“กาซา” ถึง “วัดทรายขาว” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

กรณีมี “ภาพ-ข่าว” ปรากฎ
แรงงานไทย “บางคน” ไปเป็นทหารรับจ้างในอิสราเอล
และผมให้ความเห็นว่า
“กระทรวงต่างประเทศ” น่าทำเรื่องนี้ให้ประจักษ์ด้าน “ข้อเท็จจริง” ก่อนจะมีคนนำไปพูดจาเลยเถิด ด้วยข้อมูลที่ยังคลุมเครือ อันจะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย

เมื่อวาน (๘ พย.๖๖) ท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ “ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
“กำลังให้ตรวจสอบข้อมูลอยู่ เท่าที่เห็นในข่าวมีอยู่ ๑ คน สถานทูตไทยยังไม่ได้รายงานกลับมา”

กับคำถามที่ว่า…….
“เป็นไปได้หรือไม่ แรงงานไทยไปทำงานในกองทัพอิสราเอลแต่ไม่ได้เป็นทหารรับจ้าง?”

ท่านปานปรีย์ ตอบว่า
“บางคนบอกว่าเขาเป็น “ลูกครึ่งไทย-อิสราเอล” และเป็นทหารในกองทัพอิสราเอลอยู่แล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นลูกครึ่งและ “เป็นชาวอิสราเอล”

แต่ข้อมูลตรงนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ หากมีข้อมูลคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ”

และท่านให้ความเข้าใจว่า
“หากชายคนดังกล่าวเป็นลูกครึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแรงงานไทย ไม่อยากให้เหมาว่าเป็นแรงงานไทยทั้งหมด เพราะจะทำให้ผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันเดือดร้อนไปด้วย

หากเป็นคนไทย ก็ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของความมั่นคง เพราะเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่เป็นคู่ขัดแย้งกับทั้งสองคู่ขัดแย้ง หากแต่เข้าไปทำงานเป็นแรงงานก็สามารถทำได้”

ครับ….
ก็ควรทราบเพิ่มเติมกันนิด สาวไทยเสน่ห์แรง กว่า ๕๐๐ สาว มีสามีเป็นชาวอิสราเอล เป็นครอบครัวคนอิสราเอล
ตามกฎหมาย เมื่อมีลูก ไม่ว่าหญิงหรือชาย อายุครบ ๑๘ ต้องเป็นทหาร เมื่อครบกำหนด ก็ตีทะเบียนเป็น “ทหารกองหนุน”
ทางการเรียกตัวเมื่อไหร่ ทุกคนต้องไปเป็นทหาร

ข้อมูล-ข้อเท็จจริง เป็นเช่นนี้
ดังนั้น ใครเห็นทหารอิสราเอลหน้าตาหล่อๆ เหมือนหนุ่มไทย ที่เผยแพร่ตามโซเชียล-ติ๊กต๊อก
อย่าด่วนสรุป ๑๐๐% ว่าเป็น “คนงานไทย” ไปสวมเครื่องแบบทหาร “รับจ้างรบ” ทันทีล่ะ

อาจเป็น “ลูกครึ่งไทย-อิสราเอล” เหมือนทหารสหรัฐ “ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน” ก็ได้ ซึ่งมีให้เห็นบ่อย

กรณีนี้ บนผลประโยชน์ประเทศชาติร่วมกัน เราต้องทำความเข้าใจกันให้ชัดว่า
ประเทศไทยเป็น “ดินแดนสันติภาพ-มิตรภาพ-เสรีภาพ”

นั่นคือ “มนุษยชาติทั้งผอง” คือมิตรสหายและมวลพี่น้องของคนไทยและประเทศไทย

ทั้งชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอล ก็เช่นนั้น เสมอเหมือนกันใน “ตาชั่งหัวใจ” คนไทยทุกคน

อยากบอก ญาติพี่น้องในเมืองไทย ที่มีลูกหลานไปทำงานอยู่อิสราเอลว่า
ช่วยเตือนลูกหลานด้วย ว่าอย่าเห็นเป็นของสนุกหรือคิดหารายได้เสริม ด้วยการเข้าไปข้องแวะกับกิจการงานทัพเขา
ไอ้ตายน่ะ ไม่มีใครว่า เรื่องของคุณ

แต่พวกคุณไปรับจ้างทำงานเกษตร แล้วไปสวมเครื่องแบบทหาร แอ็คท่าถือปืนถ่ายรูปส่งมาอวดสาวแบบ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” นั่นน่ะ
สนุกคุณ แต่ประเทศชาติเดือดร้อน รู้ไว้ด้วย!

