30 ตุลาคม 2566-ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันนี้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1974/2564 ระหว่างพนักงานอัยการฯ โจทก์ ฟ้อง น.ส.เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นจำเลย กระทำความผิดมาตรา 112
กรณีที่ น.ส.เบนจา ได้ปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่างกิจกรรม ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 วันนี้ น.ส.เบนจาได้เดินทางศาลมาถึงเวลา 09.40 น.
น.ส.เบนจา กล่าวว่า กำลังใจของตนยังดี และพยายามจะคลายความกังวลออกไป เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอให้ไม่เป็นไปตามที่หวัง ต้องรับสภาพ และเดินหน้าสู้ต่อไป คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอดีตนายกรัฐมนตรี และดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง
ซึ่งแม้เราจะมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าคดีเหล่านี้เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าในรัฐบาลนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ หาจุดตรงกลางที่จะให้ผ่านจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีผู้ถูกดำเนินคดีใน คดี ม.112 เยอะ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเก่า ที่ในวันนี้เป็นคดีสะสมสำหรับหลายๆ คน รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อ และขอให้จับตาดู
น.ส.เบนจา ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีบ้างที่กำลังใจลดลง เพราะก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวแผ่วลงไป แต่เข้าใจบริบทของสังคมทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในรูปแบบของรัฐสภา ซึ่งตนมองว่า ต่อให้ดำเนินคดีกับพวกเราไปจนสุดทาง แต่คนที่เปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยน การที่เอาเราไปขังคุก และตัดสินคดีจำคุกไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้สังคมนี้กลับไปอยู่จุดเดิม
“ส่วนตอนนี้ตนมีคดีพิพากษาที่รอการพิพากษาอยู่ 8 คดีเป็นคดีในมาตรา 112 ทั้งหมด หากวันนี้ได้รับการปล่อยตัวตนจะกลับไปเรียนหนังสือต่อเพราะเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี”