่าเข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกล และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ๒๕๖๐ ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถเสนอความเห็นให้ กกต. ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญสั่งวินิจฉัยยุบพรรค

ก็ยังงงกันถึงวันนี้ครับว่า สาเหตุการขับ “รองอ๋อง” พ้นพรรคนั้นเนื่องจากฐานความผิดอะไร

ข้อบังคับพรรคก้าวไกล ระบุไว้ชัดเจนถึงเหตุแห่งการกระทำผิดของสมาชิกพรรคที่ทำให้ต้องขับพ้นจากพรรค

แต่ไม่พบว่าพรรคก้าวไกลได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำของ “รองอ๋อง”

จู่ๆ ก็จัดประชุม ขับพ้นพรรคดื้อๆ

ย้อนกลับไปดูข้อบังคับพรรคก้าวไกลกันอีกทีครับ

ข้อบังคับพรรคข้อ ๖๔ สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง เมื่อ

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๖๒ เว้นแต่เป็นกรณีมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙๖ (๑) ของรัฐธรรมนูญ และเป็นการบวชตามประเพณีนิยม แต่ในระหว่างมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจะใช้สิทธิในฐานะสมาชิกพรรคมิได้

(๔) ไม่ชําระค่าบํารุงพรรคเป็นเวลาสองปีติดต่อกัน

(๕) พรรคการเมืองมีมติให้ออกเพราะกระทําผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงหรือมีเหตุร้ายแรงอื่น

(๖) พรรคสิ้นสภาพความเป็นพรรค หรือยุบพรรคการเมืองการลาออกของสมาชิกพรรคตามวรรคหนึ่ง (๒) ให้ถือว่าสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรคหรือนายทะเบียนพรรคการเมือง

การสิ้นสุดของสมาชิกภาพตามวรรคหนึ่ง (๕) หากสมาชิกผู้นั้นดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมติของพรรคต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรค

ถ้าขัดตาม (๓) “รองอ๋อง” พ้นตำแหน่ง สส.ทันที เพราะ ลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๖๒ ล้อมาจากคุณสมบัติของ สส.

ขัดตาม (๔) ก็อธิบายมาให้ชัดว่า “รองอ๋อง” ชักดาบค่าบำรุงพรรคไปเท่าไหร่

ก็มี (๕) นี่แหละครับที่พูดถึงกันมาก อยากให้พรรคก้าวไกลอธิบายให้ชัดๆ ว่า “รองอ๋อง” ทำผิดอะไร ที่ประชุมลงมติด้วยคะแนนเท่าไหร่

เหมือนหรือต่างกับที่ขับ ๒ สส.คุกคามทางเพศ คือ “สส.ปูอัด” และ “สส.แจ้”

มติพรรคการเมืองควรจะเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบได้ แต่พรรคก้าวไกลกลับทำในสิ่งตรงข้าม อย่างสิ้นเชิง

หากพรรคการเมืองมีมติอย่างสุจริต ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวการถูกตรวจสอบ

“ศุภชัย ใจสมุทร” ตั้งข้อสังเกตไว้น่าสนใจครับ

“…หากยังมิได้ดําเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดําเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้

และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่านายปดิพัทธ์ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรค เพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์สิ้นสุดลงในทันที…“

นั่งอ่านข้อบังคับพรรคก้าวไกล หาว่าความผิด “รองอ๋อง” เข้าข้อไหน ก็ไปเจออะไรที่ไม่คิดว่าจะอยู่ในข้อบังคับของพรรคก้าวไกล พรรคที่เชิดชูตัวเองว่ามีความก้าวหน้าเรื่องประชาธิปไตย มีความโปร่งใสมากที่สุด

ถูกกำหนดไว้ในส่วนที่ ๒ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ ๗๗ เขียนไว้แบบนี้ครับ…

“…รักษาไว้ซึ่งความลับในการประชุม การพิจารณาวินิจฉัย รวมทั้งเคารพต่อมติของที่ประชุม ฝ่ายข้างมาก และเหตุผลของทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด…”

อ้าว…ที่อัด ๒๒ สส. กับ “ชัยธวัช ตุลาธน” ไปวานนี้ ก็…ขอโทษครับ โค้งคำนับไป ๑๐ ที

ได้หรือครับ…แล้วใครจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าการประชุมนั้นๆ ลับหรือไม่ลับ

มันใช่ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก แน่นะ?

ไปแอบดูข้อบังคับพรรคมา กลายเป็นฟ้ากับเหว แต่จะทำได้จริงหรือเปล่าก็อีกเรื่อง

ในหมวดว่าด้วย วินัยและจรรยาบรรณของสมาชิก ส่วนที่ ๑ วินัยและจรรยาบรรณ ข้อ ๒๓ สมาชิกมีหน้าที่รักษาวินัยและจรรยาบรรณ ดังต่อไปนี้

(๕) ไม่ปกปิดความผิด และไม่ละเลยต่อการแจ้งความผิดของสมาชิกที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของพรรค

นี่คือข้อบังคับพรรคของจริง ไม่ใช่กาไก่นะครับ

ยังมีอีก…

หมวด ๘ มาตรฐานทางจริยธรรมของสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรคข้อบังคับพรรคก้าวไกลส่วนที่ ๑ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์

ข้อ ๖๘ ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ข้อ ๖๙ ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตยบูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน

นี่คืออุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลครับ มีใครเชื่อบ้าง

ถ้านักร้องเห็นช่องก็ลองดูครับ

ละเมิดข้อบังคับกันเพียบ!

0 replies on “อุดมการณ์ก้าวไกล-ผักกาดหอม”