เอาละ………..
มา “บอกกล่าว-เล่าสิบ” เรื่องการสร้าง “หลวงพ่อทวด” ให้เต็มองค์ดีกว่า

วานซืน “พระครูสังฆรักษ์พิเชษฐ์ จิตตปาโล” รักษาการเจ้าอาวาส วัดทรายขาว สงขลา
แจ้งผลคืบหน้าการหล่อ “หลวงพ่อทวด” ให้เป็นองค์สมบูรณ์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายมาให้ทราบ

ขั้นตอนหล่อ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพื่อให้เข้าใจไปพร้อมๆ กัน ผมจะลอกรายละเอียดในสัญญาการว่าจ้างหล่อมาให้อ่านไปพร้อมๆกันเลย

แบบสัญญาว่าจ้างทั่วไป (หล่อพระ)
สัญญาเลขที่ 1/2566

สัญญาฉบับนี้ทำขึ้น ณ วัดทรายขาว ตำบล/แขวง ทุ่งหวัง อำเภอ/เขต เมือง จังหวัด สงขลา เมื่อ 3 พ.ย.พ.ศ.2566

ระหว่าง
ผู้ว่าจ้าง ชื่อ พระครูสังฆรักษ์พิเชษฐ์ จิตตปาโล ที่อยู่ วัดทรายขาว 80 หมู่ที่ 6 ตำบล/แขวง ทุ่งหวัง อำเภอ/เขต เมือง จังหวัด สงขลา

ผู้รับจ้าง ชื่อ นายบุญลอย ทิมบ้านคอก ที่อยู่ 172 หมู่ที่ 1 ตำบล/แขวง บ้านตุล อำเภอ/เขต ชะอวด นครศรีธรรมราช

สถานที่ก่อสร้าง วัดทรายขาว ต.ทุ่งหวัง สงขลา

คู่สัญญาได้ตกลงกันมีข้อความดังต่อไปนี้

ข้อ 1.ข้อตกลงว่าจ้าง
ผู้ว่าจ้างตกลงจ้าง และผู้รับจ้างตกลงรับจ้างทำงาน ปั้นหล่อหลวงปู่ทวดหน้าตัก 9 เมตร ความสูงตั้งแต่หน้าอกลงมาถึงฐาน ประมาณ 7 เมตร

โดยได้ตกลงว่าจ้างในราคา 5,500,000 บาท (ห้าล้านห้าแสนบาทถ้วน)

ซึ่งผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างได้ตกลงกันในเรื่องอุปกรณ์การหล่อที่ผู้ว่าจ้างต้องจัดหาให้ผู้รับจ้างดังต่อไปนี้
1.ทองเหลือง
2.เหล็กในการหล่อองค์พระ
3.เชื้อเพลิงในการเผาหลอมโลหะ (แก๊ส ถ่าน)
4.อิฐบล็อก ทราย
5.รถเครนในการยกประกอบองค์พระ
6.ลมออกซิเจนในการเชื่อม

ผู้รับจ้างตกลงที่จะจัดหาแรงงานและวัสดุ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ชนิดดีเพื่อใช้ในงานจ้างตามสัญญานี้ ได้แก่
1.เบ้าหลอมโลหะ
2.ใยแก้วในการก่อเตาเผา
3.ปูนปลาสเตอร์
4.ขี้ผึ้งในการปั้นหุ่น
5.นั่งร้าน
6.อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ

ข้อ 2.ค่าจ้างและการจ่ายเงิน
ผู้ว่าจ้าง ตกลงจ่าย และผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้างจำนวนเงิน 5,500,000 บาท (ห้าล้านห้าแสนบาทถ้วน)

โดยผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้างได้ตกลงกันปั้นหล่อหลวงปู่ทวดหน้าตัก 9 เมตร องค์พระจนถึงฐานล่าง

โดยแบ่งเทหล่อเป็นชิ้นส่วน ประมาณ 6 ชิ้น

โดยมีสัญญาถือราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์ และกำหนดการจ่ายเงิน เป็น 6 งวด ดังนี้

งวดที่ 1 ผู้รับจ้างขอเบิกล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) เพื่อใช้ในการประกอบหุ่นโฟมให้สำเร็จเป็นองค์หลวงปู่ทวดโดยสมบูรณ์ และตกแต่งหุ่นโฟมจนสมบูรณ์ ถ้าผู้รับจ้างไม่สามารถประกอบหุ่นโฟมจนสำเร็จได้ ผู้รับจ้างไม่สามารถเบิกเงินขั้นต่อไปได้

หมายเหตุ : ทางวัดต้องจ่ายเงินจำนวน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) เมื่อลงนามในสัญญาจ้างเหมา

ผู้รับจ้างรับเงินแล้วต้องลงมือทำงานภายในเวลา 30 วัน หากผู้รับจ้างรับเงินไปแล้วไม่ทำงาน ผู้ว่าจ้างสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้

หากผู้รับจ้างได้รับเงินไปแล้วไม่ดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน ผู้ว่าจ้างสามารถดำเนินคดีได้

งวดที่ 2 ผู้รับจ้างขอเบิกล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) เพื่อนำเงินมาปั้นหล่อ ชิ้นส่วนที่ 1

คือ ชิ้นส่วนเริ่มตั้งแต่หน้าอกลงมาถึงรัดประคดองค์พระ ความสูงโดยประมาณ 1.20-1.50 เมตร มีความกว้างเป็นวงรีรอบองค์หลวงปู่ทวด ปั้นหล่อเททองจนสำเร็จเป็นชิ้นส่วนที่ 1 จึงจะขอเบิกเงินงวดต่อไปได้

งวดที่ 3 ผู้รับจ้างขอเบิกล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน)  เพื่อนำเงินมาปั้นหล่อเททองชิ้นส่วนที่ 2 ขององค์หลวงปู่ทวด

ตั้งแต่รัดประคดถึงหน้าตักองค์หลวงปู่ทวด มีความสูงประมาณ 1.20 เมตร ความยาวเป็นวงรีรอบองค์หลวงปู่ทวด จนสำเร็จจึงจะเบิกเงินงวดต่อไปได้

งวดที่ 4 ผู้รับจ้างขอเบิกล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 2,400,000 บาท (สองล้านสี่แสนบาทถ้วน) เพื่อนำมาปั้นหล่อเททองชิ้นส่วน ตั้งแต่หน้าตักลงมา ถึงฐานล่าง มีความยาว 9 เมตร รององค์หลวงปู่ทวด โดยจะแบ่งแยกเททองเป็น 4 ชิ้นส่วน จนแล้วเสร็จ จึงจะเบิกเงินงวดต่อไปได้

งวดที่ 5 ผู้รับจ้างขอเบิกล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) เพื่อนำเงินมาขัดตกแต่งโลหะแต่ละชิ้นส่วนขององค์หลวงปู่ทวด

และประกอบเป็นองค์หลวงปู่ทวดให้สมบูรณ์พร้อมทำสีรมดำจนเสร็จสิ้น จึงขอรับเงินส่วนที่เหลืองวดสุดท้ายได้

งวดที่ 6 ผู้รับจ้างขอเบิกงวดสุดท้าย เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) เมื่อส่งมอบงาน

(ลงชื่อ)..พระครูสังฆรักษ์พิเชษฐ์ จิตตปาโล ผู้ว่าจ้าง
(ลงชื่อ)..บุญลอย ทิมบ้านคอก ผู้ว่าจ้าง
…………………………………….

สรุป….
“หลวงพ่อทวด” จะครบเป็น “องค์เต็ม” สมบูรณ์ ใช้เงิน ๕ ล้าน ๕ แสนบาท (ตามสัญญาว่าจ้าง)
ยังเหลืออีกกว่า ๑๐ ล้าน ได้สร้างวิหารบรรจุสรีระ “พระเทพญาณโมลี” (ผัน ปสันโน) อดีตเจ้าอาวาส ไปพร้อมๆ กับการสร้างหลวงพ่อทวด “องค์สมบูรณ์”

“ท่านชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา แจ้งมา ได้โอนเงินแล้ว ๓,๐๐๐ บาท ผมกราบอนุโมทนาเกาะส่วนบุญท่านด้วย

เงินของหลายท่านอยู่ที่ผมอีก ๖๕,๐๐๐ บาท ไปวัดแล้วจะนำไป ดูท่า กว่าจะถึงวันเต็มองค์ ยอดจะเกิน ๑๖ ล้านด้วยซ้ำ

คุณเปรม เจ้าของ “กาแฟ สว.” แจ้ง ได้รับใบอนุโมทนาบัตรแล้ว เสนอความเห็นว่า ที่ “แพรนด้า จิวเวลรี่” จะสร้างหลวงพ่อทวด “รุ่นต็มองค์” ถวายนั้น
“อยากให้ผมแบ่งนำมาแจกกับผู้ร่วมบริจาคบ้าง”

ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่ผมยังไม่ทราบว่า คุณปราโมทย์ได้พูดจากับพระครูสังฆรักษ์พิเชษฐ์ไว้อย่างไร ได้เรื่องแล้วจะบอกให้ทุกท่านทราบ

ได้คุยเรื่องหลวงพ่อทวด หลับตาเห็นเงิน ๑๖ ล้าน ที่ท่านโอนถวายหลวงพ่อทวด สุขใจยังไงบอกไม่ถูก

ทางวัด ก็ “ทันตา-ทันใจ” ดีเหลือเกิน
ต้นปีหน้า “หลวงพ่อทวด” ที่เราทั้งหลายร่วมกันสร้าง “ใหญ่ที่สุดในโลก” เสร็จเป็น “องค์สมบูรณ์”

ด้วยอานิสงส์นี้ เราทั้งหลายชีวิตจะไม่สมบูรณ์ได้อย่างไร จริงมั้ย?

เปลว สีเงิน
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ปรับครม.ไปจ่อเหว – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “เจ้าป่า-เจ้าเขา” นี่เฮี้ยนนะ! เล่นงานสาวเอ๋ “ปารีณา ไกรคุปต์” ตกเก้าอี้สส.ไปคนแล้ว ฐานเป็นนักการเมืองไป “บุกรุกป่า” ผิดทั้งอาญาและผิดทั้งจริยธรรมร้ายแรง เมื่อวาน...
Read More
0 replies on ““กาซา” ถึง “วัดทรายขาว” – เปลว สีเงิน”